ด้วงกว่าง จากสัตว์ที่พบเห็นได้ทั่วไปตามธรรมชาติ ใครจะคิดว่า สัตว์ตัวเล็กที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกที่เคยเห็นตามธรรมชาติ กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงเชิงพาณิชย์ ที่สร้างรายได้กับหนุ่มพะเยา จากทำเป็นอาชีพเสริม กลายมาเป็นอาชีพหลัก เมื่อเค้าได้ตัดสินใจลาออกจากงานหันมาเพาะเลี้ยงด้วงกว่าง ขายทั่วประเทศ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Tiktok สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
จากเทศกาล “ชนกว่าง” ภาคเหนือ สู่สัตว์เลี้ยงแสนรักของเด็กทั่วปท.
นายชินภัทร จันทระ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงด้วงกว่าง ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา และ ศูนย์อนุรักษ์เรียนรู้ด้วงกว่าง เล่าว่า การเลี้ยงด้วงกว่างของตนเอง เกิดขึ้นมาจากตนเองชอบด้วงกว่างเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วมาตั้งแต่เด็ก ตอนสมัยเด็กพ่อจะพาเลี้ยงด้วงกว่างและชวนกันไปแข่งขันในช่วงเทศกาล ซึ่งภาคเหนือจะมีประเพณีการแข่ง "ชนกว่าง" เกิดขึ้นในเดือน มิถุนายน – ธันวาคม และเป็นกิจกรรมตนเองทำร่วมกับพ่อ ทำให้มีโอกาสเลี้ยงด้วงกว่างตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นมีภาระกิจที่ต้องไปเรียนหนังสือและไปทำงาน แต่ก็ยังคงเลี้ยงด้วงกว่างอยู่ มีแบ่งขายให้กับคนรู้จัก ที่ต้องการด้วงกว่างในใช้ในการแข่งขัน
ส่วนการเลี้ยงเชิงพาณิชย์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปี ที่ผ่านมา เมื่อด้วงกว่างเริ่มหายากตามธรรมชาติ โดยเฉพาะด้วงกว่างตัวใหญ่ สวยๆ หายากมากตามธรรมชาติ ครั้งนี้ คนที่ชื่นชอบและต้องการอนุรักษ์ ก็จะมาถามหาและขอซื้อมากขึ้น ทำให้ในระยะหลังความต้องการกว่างไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนที่ต้องการนำไปแข่งขันเท่านั้น แต่จะมีกลุ่มคนที่ต้องการจะอนุรักษ์และผู้ปกครองซื้อให้กับลูกๆ เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นๆ
สร้างตัวตนบนโลกโซเชียลฯ จุดขายทำให้มีวันนี้
“จุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้จักผมมาจากการเข้าไปโพสต์เลี้ยงด้วงกว่างใน Tiktok มีเด็กเห็นก็ให้พ่อแม่ติดต่อเข้ามาขอซื้อไปเลี้ยงบ้าง ทางผู้ปกครองเองก็สนับสนุน เพราะการเลี้ยงสัตว์เป็นกิจกรรมทำร่วมกันในครอบครัวและทำให้ลูกๆมีจิตใจที่ดีมีเมตตาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต และด้วยความที่ปัจจุบันกว่างบางชนิดหายไปจากธรรมชาติ ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่รักและหลงไหลสัตว์ชนิดนี้ ผมจึงได้เปิดฟาร์มของเราเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วงกว่างบ้านแม่สุกด้วย และทางโรงเรียนในพื้นที่เปิดโอกาสให้เราเข้าไปให้ความรู้เด็กๆ เกี่ยวกับด้วงกว่างด้วย ซึ่งทางโรงเรียนสนับสนุน เพราะเป็นกิจกรรมดีๆให้กับเด็กๆ แล้วยัง เป็นการอนุรักษ์ป้องกันการสูญพันธุ์ของด้วงกว่าง”
ทั้งนี้ หลังจากที่นำมาโพสต์ทางโซเชียลฯ Tiktok และหน้าเพจ ทำให้มีคนรู้จักทั่วประเทศ ยอดการสั่งซื้อเข้ามาจากทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ซื้อไปเลี้ยง เน้นเป็นด้วงกว่างประเภทที่สวยงาม ส่งผลให้ราคาด้วงกว่างที่สวยงาม มีราคาตัวละ 4,000-5,000 บาท และถ้าด้วงกว่างตัวไหนสวยงามและชนเก่ง ราคาพุ่งไปเป็นตัวละหลักหมื่นบาท ส่วนสายพันธุ์ฟาร์มของเราเลี้ยงในตอนนี้ และได้รับความนิยมในกลุ่มคนเลี้ยงเพื่อความสวยงาม คือ กว่างโซ้ง มีลักษณะพิเศษ คือ ตัวใหญ่และมีลักษณะที่สวยงาม ลูกค้าชื่นชอบ
ที่มาของ สายพันธุ์ด้วงกว่าง
สำหรับสายพันธุ์กว่างที่ฟาร์มของ “คุณชินภัทร” เลี้ยงอยู่ในตอนนี้มีด้วยกัน 3 สายพันธุ์ ประกอบไปด้วย พันธุ์ไทย และต่างประเทศ นอกจาก กว่างโซ้ง มีพันธุ์มูซิคิง เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และสายพันธุ์เฮอร์คิวลิสเป็นด้วงกว่างยักษ์เป็นสายพันธุ์ที่มีความยาวและใหญ่ที่สุดในโลก อีกหนึ่งสายพันธุ์นำเข้าจากอินโดนีเซีย เป็นด้วงกว่างพันธุ์อินโดชวา นอกจากนี้ “คุณชินภัทร” บอกว่า เค้าก็ยังมีกว่างสายพันธุ์ใหม่ที่ได้จากการผสมและเพาะข้ามสายพันธุ์ออกมาบ้าง ซึ่ง บางชนิดก็ได้รับความนิยม บางสายพันธุ์ก็ไม่ได้รับความนิยม
ในส่วนสายพันธุ์กว่างชนนั้นตนเองจะเดินทางไปคัดเลือก โดยการไปดูตามจุดที่เป็นสนามแข่งขัน จากนั้นก็จะซื้อมาเพื่อทำการทำเป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ซึ่งกว่างนั้นจะมีทั้งประเภทสวยงามและประเภทที่ชนแข่งขันหรือกว่างนักต่อสู้ ซึ่งตนเองก็จะทำการเลี้ยงทั้ง 2 ประเภท เนื่องจากทางพื้นที่ภาคเหนือจะมีการประชันกันรวมทั้งการประกวดในเรื่องของความสวยงามของด้วงกว่าง โดยจะนำมาเพาะพันธุ์ ตัวไหนสวยๆ หรือชนเก่ง รูปร่างใหญ่โต โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 8 ถึง 12 เดือน ก็จะตัวเต็มวัยในส่วนของการจำหน่ายนั้นก็จะมีการทั้งโพสต์ลงสื่อโซเชียลรวมทั้งไลฟ์สดในการจำหน่าย
การเลี้ยงด้วงกว่าง ไม่ยากแต่ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่
สำหรับการเลี้ยงด้วงกว่าง “คุณชินภัทร” เล่าว่า การเลี้ยงด้วงกว่างจะเลี้ยงอยู่ในถังพลาสติก และจะต้องปรับอุณหภูมิให้มีความสม่ำเสมอ โดยตนเองก็จะนำไปเลี้ยงอยู่ให้องและเปิดแอร์ ซึ่งด้วงกว่างที่เลี้ยงมีทั้งตัวเต็มวัยและยังเป็นตัวอ่อน โดยมีด้วงกว่างภายในฟาร์มทั้งหมด จำนวนกว่า 5,000 ตัว การเลี้ยงด้วงกว่างใช้เวลาการเลี้ยงไม่เกิน 9 เดือน ก็สามารถขายได้ หลังจากนั้นคนที่ซื้อไปเลี้ยงต่อก็จะเลี้ยงได้ประมาณ 3-4 เดือนก็จะตาย ในส่วนของราคาจำหน่าย เริ่มต้นที่ตัวละ 70 บาท เป็นต้นไป และสูงสุดเป็นหลักหมื่นบาทขึ้นไป
“การผมตัดสินใจออกจากงานมาทำตรงนี้เต็มตัว ส่วนหนึ่งเพราะด้วยใจรัก และรายได้ที่มากพอ ซึ่งการเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ขายเชิงพาณิชย์ ต้องบอกว่า ไม่ได้ง่ายถ้าทำเป็นอาชีพหลัก เราจะต้องมีเวลามากพอ การทำเป็นอาชีพเสริมทำได้ แต่มันได้ไม่เต็มที่ ด้วยการเลี้ยงด้วงกว่างมีความยากในเรื่องการดูแล การให้เปลี่ยนอาหารให้ตรงตามเวลา ก่อนหน้านั้น ผมทำเป็นอาชีพเสริมเช่นกัน แต่พอหลังจากที่หันมาขายช่องทางออนไลน์และขายได้ทั่วประเทศ ผมตัดสินใจได้ไม่ยากเลยในการที่มีอาชีพหลัก คือ เลี้ยงด้วงกว่างขาย”
รายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
ปัจจุบัน คุณชินภัทร มีรายได้จากการขายด้วงกว่าง ผ่านช่องทางโซเชียลฯ เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท จากผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ทั้งหน้าเพจเฟซบุ๊ก และTiktok และสิ่งที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จช่องทางโซเชียล นั้น คุณชินภัทร บอกว่า ตนเองก็ไม่ได้เก่งเทคโนโลยี หรือมีเทคนิคอะไร ผมก็แค่ทำคลิปเวลาเลี้ยงด้วงกว่าง ว่าต้องเลี้ยงอย่างไร เริ่มจากออกแนวให้ความรู้ ก็ไม่รู้คิดจะมีคนติดตามมากขนาดนี้ ตอนนั้นไม่ได้ขายของเลย แต่มีคนเข้ามาทักขอความรู้ และพอรู้ว่าเราทำฟาร์มด้วย เค้าก็ตัดสินใจซื้อกับเรา ได้คนดูที่เป็นเด็กๆ เข้ามาดูกันเยอะมาก เด็กไม่มีเงินเองก็ให้ผู้ปกครองมาดู เราก็เลยได้คนดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และที่สำคัญ คือ เราก็ได้ลูกค้าด้วย
“ตอนนี้ ถ้าใครที่เลี้ยงด้วงกว่างและต้องการจะขายไม่มีช่องทาง สามารถติดต่อเข้ามาให้เราช่วยขายให้ได้เช่นกัน ซึ่งเราจะหักเป็นค่าใช้จ่าย 3% จากยอดขาย การที่เราช่วยขายด้วย เป็นการสร้างอาชีพให้กับเด็ก พอเค้าเลี้ยงไปเกิดออกลูกเลี้ยงไม่ไหวก็มาให้เราช่วยขาย หรือ เบื่อไม่อยากเลี้ยงก็ให้เรามาช่วยขาย พอเราเปิดขายมีคนมาฝากขายเข้ามาเป็นจำนวนมาก”
ทั้งนี้ ตนเองได้ทำการศึกษาในเรื่องของการเลี้ยงด้วงกว่างชน มาเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี และหลังจากนั้นตนเองก็เดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศและกลับมาเพื่อที่จะสานฝันตัวเองกับผู้เป็นพ่อที่ชื่นชอบในเรื่องของการเล่นชนกว่าง มาตั้งแต่เด็กจึงได้ทำการสานต่อการเพาะเลี้ยงด้วงกว่าง ที่พ่อทำมาก่อนหน้านี้ ประกอบกับกว่างชนดังกล่าวนั้น เริ่มที่จะสูญพันธุ์จึงได้มีการสานต่อและบางส่วนก็นำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
ติดต่อ โทร. 062-585-6985
Facebook : ศูนย์การเรียนรู้อนุรักษ์กว่างชน บ้านแม่สุก
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *