เมื่อธุรกิจเริ่มต้นจากการแก้ปัญหาการแพ้สารเคมีในน้ำยาล้างจาน บวกกับความต้องการเห็นสิ่งแวดล้อมดีขึ้นจึงเกิดเป็น “น้ำญาใจ” น้ำยาล้างจานออร์แกนิคส์จากผลไม้ 3 ชนิดได้แก่ ส้มเกลี้ยง มะกรูดและสับปะรด ที่เมื่อนำมารวมกันแล้วทำให้ประสิทธิภาพในการซักล้างเป็นผลดีที่สุด น้ำญาใจตีตลาดออนไลน์มาอย่างต่อเนื่องพร้อมตั้งเป้าการเติบโตทั้งในและต่างประเทศและเตรียมขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ณิชยา ศรีสุชาติ Co-Founder แบรนด์ น้ำญาใจ ออร์แกนิคส์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์น้ำยาล้างจานออร์แกนิคส์แบรนด์ น้ำญาใจ นั้นมีที่มาจากการเกิดปัญหาเรื่องสุขภาพจากการดำเนินชีวิต จนทำให้เธอได้รักษาด้วยธรรมชาติบำบัดซึ่งในช่วงที่รักษาตัวจากโรคต่างๆ นั้นเธอได้ตั้งครรภ์และเกิดภาวะที่ไม่สามารถกินอาหารจากข้างนอกได้ ทำให้คุณแม่ของเธอได้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องการทำอาหารกินเองและทำอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าการทำอาหารกินเองในทุกๆ ครอบครัวจำเป็นต้องมีการล้างจานและชำระอุปกรณ์เครื่องครัวเป็นเรื่องปกติ โดยมีอยู่วันหนึ่งคุณแม่ของเธอเดินเข้าไปหาพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างให้ดูและปรากฎว่ามือของคุณแม่นั้นมีการลอก บวมแดง เป็นผื่นแดง ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการแพ้น้ำยาล้างจาน ซึ่งอาจจะแพ้ตัวสารเคมีและตัวน้ำหอมต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ ไปหาหมอและเปลี่ยนแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาการก็ไม่หาย ทำให้เธอต้องคิดค้นและเป็นแรงบันดาลใจในการทำผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานขึ้นมานั่นเอง
น้ำญาใจเป็นผลิตภัณฑ์ล้างจานที่ถูกผลิตขึ้นมาจากผลไม้ฮีโร่ 3 ชนิดที่เป็นผลไม้สดและนำมาแปรรูป ได้แก่ ส้มเกลี้ยง มะกรูดและสับปะรด เนื่องจากผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้เมื่อนำมาผสมรวมกันแล้วจะก่อให้เกิดคุณสมบัติการซักล้างที่ดีที่สุด เพราะว่าในส้มเกลี้ยงนั้นทางแบรนด์ได้สกัดเอาความเปรี้ยวออกมา ซึ่งเมื่อสกัดออกมาแล้วจะได้กรดอินทรีย์ธรรมชาติ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในเรื่องของการควบคุมแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคได้ ส่วนมะกรูดนั้นมีคุณสมบัติในเรื่องการดับคาวและส่วนผสมสุดท้ายคือสับปะรด มีคุณสมบัติเรื่องการย่อย ขจัดคราบไขมันและโปรตีนนั่นเอง และเมื่อรวมกันทั้ง 3 ชนิดจนกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์เสร็จสิ้นแล้วนั้นยังเพิ่มคุณสมบัติพิเศษเข้าไปอีกนั่นก็คือ มีโพรไบโอติกส์ที่จะช่วยเรื่องการบำบัดน้ำเสียไปในตัวอีกด้วย นอกจากนี้แล้วน้ำญาใจไม่มีการใส่กลิ่นและสีสังเคราะห์ ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่น สี และขจัดคราบที่ได้มาตรฐานฟู้ดส์เกรด 100% และเมื่อนำไปซักล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นน้ำญาใจก็จะสามารถย่อยสลายกลับไปเป็นน้ำปกติและไม่ส่งผลต่อธรรมชาติ
ทั้งนี้น้ำญาใจในตอนแรกเป็นเพียงการผลิตทำใช้ภายในครอบครัว ไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายว่าจะผลิตขาย แต่ในเวลาต่อมาก่อนช่วงโควิด-19 ระบาดหนักได้มีแรงบันดาลใจในการผลิตขายจากคำพูดของลูกสาวของเธอเมื่อช่วงที่ไปเที่ยวทะเล ซึ่งเป็นสถานที่ในความทรงจำของเธอและครอบครัว แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าน้ำทะเลเป็นสีดำโคลน มีฟองต่างๆ จากผิวน้ำและสิ่งที่น่าตกใจคือสัตว์ที่เห็นบนชายหาดมีเพียงเศษซากของกุ้งทอด ทำให้ลูกสาวของเธอพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา คือ “แม่ ถ้าสมมติว่าคนใช้น้ำยาที่มันทำให้สิ่งแวดล้อมมันดีขึ้นมันน่าจะดีนะ” เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็นำเอาคำพูดของลูกกลับมาคิดทบทวนและปรึกษากันว่าลองทำขายดีหรือไม่ และผลสรุปคือตัดสินใจทำขายและเกิดเป็นแบรนด์ น้ำญาใจ ซึ่งขายมาได้ประมาณ 2 ปี แล้วนั่นเอง
หลังจากที่ตัดสินใจเปิดขายแล้วโควิด-19 เริ่มระบาดหนักทำให้ทางแบรนด์ต้องหยุดขายไปแต่ก็ยังคงทำผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องแต่เปลี่ยนจากขายเป็นแจกแทน เนื่องจากในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักทุกคนล้วนได้รับผลกระทบ ทางแบรนด์จึงมองว่าทำแจกไปก่อนโดยเริ่มที่แรกคือโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนนทบุรี ส่งไปที่วัดและสถานปฏิบัติธรรมในต่างจังหวัด แจกเพื่อนฝูงและคนรอบข้าง ใครตกงานทางแบรนด์ให้เอาไปใช้กันแบบฟรีๆ ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมานั้นเป็นเรื่องของการนำเอาความคิดเห็นกลับมาพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามาสั่งซื้อจนทำให้เป็นแบรนด์ น้ำญาใจ จนถึงทุกวันนี้
กลุ่มลูกค้าของทางแบรนด์มีทั้งคนที่ชื่นชอบสินค้าที่เป็นออร์แกนิคส์หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพให้กับพ่อแม่หรือครอบครัว รวมถึงกลุ่มพ่อแม่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อลูกของตนเอง ซึ่งผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์สามารถใช้ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ปัจจุบันทำการตลาดออนไลน์เป็นหลักเพราะต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงเข้าร่วมกับ KTC U Shop ที่เปิดโอกาสให้นำสินค้าไปวางขายและทำโปรโมชั่นร่วมกัน นอกจากนี้น้ำญาใจเป็นแบรนด์สินค้าออร์แกนิคส์ที่เริ่มต้นจากคนในบ้าน และเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเพียง 500 บาท ก่อนจะเติบโตจนถึงทุกวันนี้
ธุรกิจที่ไม่ได้เอาเงินเป็นที่ตั้ง น้ำญาใจมีเป้าหมายการทำธุรกิจทั้งหมด 3 เรื่องคือ 1.Profit แน่นอนว่าทำธุรกิจจำเป็นต้องมีการเติบโตแต่ทางแบรนด์ต้องการหาพาร์ทเนอร์ร่วมทำธุรกิจไปด้วยกัน ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตนี้ไว้ว่าใน 1 ภูมิภาคต้องมี 1 น้ำญาใจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต การขายหรือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันเพื่อให้ธุรกิจเติบโตไปในทางที่ดีได้ 2.People จะต้องทำสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี แก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ และ 3.Planet แก้ปัญหาเรื่องการบำบัดน้ำเสียได้ พร้อมทั้งส่งเสริมการแยกขยะให้กับลูกค้า
กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของน้ำญาใจ ทางแบรนด์ตั้งชื่อว่า “เพื่อนรู้ใจ” “เพื่อน” คือการหาพาร์ทเนอร์หรือเพื่อนมาร่วมทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปด้วยกันได้ ซึ่งเพื่อนที่ให้โอกาสและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในตอนนี้คือ KTC U Shop นอกจากจะเอาสินค้าไปวางขายให้แล้วยังมีการเก็บกำไรให้อีกด้วย พร้อมทั้งให้ความรู้และแนะนำการเติบโตของธุรกิจอีกด้วย ส่วน “รู้” คือ ในการทำการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ แต่เริ่มลงทุนด้วยงบประมาณที่ค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นต้องตระหนักและเพิ่มความรู้ ดังนั้นตัวสินค้าจำเป็นต้องมีนวัตกรรมเข้ามาช่วย กล่าวคือเป็นนวัตกรรมเชิงปรับปรุงเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ ส่วนในเชิงการตลาดนั้นจะเน้นทำคอนเทนต์การให้ความรู้แก่ตัวลูกค้าด้วยความจริงใจ สุดท้ายเป็นเรื่องของ “ใจ” ที่เรียนรู้จากการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าและได้รับฟีดแบกกลับคืนมา ทำให้ทางแบรนด์ต้องเข้าใจเป้าหมายและความต้องการของลูกค้าจึงจะเริ่มผลิตสินค้าออกมานั่นเอง
ในส่วนของกำลังการผลิตนั้นในช่วงแรกทำกันเองในครอบครัวแต่ในปัจจุบันมีบางอย่างที่ผลิตเองและบางอย่างจ้างผลิตและนำมารวมกันให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ส่วนสถานที่ผลิตนั้นเป็นของทางแบรนด์และได้มีการจดทะเบียน อย. เป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งได้มีการวางแผนร่วมมือกับโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต จากเดิมสามารถผลิตได้ 500 แพ็คต่อเดือนแต่ในปัจจุบันสามารถผลิตได้ประมาณ 4,000 แพ็คหรือมากกว่าต่อเดือน
ในอนาคตทางแบรนด์ตั้งเป้าการเติบโตให้ไปในทิศทางของการเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าที่ดีต่อสุขภาพแบบครบวงจร พร้อมทั้งพัฒนาแพคเกจจิ้งที่สามารถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ นอกจากนี้ยังต้องการเพิ่มไลน์สินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์ซักล้างออร์แกนิคส์เพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีการจัดตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า “ขบวนการน้ำญาใจ” เป็นกลุ่มที่มีจุดประสงค์เพื่อนำเอาองค์ความรู้เผยแพร่และให้คำปรึกษาฟรีสำหรับคนที่มีความฝันและมีผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันมาร่วมเปิดอกแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำธุรกิจ
สำหรับตัวผลิตภัณฑ์มีทั้งหมด 2 รูปแบบได้แก่ ถุงรีฟิลและขวดปั๊ม ซึ่งถุงรีฟิลมีขนาด 900 ml สามารถเติมใส่ขวดได้ทั้งหมด 2 รอบ สามารถล้างจานได้ประมาณ 300 ครั้ง ซึ่งใน 1 ครั้งถ้าหากคิดเป็นเงินจะตกอยู่ที่ 50 สตางค์ ส่วนขวดปั๊มมีขนาด 450 ml ซึ่งราคานั้นเริ่มต้นที่ราคา 150 บาท ทั้งนี้ทางแบรนด์ได้มีการสำรวจตลาดต่างประเทศและตั้งเป้าขยายสู่การส่งออกไปในประเทศแถบเอเชียเอาไว้ เพื่อกระจายสินค้าที่เป็นออร์แกนิคส์สู่สายตาลูกค้าต่างชาติ นอกจากนี้ยังตั้งเป้านำสินค้าเข้าสู่โมเดิร์นเทรดในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้เจ้าของแบรนด์ฝากถึงเอสเอ็มอีรายย่อยที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นอยากให้มองดูรอบตัวว่ามองเห็นอะไร ชอบอะไร รู้เรื่องอะไร รวมถึงการทำงานต่างๆ ในตลาดสินค้าสุขภาพเนื่องจากมีผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้ามาโลดแล่นกันอย่างมากมาย ทำให้รู้ว่าตลาดสุขภาพเติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากจะเริ่มทำในตลาดนี้ให้ลองมองจากสิ่งที่เรามีอยู่รอบตัวและมีการตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจให้มีความสุขนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสินค้าน้ำญาใจกำลังจะมีโปรโมชั่นกับทาง KTC U Shop ที่จะทำร่วมกันโดยจะทำเป็นกิฟท์เซ็ตกล่องของขวัญ โดยในเซ็ตจะมีทั้งถุงน้ำยารีฟิล ตัวขวดปั๊มและที่สำคัญมีฟองน้ำที่ทำจากเยื่อไผ่โดยสามารถย่อยสลายในธรรมชาติได้ 100% ซึ่งโปรโมชั่นดังกล่าวจะได้เห็นกันในช่วงปลายปีนี้
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Namyajai
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *