วีฟาร์ม จับมือเซเว่น อีเลฟเว่น และวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทองและเครือข่ายพื้นที่ใกล้เคียง ผุดผลิตภัณฑ์ “กล้วยหอมอบเนยและกล้วยหอมกรอบ” วางขายที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น โดยเป็นความร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่ายที่ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้สามารถเป็นผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดได้ พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้จากการปลูกกล้วยหอมทองอีกด้วย
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วีฟาร์มได้มีความร่วมมือกับเซเว่น อีเลฟเว่นและวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง และเครือข่าวเกษตรกรท้องถิ่นจังหวัดนครปฐม โดยเป็นความร่วมมือที่เข้ามาส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนในการต่อยอดวัตถุดิบทางด้านการเกษตร ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น เนื่องจากวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทองและเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรีและเพชรบุรี เป็นแหล่งปลูกกล้วยหอมทองที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อย โดยในการทำงานร่วมกันนั้นเป็นการสานความร่วมมือทั้ง 3 ฝ่ายและต่อยอดร่วมกันด้วยการต่อยอดงานวิจัยผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับนโยบายของเซเว่น อีเลฟเว่นใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การให้ ให้องค์ความรู้ในการวิจัยพัฒนาในเรื่องการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน 2.ช่องทางการจัดจำหน่าย เป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ในชุมชนส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัดในการหาแหล่งซื้อ ซึ่งในปัจจุบันช่องทางการจัดจำหน่ายของร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่น มีร้านครอบคลุมกว่า 14,000 สาขาทั่วประเทศและผ่านแอปพลิเคชั่นเซเว่น เดลิเวอรี่ ได้อีกด้วย และ 3. เครือข่าย การทำงานในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกัน นอกเหนือจากเซเว่น อีเลฟเว่น วีฟาร์ม วิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรในท้องถิ่นแล้วนั้นยังมีเครือข่ายของหน่วยงานนวัตกรรมต่างๆ ของสถาบันการศึกษา ซึ่งในช่วงเริ่มต้นก็จะมีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) ที่ได้เข้ามาร่วมพัฒนาสูตรร่วมกัน
ในการทำงานร่วมกันในระยะยาวต่อไปนั้นคือการสร้างความมั่นคง เข้มแข็งและเป็นประโยชน์ให้กับทางเกษตรกรในพื้นที่รวมถึงวิสาหกิจในชุมชนได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากมีตลาดเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ เพราะว่าทางวีฟาร์มได้เลือกชื่อผลิตภัณฑ์เป็น “ตะกร้า” มีความหมายว่าเป็นภาชนะใส่วัตถุดิบทางด้านการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ตะกร้ายังเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่มีการสานตะกร้า เปรียบเสมือนเป็นการสานความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการนำเอาความสุข นำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพวางขายในตลาด เช่น กล้วยหอมอบเนย และกล้วยหอมกรอบ โดยมีเอกลักษณ์พิเศษในเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบกล้วยที่ดิบ 80% เป็นกล้วยหอมอบเนย ส่วน 90-95% เป็นกล้วยหอมกรอบรวมถึงมีการสไลด์ที่บางเฉียบและกรอบเป็นพิเศษ
นอกจากนี้แบรนด์ วีฟาร์มตะกร้า ยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์กล้วยน้ำว้าอีก 3 ประเภทและได้คัดเลือกวิสาหกิจชุมชนที่อยู่ในพื้นที่อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ท้องถิ่นที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องในการทำกล้วยตากของประเทศไทยมากว่า 100 ปี และได้คัดสรรกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์กล้วยน้ำว้าตากรสดั้งเดิม อบน้ำผึ้งดอกลำไย และกล้วยน้ำว้าตากหนึบ โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นทางด้านการเกษตรและกำลังทยอยวางสินค้าไปอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เปิดเผยว่า เซเว่น อีเลฟเว่น มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ SME และชุมชน พร้อมกับสังคม ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามปณิธานองค์กร “Giving & Sharing” ผ่านกลยุทธ์ 3 ให้ ได้แก่
1.ให้ความรู้ 2.ให้ช่องทางขาย และ 3.ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อก่อให้เกิดเป็น Ecosystem สำหรับ SME ในการสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนด้วยตัวเองในอนาคต “ระบบเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนได้นั้น ระบบเศรษฐกิจชุมชน สังคม และธุรกิจ SME ซึ่งถือเป็นฐานรากสำคัญของระบบเศรษฐกิจ ต้องเข้มแข็ง และแข็งแรงเสียก่อน เซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะหน่วยงานที่ร่วมทำงานกับ SME ในทุกมิติมากว่า 30 ปี เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงมีความมุ่งมั่น และตั้งใจจริงที่จะสนับสนุน ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน สังคม และธุรกิจ SME อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Ecosystem สำหรับ SME ให้เกิดขึ้นในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ระดับชุมชน และเกษตรกร ในการช่วยสร้างความมั่นคงด้านรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการ SME เองก็จะได้วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ นำมาผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภค เมื่อสินค้าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและตลาดก็จะช่วยเพิ่มขีดศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจในอนาคต” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
สำหรับ นางวันดี ไพรรักษ์บุญ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง เปิดเผยว่า เดิมทีเธอทำงานเป็นพนักงานบริษัทแต่ได้มาทำวิสาหกิจชุมชนมาตั้งแต่ปี 2553 ปัจจุบันกว่า 16 ปี และได้มีวีฟาร์มและเซเว่น อีเลฟเว่น เข้ามาส่งเสริมและร่วมพัฒนาต่อยอดไปพร้อมกัน จุดเด่นของสินค้าคือกล้วยที่คัดสรรมาทำจะเป็นกล้วยที่ผิวภายนอกไม่สวย เนื่องจากถ้าหากนำผลสุกไปวางขายตามห้างสรรพสินค้าจะมีการคัดออกและเลือกเฉพาะที่ผิวภายนอกสวยเป็นอันดับแรก แต่วิสาหกิจชุมชนของเธอกลับมองว่าผิวภายนอกไม่สวยแต่เนื้อข้างในคือของดี ซึ่งระยะเวลาในการปลูกกล้วยนั้นมีระยะเวลาประมาณ 9 เดือนและปลูกผสมผสานไปกับพืชชนิดอื่นได้
การที่เซเว่น อีเลฟเว่น และ วี ฟาร์ม เข้ามาช่วยสนับสนุน และส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง ถือเป็นการช่วยยกระดับสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวของจังหวัดนครปฐมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และยังช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกในกลุ่มฯ รวมถึงเกษตรกรในจังหวัดต่างๆ ทั้งในนครปฐม เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร และชาวบ้านที่ปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่ จากเดิมที่เกษตรกรขายได้เพียง 8-10 บาทต่อกิโลกรัม แต่กลุ่มวิสาหกิจรับซื้อกล้วยปลอดสารจากกลุ่มนี้ในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัม ขณะเดียวกันยังรับซื้อผลผลิตเพิ่มจากเดิม 1 ตันต่อวัน เป็น 2 - 2.5 ตันต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการแปรรูปส่งขายในโมเดิร์นเทรด
ความพิเศษที่ทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม ตะกร้า” มีความโดดเด่นต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นในตลาด คือ ทางกลุ่มฯ ใช้กล้วยหอมทองพันธุ์ไทยแท้ ซึ่งมีคุณลักษณะเฉพาะคือ เนื้อเนียน ละเอียด แน่น รสชาติอร่อย โดยเก็บเกี่ยวในระยะกล้วยดิบที่แก่ 80% นำมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด และนำไปสไลด์ด้วยใบมีดพิเศษที่ทำให้ชิ้นกล้วยมีความบาง เมื่อนำไปทอดจะทำให้ได้ชิ้นกล้วยที่กรอบเสมอกันทุกชิ้น และมีสีเหลืองสวยงาม และนำมาอบเนยให้ความหอม จนได้เป็น “กล้วยหอมอบเนย” ขณะที่กล้วยดิบที่แก่มากกว่า 80% แต่ไม่เกิน 95% จะนำมาแปรรูปเป็น "กล้วยหอมกรอบ" เพื่อลดการสูญเสียของกล้วยหอมทองที่นำมาแปรรูปไม่ทัน
“หลังจากที่ทาง วี ฟาร์ม เข้ามาพูดคุยถึงเรื่องการนำกล้วยหอมทองมาแปรรูปเป็นกล้วยหอมอบเนย และกล้วยหอมกรอบ ในรูปแบบของ Local Snack ก็มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพ มาตรฐาน และกำลังการผลิต แต่ทางวี ฟาร์ม และเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี ทำให้มีความมั่นใจ จนสามารถผลิตออกมาเป็นสินค้าที่ได้คุณภาพ ตรงตามมาตรฐานของตลาด ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า กล้วยหอมทองของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง จะสามารถยกระดับสู่การเป็นสินค้าไทยในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน” นางวันดี กล่าวทิ้งท้าย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *