จากพืชท้องถิ่นสู่สินค้าโกอินเตอร์ในตลาดโลก! “กระเป๋าป่านศรนารายณ์” ชูจุดเด่นลดขยะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“ป่านศรนารายณ์” พืชท้องถิ่นที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ถูกนำมาเป็นวัตถุดิบประดิษฐ์ในการจักสานเพื่อสร้างสรรค์เป็นสินค้าหัตถกรรมต่าง ๆ อาทิ เชือก หมวก รองเท้า กระเป๋า ผ้าปูพรม แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตเหลืออยู่น้อยราย เพราะแหล่งเพาะปลูกป่านศรนารายณ์ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตมีน้อย และผู้ผลิตที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิต ก็ลดหายไปจากระบบ  

โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามตามค้นหาผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าโดยใช้ป่านศรนารายณ์เป็นวัตถุดิบมาอย่างต่อเนื่อง และพบว่า ร้านกระเป๋าป่านศรนารายณ์ จากจังหวัดเพชรบุรี เป็นสินค้าที่มีความโดดเด่น เพราะกระบวนการผลิตได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สะสมมาจากอดีต และกระบวนการผลิตในปัจจุบัน ยังยึดหลักความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะเหลือทิ้ง จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ Local BCG Plus 

นางสาวณัฐระวี เดื่อมขันธ์มณี ประธานกลุ่มอาชีพสตรีจักสานป่านศรนารายณ์ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เล่าที่มาที่ไปของการทำธุรกิจว่า สินค้าของเราเป็นผลิตภัณฑ์ป่านศรนารายณ์ ทำมาตั้งแต่สมัยคุณแม่ ถึงตอนนี้ ก็ประมาณ 40 ปี ผลิตภัณฑ์มีหลายประเภท ทั้งหมวก กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด กว่า 100 แบบ สามารถซักทำความสะอาดได้ สีไม่ตก ไม่ขึ้นรา และมีดีไซน์สวยงาม ส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ราคาเริ่มต้นที่ 30-4,500 บาท ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศแล้ว ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลี อเมริกา และสิงคโปร์

สำหรับป่านศรนารายณ์ เป็นพืชพื้นถิ่นของเม็กซิโก ทนแล้งทนแดดดี ซึ่งมีผู้นำเข้ามาในเมืองไทยเมื่อนานหลายปีแล้ว พื้นที่แถวประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรีถือเป็นแหล่งปลูกเริ่มแรก คุณสมบัติของเส้นใยของป่านศรนารายณ์จะมีความเหนียว ทนทาน โดนน้ำแล้วจะยิ่งเหนียวกว่าเดิม ไม่เปื่อยและผุง่าย ชาวบ้านชาวประมง จึงนำมาฟั่นเกลียวเป็นเชือกที่ใช้ผูกสมอเรือ และในปี 2517 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชกระแสรับสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเจ้าหน้าที่เข้าสอนงานหัตถกรรมจากป่านศรนารายณ์แก่ชาวบ้านหุบกะพง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ชาวบ้านจึงได้เริ่มต้นทำเส้นใยจากป่านศรนารายณ์ด้วย 

อย่างไรก็ตามจุดเด่นของสินค้า มีรูปแบบให้เลือกเยอะ ทันสมัย สีสันสดใส และมีความทนทานเป็นสิบ ๆ ปี มีกำลังการผลิตกระเป๋าใบเล็กได้ 3,000 ใบต่อเดือน ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ผลิตได้ 500-1,000 ใบ และมีแผนงานในอนาคต คือ อยากส่งออกต่างประเทศไปโซนยุโรป และตั้งเป้ายอดขายในปีหน้าเพิ่มขึ้น 60% โดยอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยเรื่องการพัฒนาสินค้า ปรับดีไซน์ และช่วยทำตลาดส่งออก