“งานเราคือเป็นคนที่ช่วยให้ลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องการขยายพื้นที่ เพราะว่าทุกวันนี้บ้านสำเร็จรูปที่เขาซื้อมาไม่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ บางคนเขาต้องการทำอาหารแต่ว่าบ้านมันแคบ เขาเลยต้องการเพิ่มส่วนต่อเติมตรงนี้เข้าไป”
แม้จะเป็นผู้รับเหมาหน้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในวงการได้ถึงตอนนี้ก็ 1 ปี พอดิบพอดีสำหรับ Kitchen Fort (คิทเช่น ฟอร์ท) โดยซีอีโอเป็นคนรุ่นใหม่ “กอล์ฟ-เกริกวุฒิ จันทร์จรัส”ในวัย30 ต้น ๆ แต่ทว่าโปรไฟล์ของบริษัทนั้นซึ่งมีการทำงานมากกว่า 40 โปรเจ็คต์แล้วปีนี้ ถือได้ว่าไม่ธรรมดาทีเดียว จากวิศวกรที่มีการรวมกลุ่มกันกับเพื่อน ๆ ในสายงานด้านช่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการโยธาและภูมิสถาปัตย์ จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า กอล์ฟเล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะจุดเริ่มต้นที่มาจากตนเองเป็นคนชอบงานเรื่อง “บ้าน” และมีความฝันอยากจะเป็นคนสร้างบ้านดี ๆ เพื่อส่งมอบให้กับคนอื่น ๆ ได้อยู่อาศัยกันที่ตรงตามความต้องการของเขาจริง ๆ“หลังจากไปทำงานอื่นมาได้สักระยะหนึ่ง ผมรู้สึกว่าอยากทำบ้านแต่ยังไม่มีโอกาส เรารู้สึกว่าบ้านทุกวันนี้มันดูยังไม่ ยังแบบทำเพื่อเอากำไรมากกว่า ที่จะทำเพื่อให้คุณภาพชีวิตของลูกค้าดีขึ้น รู้สึกว่าลูกค้าน่าจะต้องการบ้านที่ดีกว่านี้ แต่ว่าเราภาพใหญ่ต้องค่อย ๆ เติบโตขึ้นไป”
คำว่า “Fort” ที่มาคือมันเป็นเหมือนป้อมปราการ เวลาคนทำป้อมปราการยกตัวอย่างในยุโรปเขาจะมีป้อมปราการสร้างมาเรื่อย ๆ
จากขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ๆ ทุกคนสามารถมีกิจกรรมได้หลากหลายอยู่ในนั้น แต่คอนเซ็ปต์ของบริษัทที่ทำอยู่คือ ไม่จบเพียงแค่นั้น ความต้องการตรงนี้จบเราต้องการมีความพร้อมมีความต้องการใหม่ขึ้นมา เขาก็จะสร้างขึ้นมา แต่ว่าอยู่ในArea บ้านของเขา “ส่วนใหญ่งานที่ผมรับตอนนี้เล็กสุดก็คือจะเป็น ทาวน์โฮม 5x2ตร.ม ข้างหลังบ้าน แต่ว่ากลุ่มลูกค้าหลักจริง ๆ จะเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว ที่มีพื้นที่ประมาณตั้งแต่40 ตร.ม.ขึ้นไป 7x2 จนไปถึงใหญ่สุดตอนนี้รับอยู่ที่ประมาณ 30 ตร.ม.กับ 40 ตร.ม. ซึ่งเป็นบ้านที่ระดับ 10 ล้าน 20 ล้าน อะไรเงี้ยครับ เขาก็จะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป เพราะเขามีพื้นที่หรือSpace เขาเยอะขึ้น ความต้องการเขาก็จะมากขึ้น”
การทำงานหลัก ๆ ตอนนี้ก็คือจะเป็นการต่อเติมครัวแต่ว่า “ความต่าง” ของ Kitchen Fort คือจะเน้นเรื่องความแข็งแรงของตัวห้องครัวด้วย เพราะส่วนใหญ่ถ้าเป็นช่างทั่วไปการทำงานต่อเติมครัวแค่ไม่กี่ปีมันก็จะทรุดตรงโน้นตรงนี้ที่เกิดขึ้นมา แล้วก็จะต้องรื้อทำใหม่ แต่สำหรับบริษัทคือจะพยายามให้ห้องครัวที่ต่อเติม/หรือส่วนต่อเติมใหม่ต้องแข็งแรงที่สุด เหมือนกับตัวบ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งอันนี้ก็คือเป็นคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ด้วย กอล์ฟบอกอีกว่างานต่อเติมของเขาจะดูตั้งแต่งานฐานรากจนไปถึงงานโครงหลังคาจนเสร็จเป็นห้อง ๆ หนึ่งไปเลย ในการเข้าไปservice ลูกค้าก็จะเริ่มตั้งแต่การวัดพื้นที่หน้างาน ประเมินพื้นที่หน้างาน ว่าตรงนี้มีอุปสรรคอะไรบ้าง เพราะว่างานต่อเติมมันยากตรงที่มันจะมีพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น ถังแซ๊กถังบำบัด ระบบประปา ฯลฯ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน“เราจะเข้าไปทำการประเมินหน้างานให้กับลูกค้าก่อน และก็ดูความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น แล้วเอากลับมาวิเคราะห์ว่าเราจะทำยังให้โครงสร้างของเราไม่ไปกระทบกับส่วนงานเดิมของเขา แล้วจึงจะเริ่มต้นทำงาน”และเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องของตลาดการต่อเติม ช่างส่วนใหญ่ปัญหาจะเกิดก็คือเวลาช่างทำงานเสร็จแล้ว เขาจะสมมุติผ่านไประยะเวลาหนึ่ง(2-3 เดือน) หรือ1 ปีแล้วลูกค้ามีปัญหา การต่อเติมมีปัญหาน้ำรั่วหรืออะไรก็แล้วแต่เกิดขึ้นมา ช่างทั่วไปจะไม่มีการเข้ามาติดตามงานอีก แต่สำหรับคิทเช่น ฟอร์ท งานจบแล้วไม่จบเลย สมมุติว่ามันมีปัญหาจริง ๆ ทางบริษัทยินดี service ให้ตลอดเวลามีการบริการหลังการขายให้กับลูกค้า
“เราอยากจะส่งมอบงานที่มันดี ๆ กับบ้าน เพราะว่าคนน่ะอยู่กับบ้านนานกว่าเราจะเก็บเงินซื้อบ้านนานเนาะ แล้วเรามาเจอ “ช่างทั่วไป” ที่ทำงานให้เราแบบมาแล้วก็หายไป ทิ้งงาน คือต้องบอกว่าบ้านอยู่กับเรา 30-40 ปี แต่ช่างอยู่กับเราแค่2-3 เดือน การดูแลรักษาบ้านที่ช่างดูแลกับเจ้าของบ้านดูแล มันจะไม่เหมือนกัน เราก็เลยรู้สึกว่า เราอยากจะส่งมอบงานต่อเติมเนี้ยให้เหมือนกับเราอยู่เอง เป็นเจ้าของเอง อยากให้ลูกค้ามีความสุขกับบ้านของเขา”
สำหรับการเข้าถึงบริการจากคิทเช่น ฟอร์ท คุณกอล์ฟบอกด้วยจะแยกเป็น2 ส่วน ก็คือว่าส่วนแรกลูกค้าจะมี reference มาให้ก่อน ต้องการแบบนี้นะ ทางบริษัทก็จะทำการขึ้นแบบ(3D) ให้ลูกค้าดูว่า ต้องการแบบนี้หรือไม่ คุยคอนเซ็ปต์ของงานที่อยากได้จากแบบ3D ถ้าลูกค้าโอเคแล้วก็คอนเฟิร์มทำหน้างานต่อไป กับอีกกรณีหนึ่งคือ ลูกค้าไม่มีแบบเลย ทางบริษัทก็จะพยายามเก็บข้อมูลจากความต้องการของลูกค้า ว่ามีประมาณนี้ ๆ แล้วก็ส่งให้ลูกค้าดู พร้อมทั้งให้คำแนะนำลูกค้าได้ด้วยว่าการใช้งานห้องมันควรจะต้องเลือกใช้วัสดุแบบไหนที่ไม่ทำให้ร้อน ควรมีช่องลมช่องแสงที่ช่วยให้ไม่ดูทึบจนเกินไป และมีการระบา อากาศที่ดี คือทุกอย่างมันจะต้องทำให้ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของเราด้วยเหมือนกัน ก็จะพยายามหามุม/องศา ทิศของแสง และก็ดูว่าวัสดุอันไหนเหมาะกับลูกค้ามากกว่า ได้ห้องต่อเติมที่เหมาะสมกับเขา“ส่วนเรื่องของเรทราคาเรา ต้องบอกว่าอยู่ที่ระดับกลาง ๆ ไม่ได้แพงจนเกินไปครับ และก็ไม่ได้ถูกจนเกินไป คือราคาแพงกว่าช่างทั่วไปอยู่แล้วแหละแต่ว่าก็ไม่ได้แพงเว่อร์ เป็นราคาที่ลูกค้าจับต้องได้”
ในอนาคตกอล์ฟบอกว่าด้วยรูปแบบของงานคือ งานต่อเติมเป็นงานcustomize ตามความต้องการของลูกค้า ดังนั้นเพื่อจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เพิ่มกว่านี้อีก ทางแบรนด์ Kitchen Fort จึงได้เข้ามามีความร่วมมือกันกับ “วิทยาลัยเพาะช่าง” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ในการที่จะพัฒนาใหม่ ๆ ร่วมกัน“ต้องบอกว่ากลุ่มลูกค้าผมส่วนใหญ่ ต้องเป็นกลุ่มคนที่ชอบอยู่กับบ้านเป็นหลัก ใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน เราก็พยายามให้มีความหลากหลายในบ้าน เรารู้สึกว่าบางทีความต้องการของลูกค้ากับตลาดตอนนี้ มันยังไม่ได้ตรงใจเขาเท่าไหร่ เราก็อยากจะสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เขา จริง ๆ ผมมองไปถึงเรื่องของตัวห้องน้ำด้วย อ่างล้างหน้า/ล้างมือ อนาคตเราอาจจะเพิ่มไลน์โปรดักส์ห้องอื่นเข้าไปอีก ผมรู้สึกว่าถ้าเราแข็งแรงพอ ทำงานคือทางผมพยายามเน้นฐานรากเป็นหลัก อีกหน่อยถ้างาน “ฐานราก” ผมเป็นเบอร์หนึ่ง อาจจะต้องหานวัตกรรมจากเมืองนอกหรือว่าจากการวิจัยของทางเพาะช่างหรือว่ามหาลัยอื่น ๆ มาประกอบด้วย ถึงเวลานั้นเราอาจจะเป็น โครงการบ้านจัดสรรที่ฐานรากไม่เหมือนคนอื่นก็ได้” การต่อเติม อาจจะเพิ่มไลน์การต่อเติมพวกที่พัก ชานพัก พักผ่อนสวน ห้องเอนกประสงค์ ห้องทำงาน เพราะว่าทุกวันนี้คนอาจจะต่อเติมห้องทำงานเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นห้องผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น อันนี้อาจจะมาในอนาคต
ด้วยรูปแบบของการทำงานที่เน้นให้เห็น “หน้างานจริง” จากทุกโปรเจ็คต์ที่บริษัทรับทำงานของลูกค้า ไม่มีการหมกเม็ดและพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ลูกค้าเจ้าของบ้านอาจจะต้องพบเจอในการทำงานต่อเติม โดยผ่านช่องทางการสื่อสารในยุคนี้ที่สามารถโต้ตอบในทุก ๆ ข้อสงสัยได้ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่ทำให้Kitchen Fort แม้จะเป็นหน้าใหม่ในวงการแต่ทว่าสามารถที่จะมีลูกค้าจองคิวงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยความเชื่อมั่นและการไว้วางใจเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากใครสนใจใช้บริการหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ โทร.084-613-0035 เพจ: Kitchen Fort รับเหมาต่อเติมห้องครัว
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด