สละลอยแก้ว เมนูยอดนิยม ร้านอาหารทั่วประเทศ จะต้องมีเมนูนี้เสิร์ฟลูกค้า ต่างชาติที่มาประเทศไทยต่างชื่นชอบยกให้สละลอยแก้ว เป็นหนึ่งเมนูในใจ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง ล่าสุด สวนสะละลุงถัน จ.พัทลุง ได้ออเดอร์สละลอยแก้ว 1 ล้านถ้วย ซึ่งดีใจอยู่ได้ไม่กี่วัน เพราะพอจะส่งสินค้าไปสอบถามค่าขนส่งจากสายการบิน ต้องพับโปรเจคกลับบ้านมือเปล่า สู้ค่าส่งไม่ไหว แพงกว่าราคาสินค้า หาทางออกหันไปทำ “สละลอยแก้วผง” ครั้งแรกของเมืองไทย เตรียมบุกตลาดร้านเครื่องดื่มทั่วประเทศ
“สวนสะละลุงถัน” สวนสละแห่งแรกของพัทลุง
นายวิชัย ดำเรือง เจ้าของ “สวนสะละลุงถัน” จังหวัดพัทลุง เล่าว่า หลังจากที่ตนเองเข้ามาสืบทอดกิจการทำสวนสละ ต่อจาก พ่อ (ลุงถัน) บนพื้นที่ 15 ไร่ ที่ปรับจากสวนยาง และสวนปาล์มมาทำสวนสละ ซึ่งพ่อ คือ ลุงถัน ได้ศึกษาการปลูกสละมาจากจังหวัดจันทบุรี ก่อนจะนำมาปลูกที่พัทลุง และเป็นรายแรกที่มีการปลูกสละในจังหวัดพัทลุง เลือกปลูก 2 สายพันธุ์ คือ สุมาลีและเนินวง เมื่อปี 2543
ทั้งนี้ ด้วยผลตอบรับที่ดีจากคนกิน และที่สำคัญคือ การดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยวง่ายกว่าการปลูกปาล์มเพราะต้นเตี้ย ยิ่งอายุเยอะต้นยิ่งเตี้ย และ ไม่ต้องใส่ปุ๋ย พ่นยา สละจึงเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ปลอดภัยต่อการบริโภค นอกจากนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ชาวสวนสามารถกำหนดราคาเองได้ ในขณะที่การทำปาล์ม ราคาไม่สามารถกำหนดเองได้ หลังจากที่สวนสะละลุงกัน ประสบความสำเร็จจากการปลูกสละที่ให้ผลผลิตที่ได้ จึงมีเกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกสละกันเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน มีพื้นที่การปลูกสละในภาคใต้ ไม่ต่ำกว่า 4,000 ไร่
สละล้นตลาด เข้าสู่กระบวนการแปรรูป
อย่างไรก็ดี ด้วยมีการปลูกกันมาก เวลาผลผลิตออกตลาดในช่วงที่ผลไม้เยอะ อย่าง กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน 3 เดือน เนี่ยราคาก็จะตกมาก ทำให้ต้องหาวิธีการว่าจะแปรรูปเพื่อระบายผลผลิตที่ออกเป็นจำนวนมาก โดยผมได้ไปปรึกษากับทาง หน่วยงานและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ (ม.อ.) จนได้มาเป็นสละลอยแก้ว ไวน์สละ และแยมสละ ฯลฯ จนล่าสุด ทางนักร้องชื่อดังของภาคใต้ ไปได้ออเดอร์สละลอยแก้วจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทางซาอุฯ ต้องการจำนวน 1 ล้านถ้วย แต่ปัญหาของเรา คือ ค่าขนส่งที่สูงมาก เพราะทางสายการบิน คิดค่าขนส่งเป็นกิโลกรัมละ 15-18 บาท ด้วยค่าขนส่งที่สูงมากทำให้เราไม่สามารถที่จะส่งสละลอยแก้วตามออเดอร์ของประเทศซาอุฯ ได้
ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้เป็นที่มาของการพัฒนาแปรรูปสละลอยแก้ว ออกมาเป็นสละผงลอยแก้ว เพราะจะให้น้ำหนักที่เบากว่า สามารถขนส่งได้ง่าย ไม่กระทบต่อต้นทุนการขนส่งที่ต้องไปบวกกับลูกค้า แต่ปัญหาของเรา คือ ตอนนี้ ยังขาดเรื่องโรงเรือน เครื่องจักร เพราะถ้าไม่มีโรงเรือน เครื่องจักร การขอมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อย. หรือ ฮาลาล เราก็ยังทำไม่ได้ เพราะทาง ม.อ. ไม่สามารถช่วยเราในเรื่องของการขอมาตรฐานตรงนี้ได้ ทางผู้ประกอบการอย่างเราจะต้องทำเอง
หาเงินทุน เพื่อเตรียมเปิดโรงงานรองรับขอมาตรฐาน
โดยได้เดินเรื่อง ดำเนินการทำโรงงานผลิตเพื่อขอมาตรฐาน ไปเกินครึ่งทางแล้ว สำหรับการทำโรงงานผลิต ตอนนี้ ขาดเงินทุนเรื่องการลงเครื่องจักร และเงินทุนหมุนเวียน คาดว่า จะต้องใช้เงินทุนในการทำโรงงานครั้งนี้ ประมาณ 5 ล้านบาท และในส่วนของวัตถุดิบ ที่คาดว่าจะต้องใช้จำนวนมาก ตอนนี้ ได้ออกไปให้ความรู้กับเกษตรกรที่สนใจ ต้องการปลูกสละ เพื่อเป็นเครือข่าย ส่งวัตถุดิบให้กับเรา เพราะถ้าไม่หาเครือข่ายเกษตรกรไว้ จะมีปัญหาเรื่องของวัตถุดิบ ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ราคาสละจะแพง กระทบต่อต้นทุนการผลิต หรือไม่ก็จะหาวัตถุดิบไม่ได้ เป็นปัญหาต่อการรับออเดอร์ต่างประเทศในอนาคตได้
ส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย ที่ผ่านมาการขายผลสด ก็จะขายหน้าร้าน ที่เป็นสวนสะละลุงถัน และ การออกร้านงานโอทอป จากการที่เราได้เป็นผลิตภัณฑ์โอทอปด้วย ทำให้มีโอกาสเข้าไปขายตามที่หน่วยงานภาครัฐเค้าให้สินค้าโอทอปเข้าไปขายได้ โดยช่องทางขายในอนาคตที่วางไว้ มุ่งเป้าไปที่ “ผงสละลอยแก้ว” เนื่องจากยังไม่มีใครทำมาก่อนเราเป็นรายแรกที่ทำสละผงออกมาจำหน่าย ดังนั้น จึงไม่มีคู่แข่งในตอนนี้ มองว่าตลาดสละผงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้
แจ้งเกิดสละผงรายแรก ตั้งเป้าบุกตลาดในประเทศ และตปท.
โดยสละผง ว่าเป้าหมายทางการตลาดไว้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่วนตลาดต่างประเทศ คิดว่าจะติดต่อกับตัวแทนที่ติดต่อส่งสละลอยแก้ว ถ้ามีเจรจากับตัวแทนที่ส่งออกและเค้าสามารถติดต่อประเทศที่ต้องการสินค้าของเราได้ ก็จะเน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก ส่วนตลาดในประเทศ มองไปที่ร้านเครื่องดื่มที่ต้องการนำไปชงขายในร้านร่วมกับเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เพราะมองว่า คล้ายกับเครื่องดื่มชนิดผงอื่นๆ ทางร้านขายเครื่องดื่มแค่นำไปใส่น้ำปรุงรสตามชอบ ก็จะได้เครื่องดื่มที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภค ซึ่งร้านเครื่องดื่มในเมืองไทยมีเยอะมาก โอกาสทางการตลาดน่าจะมีมากเช่นกัน ล่าสุดมองไปที่ร้านเครื่องดื่มชื่อดัง อย่าง คาเฟ่อเมซอน เป็นต้น
นายวิชัย เล่าว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบการเรียนหนังสือ เรียนจบมา 3 ด้าน คือ สาขาเอ็นจิเนีย และมาเรียนต่อด้านการจัดการ และ มาเรียนด้านนิติศาสตร์เพิ่มอีก หนึ่งใบ แต่ไม่ได้เรียนทางการเกษตรมาเลย ความรู้ด้านการเกษตรมาต่อยอดจากการเรียนรู้ในชีวิตจริง และจากตำราของพ่อถัน ที่คอยบอก คอยสอน และทำเป็นแบบอย่างให้เราดู การตัดสินใจมาทำเกษตร เพื่อจะสานต่อสิ่งเล็กๆ ที่พ่อทำไว้ ให้มันเติบโต และต่อยอดมาเป็นธุรกิจส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อๆไป ไม่ได้อยากจะให้มันจบลงแค่การทำเกษตร อยากให้การทำเกษตรสามารถสร้างเป็นธุรกิจให้คนรุ่นหลังได้ทำต่อ
การทำเกษตรยุคใหม่ต้องรู้จักต่อยอดสร้างธุรกิจ
“ส่วนตัวผมทำเกษตรมาได้เกือบ 20 ปี กว่าจะได้เป็นรูปเป็นร่าง ถึงวันนี้ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ถ้าทำเกษตรเหมือนกับเกษตรกรในยุคเก่าที่ไม่ได้มีการแปรรูปอะไร ปัญหาเหมือนกับเกษตรกรรายอื่นๆ เพราะคนปลูกกันเยอะส่งผลต่อราคาที่ตกต่ำ ขาดทุน แต่พอเริ่มที่จะนำมาแปรรูป นอกจากจะไม่ต้องขายผลผลิตในราคาที่พ่อค้าคนกลางกำหนด แต่ สามารถที่จะกำหนดราคาเองได้ และการแปรรูปสละสวนลุงถัน ปัจจุบันอาศัยให้ทาง ม.อ.หาดใหญ่ช่วยผลิตให้ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าสละของเราได้ประมาณสัก 2 เท่าตัว แต่ถ้ามีโรงงานเองเชื่อว่าช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตสละของเราได้ไม่ต่ำกว่า 3-4 เท่าตัว”
ปัจจุบันจะพบว่าเกษตรกรยุคใหม่ กลายมาเป็นเถ้าแก่เจ้าของโรงงานผลิตอาหารแปรรูป ประสบความสำเร็จกันเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมาจากการไม่หยุดที่จะทำแค่ปลูกและก็ขาย หลายคนเริ่มจากจุดเล็กแก้ปัญหาจากผลผลิตในสวนตัวเองก่อน ที่จะผลักดันตัวเอง จนได้มาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตอาหารแปรรูป ช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรรายอื่นๆ ในพื้นที่ช่วยระบายผลผลิตที่ล้นตลาดในช่วงฤดูกาลได้เป็นผลสำเร็จ
สนใจ ติดต่อ โทร. 08-4859-3571
Facebook : สวนสะละลุงถัน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *