“รสชาติเราโฟกัสที่ใบเตยไปเลย เพราะว่ามันเป็นรสชาติที่คนชอบด้วยจากที่เราทำตอนนั้น แล้วในเรื่องของแบรนด์เองมันก็ยังไม่มีเจ้าไหน ที่นึกถึงใบเตยแล้วมันขึ้นมาเป็น top of mind ในตอนนั้นด้วย ก็คิดว่าเป็นช่องว่าง opportunity หนึ่งในการทำแบรนด์”
จุดเริ่มต้นของความสนใจใน “ขนมไทย” ครั้งแรก จากการที่ตอนนั้นไปบวชเป็นพระแล้วมีชาวบ้านนำขนมเปียกปูนกะทิสดมาถวายให้ฉันเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้รู้สึกว่าประทับใจในความอร่อย! ของมันและตัวเองก็ไม่เคยรู้จักขนมหน้าตาแบบนี้มาก่อนเลย "คุณจ๊าก-มหศักย์ สุรกิจบวร”เจ้าของแบรนด์ “หยกสด-ขนมไทย ใบเตย100%”บอกว่า ความที่เป็นคนรุ่นใหม่ด้วยหลังเรียนจบมา ด้านวิศวกรรมเครื่องกลจากจุฬาฯ ก็เปิดบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทางด้านซอฟต์แวร์อยู่สักระยะหนึ่ง แล้วจากนั้นก็มีโอกาสไปบวชพระและจนกระทั่งลาสิกขาออกมาแล้วตอนนั้นก็เรียนต่อ ป.โท ควบคู่ไปด้วย ในใจก็เริ่มคิดว่าจะต้องหาอะไรทำเป็นอาชีพขึ้นมาสักอย่างแล้ว หวนคิดได้ถึงขนม “เปียกปูนกะทิสด” ที่เคยกินแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยนะ เป็นของหากินยาก ไม่ได้มีขายทั่วไปมากนัก จึงอยากจะลองทำขึ้นมาดู“จริง ๆ แค่มีความสนใจและรู้สึกว่ามันอร่อย แต่เราจะหากินเราหากินไม่ได้ ทั้ง ๆที่มันก็เป็นของทั่ว ๆ ไปที่ชาวบ้านเขาทำกินกันแล้วก็เอามาถวายพระ หรือมีขายในตลาดอะไรเงี้ย ที่เราเองเป็นคนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก แล้วเราก็เลยแบบลองทำไปหาซื้อของมาลองทำดูหาสูตรในเน็ต แล้วก็เอาไปให้เพื่อน ๆ กินให้คุณแม่ลองทาน เพื่อนที่เป็นรุ่นเดียวกันก็พูดเหมือนกันเลยว่าแบบ มันคืออะไรวะ! แต่มันอร่อย ก็สนใจขึ้นมา”
จาก “เปียกปูนกะทิสด” สู่ร้านขนมแบบ take home
ก็ลองทำเพราะว่าสนใจและคิดว่ามันน่าสนุกดีก่อน แต่พอแบบได้ลองไปเปิดบูธขายดู“พอเราทำไปสักพักหนึ่งหมายถึงว่าเราทำแบบพรีออร์เดอก่อนใช่มั้ยครับ แล้วเราอยากไปเปิดบูธขายพอไปเปิดบูธขายเราเริ่มเห็นว่า มันขายได้นะมันมียอดขาย ถ้าเราบริหารดี ๆ อย่างเงี้ยเราก็สามารถทำให้มันเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเราได้เลยเหมือนกัน”ตอนนั้นทำอย่างเดียว เปียกปูนกะทิสด ทำแบบพรีออร์เดอกับเพื่อน ๆ ก่อน ซึ่งตอนนั้นก็ย้อนกลับไปสักประมาณ 6 ปีกว่ามาแล้ว หลังจากที่ลองไปเปิดบูธสั้น ๆ ดูก่อนก็เริ่มมีความคิดว่า ถ้าเราไปอยู่ในห้างฯ ที่traffic เยอะกว่าเดิมอีก เราอาจจะขายได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ ก็เลยลองวางแผนดูว่าถ้าจะทำร้านเข้าไปอยู่ห้างฯ จะต้องทำอย่างไร“ก็ลองไปติดต่อดูแล้วก็ออกแบบเมนูอะไรเงี้ยครับก็เอาไปขายที่เซ็นทรัลฯ ปิ่นเกล้าก่อน เป็นล็อคเล็ก ๆ เป็นtake home เล็ก ๆ เอง”
หยกสด-ขนมไทยใบเตย100%
คนก็สนใจช่วงแรก ๆ แล้วก็แบบมันก็อาจจะขายดีอยู่สักสัปดาห์แรกถึงสัปดาห์ที่สองแต่หลังจากนั้นมันก็คือด้วยความที่จริง
ๆ ตอนนั้น “คอนเซ็ปต์” ของสินค้ามันยังไม่ชัดเจน“ตอนนั้นก็มีเปียกปูนอย่างเดียวแล้วก็ มีรสอื่น ๆ หลาย ๆ รสมีรสสตรอเบอรี่ รสส้ม อะไรอย่างเงี้ยนะครับ คนก็อาจจะสนใจช่วงแรก ๆ แต่ไม่ได้กลับมาซื้อซ้ำ มันก็อยู่ได้แป๊บเดียว” พอมาดูค่าใช้จ่ายดูรายได้แล้วก็คิดว่ามันอยู่ไม่ได้ จริง ๆ ตอนนั้นก็เปิดที่เซ็นทรัลฯ(ปิ่นเกล้า) และก็เปิดที่เดอะมอลล์(บางแค) หลังจากนั้นแล้วสักพัก เหมือนกันเลยขายดีช่วงแรก ๆ ช่วงหลัง ๆ ก็แบบขายได้น้อยลง ลองขอเค้าย้ายไปที่อื่นด้วย ไปเดอะมอลล์บางกะปิก็เหมือนกันเลย“แล้วเราก็เริ่มมาสังเกตว่าถ้าเราทำอย่างนี้ต่อไป มันก็คงมันก็แค่เปลี่ยน แก้ปัญหาชั่วคราวไป มันคงไม่รอดในอนาคต ก็เลยตอนนั้นพอมานั่ง จริง ๆ ก็ถือว่าเป็นช่วงที่มีความเครียดพอสมควร เพราะว่าแบบจริง ๆ ลงทุนไปมันก็ถือว่าเยอะเทียบกับสิ่งที่เรามีในตอนนั้นอะไรเงี้ยครับ จริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้มากมายแต่สำหรับเราก็คือถือว่าพอสมควร ถือว่าเยอะเหมือนกัน ก็ลองมานั่งดูว่าแบบเราต้องปรับอะไรบ้าง” สุดท้ายก็ลองดูสิ่งที่ลูกค้าชอบ แล้วก็ลองมานั่งคิดว่าทำไมเราถึงเริ่มทำตัวนี้ขึ้นมา ก็ลองคิดดู จริง ๆ ที่เราทำเพราะเราคิดว่าอย่างตัวแรกเลยที่เราชอบ มันก็คือเปียกปูนกะทิสด แล้วมันเป็นของที่อร่อย เราอาจจะหาทานไม่ได้ง่าย ๆ คนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก แต่มันก็เป็นของไทยที่มันก็มีอยู่ทั่ว ๆ ไปแต่บางทีมันอาจจะหายไปในบางตลาด อย่างนี้เป็นต้น“เราก็เลยลองปรับตัวคอนเซ็ปต์ดูว่าแบบ รสชาติเราโฟกัสที่ “ใบเตย” ไปเลย เพราะว่ามันเป็นรสชาติที่คนชอบด้วยจากที่เราทำตอนนั้นแล้วในเรื่องของแบรนด์เองมันก็ยังไม่มีเจ้าไหน ที่นึกถึงใบเตยแล้วมันขึ้นมาเป็น top of mind ในตอนนั้นด้วย ก็คิดว่าเป็นช่องว่างopportunity หนึ่งในการทำแบรนด์ แล้วเราก็เอาตัวคอนเซ็ปต์ของขนมไทยที่อาจจะหากินไม่ได้ทั่ว ๆ ไป หรือแบบบางส่วนที่เราเติมเข้าไปเนี่ย เราต้องเติมสิ่งที่มันคิดว่ามีนวัตกรรม หรือว่ามันตอบโจทย์บางอย่างเข้าไป เราจะไม่ทำอะไรที่มันหวือหวาเป็นกระแสจนเกินไป”
หลังจากนั้นการตอบรับของลูกค้าเริ่มสังเกตเห็นว่า มีการกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้น พอเขาเห็นร้านเราบางคนget ในคอนเซ็ปต์ของร้านแล้ว เขารู้สึกดี ในความหมายที่อยากจะบอกก็คือว่าเหมือนเขาชอบ คอนเซ็ปต์นี้มันดีนะ อะไรประมาณนี้ ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นด้วยความที่มันชัดเจนขึ้น รวมถึงการเป็นที่รู้จักมากขึ้นตามมาเพราะเริ่มมีสื่อต่าง ๆ ให้ความสนใจมารีวิวร้านเพื่อการบอกต่อให้ด้วย
สร้างความแตกต่าง ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน
นอกจากมี “เปียกปูนกะทิสด” แล้วก็ตามมาด้วย อินทนิล หยกมณี และก็บุหลันมรกต ซึ่งทั้งหมดทำจากใบเตย“เราแค่คิดว่าคอนเซ็ปต์ประมาณนี้ มันก็มีจุดยืนอยู่อะไรอย่างเงี้ยครับ”ในขณะเดียวกันทีมงานเองก็ค่อย ๆ เข้ามาร่วมjoin กันทีละคนเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามลำดับ“จริง ๆ เมนูต่าง ๆ ก็ทุกคนในนี้ก็ช่วยกันให้ไอเดีย ยิ่งในตอนต้นเนี่ยทีมงานมีอยู่ไม่กี่คนเองครับ ก็ทุกคนมีส่วนช่วยในการทำอย่างนี้สิเวิร์กมั้ยอะไรเงี้ยครับ บางทีเราก็ไปถามคนรอบตัวเราบ้าง ทีมงานเราช่วยกันคิดทำอย่างนี้แล้วเนื้อมันดีขึ้นนะอะไรเงี้ยครับ ก็ช่วยกันคิดมากกว่า” โดยองค์รวมคือจะพยายามนำตัวที่อร่อย แต่หาทานยาก กลับเข้ามาขายหรือว่าแบบตัวไหนมีปัญหาในกระบวนการใ นการนำเสนอหรืออะไรบางอย่าง เราอาจจะเหมือบกับเติมสิ่งที่มัน ทำให้โปรดักส์มันดีขึ้น แล้วก็เอามาขายอะไรแบบนี้ แต่ว่าอาจจะไม่ได้ฟิกซ์ถึงขนาดนั้น เราอาจจะสุดท้ายแล้วถ้าเราทดลองบางอย่างแล้วรู้สึกว่า มันเจ๋งว่ะมันอร่อย ทำไมเราจะไม่เอามันออกมานำเสนอ
“บางทีเราก็ออกแบบให้เหมาะกับสถานการณ์ กับความเป็นจริงสิ่งที่เราทำได้อย่างเงี้ยครับ“ หรือสำหรับ “อินทนิล”เองซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูจาก “หยกสด” ที่ถูกพูดถึงมากในกลุ่มfc ของร้านโดยคุณจ๊ากได้พูดถึงอินทนิลด้วยว่า อินทนิลก็เป็นขนมดั้งเดิมของไทยอยู่แล้ว แต่ว่าอาจจะหาทานยาก หยกสดก็อาจจะเอามาทำให้มันเหมาะสมกับการนำไปขายในยุคสมัยนี้ แล้วก็นำเสนอไปกับลูกค้า จริง ๆ ก็เป็นภูมิปัญญาไทยอยู่แล้ว
กว่า 6 ปีมี 24 สาขา เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
บางทีเราทำของออกไปอย่างหนึ่ง มันอาจจะไม่ได้ คนอาจจะไม่ได้ชอบทุกคนก็ได้ แต่ว่าถ้ามีบางกลุ่มที่แบบเขารู้สึกว่าตัวนี้เขาชอบ เราก็อาจจะKeep สินค้าตัวนี้เอาไว้ “จริง ๆ ความตั้งใจของผมแล้วก็อยากให้แบรนด์คิดแบบนี้ก็คือ เราอยากพรีเซ้นต์ออกไปเป็นคอนเซ็ปต์ของแบรนด์มากกว่า ไม่อยากให้มี Hero Product สักตัวหนึ่งอย่างเงี้ยครับ ก็ประมาณนั้นครับว่าเราจะมีคอนเซ็ปต์ประมาณนี้ ต้องมีใบเตยนะ อะไรอย่างเงี้ยครับ ซึ่งไม่ได้อยากจะชูตัวใดตัวหนึ่งขึ้นมาเป็นพิเศษ แม้ลูกค้าอาจจะตอบรับบางตัวมากกว่า” จากสินค้าหลักที่มีเพียง 1 ตัวในช่วงแรก ตามมาด้วยการเพิ่มชนิดเป็น4 เมนูจากหยกสด ปัจจุบันที่ร้านเองโดยคุณจ๊ากบอกว่า ได้เพิ่มเมนูขนมหวานขึ้นมาเป็นรวม ๆ แล้วมีอยู่กว่า 16 เมนูแล้ว ที่เป็นเมนูซึ่งมีส่วนผสมที่เป็นใบเตยทั้งหมดและส่วนในเรื่องของสาขาคุณจ๊ากบอกด้วย“ถ้าตอนนี้ตัวสาขาก็จะมี ประมาณ 24 สาขา ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ว่าต่างจังหวัดเราก็มีบางจุดแล้ว เราก็ทำค่อยเป็นค่อยไปตามความต้องการลูกค้าครับ”ในช่วงที่ร้านต้องสู้เพื่ออยู่รอด การตั้งสาขาประจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ต้องใช้วิธีการขยับ(ย้ายที่) ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่แบบเริ่มมีลูกค้าถามซ้ำ ๆ อะไรแบบนี้ เราถึงเริ่มคิดที่จะต้องมี Landmark ให้ลูกค้ากลับไปซื้อได้เสมออย่างนี้มากกว่า
คงจุดยืนตัวเองให้ชัด! ไม่หวั่นไหวไปตามกระแส
คุณจ๊าก-มหศักย์ สุรกิจบวร เจ้าของแบรนด์ หยกสด-ขนมไทย ใบเตย 100% ยังบอกด้วย“ผมคิดว่ามันก็เป็นไปตามลำดับที่ควรจะเป็นน่ะครับ บางทีอาจจะเป็นส่วนเริ่มต้นก็ได้ แต่ว่าถ้าถามว่าแบบ สิ่งที่เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้กับมันอะไรเงี้ย คือจริง ๆ ในส่วนที่แบบเราทำขนมขึ้นมาแล้วมีคนชอบทานหลายคน อะไรเงี้ยครับ มีคนยอมรับอะไรเงี้ยครับ อันนี้มันก็ถือว่า fulfil ในส่วนของตัวของผมนะ เพราะว่าจริง ๆ พื้นฐานเดิมก็ถือว่าเป็นเด็กวิศวะคนหนึ่งที่แบบ อยากทำโปรดักส์สักอย่างให้คนใช้เยอะ ๆ อะไรเงี้ยครับ แต่ว่าแบบมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่คนที่เรียนวิศวะอาจจะเข้าใจ มันแบบเอ้ยเราอยากทำอะไรเงี้ย(หัวเราะ) ก็ถ้าตอบว่าแบบเรารู้สึกว่ามันsuccess มั้ยก็อาจจะตอบว่า ตรงนี้ผมแฮปปี้ที่มีคนให้การยอมรับอย่างนี้ดีกว่าครับ”เราพยายามทำในส่วนที่เราอยากจะทำให้ดี ก็จะเป็นในลักษณะนั้นมากกว่า แต่ถ้าส่วนที่เรารู้สึกว่าเป็น Challenge ก็คือพอเราอยู่ในธุรกิจที่เป็น “ของหวาน” หรืออะไร คือโดยธรรมชาติก็คิดว่ามันจะมีความเป็น “แฟชั่น” อยู่หน่อย ๆ ที่แบบบางคนอาจจะมาทำแล้วบางทีมันหวือหวาชั่วขณะแล้วก็สักพักก็อาจจะไม่ดี อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งตนเองคิดว่าตัวหยกสดเอง ก็เจอลักษณะนี้เหมือนกันแต่ว่าเราก็ อาจจะต้องวิเคราะห์แล้วก็ทำสิ่งที่มันคิดว่ามีคนชอบจริง ๆ อย่างนี้มากกว่า อะไรที่มันฉาบฉวยเราก็ต้องพยายามแยกแยะให้ได้
คงจุดยืนของตนเองให้ชัด! หรือการมี “คอนเซ็ปต์” ที่ชัดเจน ก็สามารถจะเป็นจุดขายที่สำคัญในท่ามกลางยุคแห่งการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ จากแบรนด์ “หยกสด-ขนมไทยใบเตย100%” ที่มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวแห่งความสำเร็จในครั้งนี้หากใครที่เป็นFC ขนมไทยของร้านนี้กันอยู่แล้ว ก็คงจะทราบดีว่า เต็ม10 ไม่หักเลยสักคะแนนเดียว เห็นได้จากการสามารถสยายปีกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่า 24 สาขาแล้วตามการเรียกร้องของลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดมีบางหัวเมืองใหญ่แล้ว สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ FB : หยกสด-ขนมไทย ใบเตย100% หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.080-014-4990
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *