“มันก็ติด ๆ ขัด ๆ มาตลอดแหละชีวิตผม ไม่มีคำว่าพุ่งเลย ชีวิตผมมาอย่างเงี้ยลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก่อนมาเป็นตำรวจก็ก่อสร้าง ทำไร่ทำนา มาเป็นตำรวจแล้วก็ยังมาหาอาชีพเสริม ผมกับตำรวจกับอาชีพเสริมถือว่าอยู่คู่กันมาโดยตลอดเลย จนถึงทุกวันนี้”
ดาบตำรวจเดวิท ไชยสาร(ดาบเดฟ) ปัจจุบันรับราชการตำรวจอยู่ในสังกัดของกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล 2 และอีกบทบาทอาชีพหนึ่งนั้นเขายังเป็นเจ้าของร้านอาหารอีสาน “ยุพินไก่ย่างเขาสวนกวาง”ด้วย เล่าให้ฟังอีกว่า ตนเองมาจากเด็กบ้านนอกลูกชาวนา ลูกคนอีสาน ที่ฐานะความเป็นอยู่ทางบ้านสมัยก่อนนั้นก็ขาด ๆ เขิน ๆ ลูก4 คนซึ่งตนเองเป็นลูกคนโต อาชีพหลักของที่บ้านก็ทำการเกษตร ทำไร่ทำนาตามวิถีปกติแต่ด้วยความไม่เพียงพอ ในการกินการอยู่ซึ่ง “พ่อ” ก็เลยต้องไปทำงานต่างประเทศ(ขายแรงงาน) ที่ซาอุฯ ด้วย ก็เป็นอีกวิถีของการดิ้นรนทำมาหากินของคนอีสานในสมัยนั้นเช่นกัน เมื่อพ่อไม่อยู่บ้านกอปรกับความไม่พร้อมหลาย ๆ อย่าง ถึงแม้ว่าทางปู่ย่าเอง(ปู่เป็นครูใหญ่) อยากจะให้เรียนสูง ๆ กันด้วยเชื่อว่าการเรียนเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น และตัวเองก็ได้เสียสละให้น้องเพื่อหวังว่าจะเรียนต่อจนจบกัน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปอย่างที่หวังพอจบ ปวช.น้องชายคนรองก็ไปทำงานต่างประเทศอีกคน และไม่นานก็มาดึงเอาน้องสาวคนกลางไปด้วย ความที่เชื่อว่าไปทำงานเมืองนอกแล้วได้เงินดีกว่า “ผมได้มาทำอาชีพตำรวจก็เป็นตำรวจผู้น้อย ขับรถวินทั้งขับรถแท็กซี่ ทั้งขับรถรับจ้างพวกสิบล้อนะครับ ผมน่ะเรียน กศน. วันธรรมดาก็ทำไร่ไถนาอยู่ที่บ้าน ควบคู่กับการรับจ้างบ้างหาเงินเอง เพื่อส่งเสียตัวเองจนกระทั่งเรียนจบ ม.ต้น-ม.ปลาย กศน.ตอนนั้นก็อายุ18 ปีพอดีเขาเปิดรับสมัครที่โรงเรียนตำรวจฯ ไม่เคยใฝ่ฝันว่าจะมาถึงจุดที่ตัวเองได้เป็นจริง ๆ แต่พอได้เป็นจริง ๆ ดีใจนะครับ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะออกนอกลู่นอกทางของอาชีพตำรวจ”
ตำรวจชั้นผู้น้อย เงินเดือนน้อย แต่มีภาระที่ใหญ่กว่า
รับราชการตำรวจก็วิถีไม่ได้ว่าจะดีขึ้นมา เงินเดือนตอนนั้น 4,300 บาท ก็เลยทำให้ต้องหาอาชีพเสริมด้วย“แรก ๆ เฝ้าเซเว่นฯ คือผมทำงานธุรการ อยู่ดับเพลิงได้ประมาณปีกว่า พอเข้ามาตอนแรกอยู่ดับเพลิงก็ไม่เคยไปดับไฟดับอะไรกับเขาอยู่วิชาการ กลางวันก็ทำงานกลางคืนก็ไปเฝ้าเซเว่นฯ ทำอยู่อย่างเงี้ยหลายปีเลย มันไม่พอก็อัพขึ้นมาขับวิน เอาทุกอย่างเพราะว่ามันไม่พอตอนที่ผมอยู่ดับเพลิงแยกศรีอยุธยาเนี่ยผมอยู่ชั้น4 ใช่มั้ย ข้างล่างจะเป็นร้านข้าวถ้าคนที่อยู่ในนครบาลตำรวจเรา หรือใครที่อยู่เคยไปสืบเหนือสืบอะไรเมื่อก่อนจะมีร้านอาหาร ผมอยู่ชั้น4 ไม่มีตังค์พี่! ไม่มีเงินสดในกระเป๋าเลยจะกินข้าว ตกเที่ยงมาต้องมาชะเง้อดู เฮ้ยคนน้อยรึยังวะรู้มั้ยพี่ คนน้อยถึงจะลงมากินเพราะมันเป็นลูกค้าวีไอพีลูกค้าพิเศษ (แปะโป้งเอาไว้ก่อน) เซ็นกินน่ะเออ มันเป็นอย่างเงี้ยครับพี่” ซึ่งมันก็ต้องสู้เพราะว่ามันจำเป็นจริง ๆ มันไม่มีกินไม่มีใช้ บางทีพ่อโทรมา“มีเงินบ่หล่า สิลงเกี่ยวข้าวแล้ว ขอเงินแหน่ บางทีน้อง ตอนนั้นน้องยังเรียนอยู่เป็นตำรวจใหม่ ๆ ค่าเช่าหอน้อง ค่าชุดน้อง ค่ารถน้อง ฯลฯ” มันก็ต้องทำ มาขับวินด้วยก็ยังไม่พอ รับจ้างอีก! ขับรถรับจ้างให้กับพวกรุ่นพี่ตำรวจเขาจะไปอบรมก็รับจ้างเขา
“ทีนี้ช่วงต่างประเทศเขากวดขัน “พวกผีน้อย” ต่าง ๆ ก็นั่นแหละก่อนปี52 เพราะก่อนที่ผมจะมาเปิดร้านนี้ คิด มันก็มีข่าว อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก่อนปี52 ที่น้องอยู่ต่างประเทศนะ ทีนี้กูจะทำยังไงน้องมา เรียนไม่จบโน่นนี่นั่น ผมก็แต่งงานแล้วตอนนั้นนะครับน้องจะมานี่ทำอย่างไร มันถึงจะไม่มีผลกระทบ” แต่ภรรยาจะรู้ว่าตนเองเป็นคนที่รักน้อง ยิ่งน้องคนเล็กจะเก็บหนังสือของน้องเอาไว้รอ เพราะว่าน้องก็ตามพวกพี่ ๆ เขาไปทำงานที่ต่างประเทศด้วย หลังจากเรียนจบ ม.6 แล้ว “2-3 เดือนผมจะเอากล่องหนังสือน้องมาทำความสะอาด แล้วก็จะบอกน้องว่าพี่รอ พี่รอให้พวกเรามาต่อยอด เรียน! เพราะเชื่อว่าเรียนเท่านั้นที่จะมีความรู้และทำให้ชีวิตดีขึ้นมาได้” ก็ยังอยากให้เขากลับมาเรียน นอกจากชวนน้องกลับมาเรียนแล้วทีนี้พี่คนโตทั้ง 2 คน มีครอบครัวมาจากที่โน่นด้วย มีลูกติดมาแล้ว เรื่องเรียนก็คงไม่สะดวกแล้วกับพวกเขา น้องชายกับน้องสาวคนกลาง ก็เลยคิดสร้างอาชีพให้เขาจะทำอะไรล่ะ เลยมาต่อตรงที่ทำ “ร้านอาหาร” ขึ้นมา
มาทำร้านอาหารอย่างตั้งใจจริง สิ่งที่ได้คือมีแต่คนสนับสนุน
มาอยู่สืบฯ ตั้งแต่ปี2546“ตอนมาเป็นตำรวจมาอยู่สืบฯ เนี่ย มันก็นักสืบจริง ๆ มันก็มีเวลาว่างอยู่นะครับ ผมก็ไปเก็บขวดเก็บแก้วตามร้านอาหารอยู่ เขาก็เห็นเราสู้ชีวิตมาอย่างนั้นตลอดพอรู้ว่า เปิดร้านอาหารเพื่อน ๆ ตำรวจทหารที่เคยทำงานร่วมกันเขาก็มานั่งกิน มาช่วยอุดหนุน มานั่งคุยบางทีก็ไม่ได้อยากมากินอาหารแต่อยากมาคุย มาช่วยสนับสนุนเรา” จากเดิมตรงนี้(พื้นที่ด้านหลัง) มันเป็นป่า ซึ่งพอเข้ามาอยู่แล้วก็ช่วยกันแผ้วถางเอาเพื่อขยับขยายเพิ่มเติมขึ้นมา แรก ๆ เลยเจ้าของที่เองเขาก็มาเข้มงวดอยู่เหมือนกัน มาดูมาอะไรบ้าง แต่พอเขามาเห็นว่าเราอยู่แล้วช่วยกันดูแลรักษาดี อะไรที่มันเสียมันพังไปก็ช่วยกันซ่อมแซม “จนแบบเขาสงสารน่ะเจ้าของบ้าน เฮ้ยดาบเดฟดาบไม่ต้องซื้อนะเดี๋ยวจะใช้อะไรเนี่ยบอก จะซื้อมาให้ อย่างเงี้ยครับ คือเขาไม่ได้เสียค่าแรงในการจ้าง เราก็ใช้แรงงานของพี่ ๆ น้อง ๆ เราที่อยู่ด้วยกันทำ มันรั่วมันอะไรก็อยู่ไปซ่อมไปอย่างเงี้ยครับ ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ แล้วจังหวะที่เขามาเห็นว่าพี่น้องอยู่ด้วยกันอยู่ช่วยเหลือกันมา เนี่ยบ้านเจ้าของบ้านชอบทำบุญทุกปีเราก็คอยไปช่วย ไปอะไรให้เขาเขาใช้ไปทำโน่นทำนี่ก็ไป ผมอยู่มาตั้งแต่ “แม่” จนกระทั่งแม่เขาเสียไปแล้ว แม่อาจารย์หมอ เจ้าของบ้านเป็นอาจารย์หมอทั้งคู่เลย”ตอนช่วงที่ร้านเองโดนวิกฤตต่าง ๆ ที่มากระทบ ไม่ว่าโควิดฯ หรือว่าการเมือง ก็จะบอกกับเขาตลอดว่าเราขอความอนุเคราะห์เรื่องค่าเช่า “ยื้อไปบ้าง ยื้อไปจนไม่รู้จะยื้อยังไงแล้ว ก็มาลดให้ แล้วเดฟทำยังไง? ผมก็ไปหาเขาผมกำลังทำแบบนี้นะครับ ผมก็จะเข้าไปบอก คือเขาเป็นผู้ใหญ่ครับ ผมเป็นเด็กบ้านนอกผมไม่มีญาติไม่มีอะไรอยู่กรุงเทพฯ”
ยกระดับ “อาหารอีสานข้างทาง” ดูดีกว่าในราคาที่ใคร ๆ ก็กินได้
ถ้าบอกว่า “อาหารอีสาน” ถ้าคนอีสานที่มาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ มันจะนึกถึงเลยว่า“อีสานคือข้างทางที่เขาจะกินได้”เป็นร้านรถเข็นที่อยู่ตามข้างทาง คือราคาแบบนั้น“ผมเอาราคาแบบนั้นมาอยู่แบบนี้ ถามว่าความต่าง แตกต่างจากที่อื่นมั้ย ที่อื่นถ้าเกิดราคาแบบนี้แล้วมาอยู่แบบนี้ เขาอยู่ไม่ได้หรอกครับ เพราะต้นทุนมันสูงไม่ว่าการตกแต่งร้าน ไม่ว่าพนักงานเขา ต้นทุนเขาจะสูงกว่าเราครับ คือเราอยู่กันเองทำกันเอง หาซื้อกันเอง ทำกันเอง อย่างเงี้ยครับ อยู่แบบง่ายครับตั้งแต่ที่อยู่แล้ว ที่อยู่อาศัยเงี้ยเราก็ซ่อมเองอยู่เอง อาหารคือเราประกอบเองซื้อเองมาทำเอง อย่างเงี้ย ผมก็เลยราคาแบบนี้คือผมก็อยากบอกอยากสื่อว่า คนอีสานลองนึกถึงอาหารอีสานแล้วถ้าเกิดมาหาเรา อยากมาลองดูร้านเรามันกว้างมันพร้อม เรื่องสถานที่เรื่องบรรยากาศ ห้องน้ำห้องท่าอะไรเงี้ย คือผมจะขยับจากรถเข็นข้างทางขึ้นมาอยู่แบบนี้ ยกฐานะตัวเองขึ้นแบบนี้ แต่ราคาผมไม่ได้ยกราคาผมยังเหมือนข้างทางเท่ากัน” แล้วก็ยังใส่ใจเรื่องอาหารให้ความสำคัญมาก ๆ การจ่ายตลาดทุกอย่างจะเน้นเป็นคนที่ไปจ่ายตลาดเลือกซื้วัตถุดิบด้วยตนเองทั้งหมดแม้กระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ยังทำเองอยู่
มีช่วงพีคที่ขายดี ชีวิตติด ๆ ขัด ๆ แต่ได้รักจากครอบครัวหนุน
ดาบเดฟ บอกว่า พีคของร้านที่เห็นชัดเจนเลยคือ น้ำท่วม ช่วงปี 2554 วิกฤตเป็นโอกาสเลยในเวลานั้น เพราะคนไม่มีที่ไปจะออกถนนวิภาวดีฯ ก็ไม่ได้ ต้องวิ่งเฉพาะเส้นเลียบคลองประปาตรงนี้ที่ร้านเปิดอยู่(ซอยประชาชื่น46) ถนนวิภาวดีฯ ปิดอยู่มันใช้ไม่ได้ คนก็มาแต่ทางนี้ลงทางด่วนแล้วก็มาเลียบคลองฯ เพราะว่าคลองประปาปล่อยน้ำท่วมไม่ได้ตามนโยบาย (ความมั่นคง) ทำให้ช่วงนั้นมีคนเข้ามาที่ร้านเยอะมาก ถือว่าเป็นช่วงพีคเลย แล้วก็ช่วงไม่มีม็อบ ช่วงสุญญากาศที่การเมืองมันนิ่ง ๆ หน่อยหรือว่าช่วงบีบที่คนมันคลาย(คนออกมาใช้ตังค์) เป็นช่วงที่คนกล้าออกมาใช้เงินกัน“ลูกค้าผมสังเกตดูแรก ๆ มันก็ ปริมาณเท่าเดิมนะครับ แต่ยอดบิลมันต่าง การซื้อการสั่งต่าง! มา4 คนเคยกิน1000 แต่มารอบหลัง ๆ มา4 คนแต่กิน500 หรือ300 บ้าง ผมก็มองว่าคนน่าจะระมัดระวังการใช้เงินด้วย”
ชีวิตก็ติด ๆ ขัด ๆ มาตลอดเลย ชีวิตไม่มีคำว่าพุ่งเลย ชีวิตจะมาแบบนี้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด ก่อนมาเป็นตำรวจก็ทำก่อสร้าง ทำไร่ทำนา มาเป็นตำรวจแล้วก็ยังมาหาอาชีพเสริม“ถามว่ามันมีช่วงจังหวะ อย่าว่าเป็นช่วงปีช่วงเดือนเลยครับ มันเป็นช่วงอารมณ์หนึ่งหรือว่าบางครั้งที่มัน ปัญหามารุมเร้า ปัญหาคือปัจจัยนอกนะครับ คือปัญหาปัจจัยในคือเรารับได้อยู่แล้ว”อย่างโควิดฯ ตอนนั้นจะไปตลาดก็ไม่ได้ นอกจากร้านที่ต้องปิดแล้ว ตลาดก็จ่ายไม่ได้อะไร ๆ ก็ทำไม่ได้เลย พอจะกลับบ้านเด็ก ๆ พวกนี้อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้ กลับไปเขาก็ให้ไปกักตัว มันก็เลยต้องอยู่ที่นี่อยู่ด้วยกันไป ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาไปไหนเพราะว่าพ่อแม่เราเองก็อยู่ที่นี่“คือสิ่งอื่น ๆ คือมันอยู่ด้วย ที่อยู่ได้ก็เพราะ “ความรัก” ปัญหาถามว่ามีมั้ยมี! ปัญหามันมีอยู่ให้แก้ให้อะไรทุกวันแหละครับแต่ว่า ก็ได้กำลังใจจากครอบครัว น้อง ๆ ทีมงาน”
ไม่ร่ำรวยแต่ก็เลี้ยง20 ชีวิตได้! ปูทางอาชีพไว้เพื่อรอ “น้อง” สานต่อ...
ดาบเดฟเจ้าของร้าน “ยุพินไก่ย่างเขาสวนกวาง”ยังบอกด้วย ร้านนี้เปิดมาได้10 กว่าปีแล้วก็เลี้ยง20 ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมา ทั้งพ่อแม่พี่น้องและก็ญาติ ๆ ลูกหลานที่คอยช่วยเหลือกันมา“อยู่ได้ อยู่ได้ด้วยการปรับตัว ไม่ว่าจะการอยู่ของทุกคนในครอบครัว20 ชีวิตเนี่ย การใช้ก็หมายถึงว่า20 ชีวิต การอยู่การกินอย่างเงี้ยครับ”ความภาคภูมิใจเล็ก ๆ คือ ปู่ย่าตายายสอนว่ารู้จักกินรู้จักใช้ กอปรกับการได้มาเห็นแบบอย่างจาก “รัชกาลที่9” ท่านสอนว่าต้องทำ “บัญชี” ซึ่งส่วนตัวเองถือว่าสำคัญ“บัญชีไม่ใช่ว่าต้องกำไรนะครับ บัญชีตัวคนเองบัญชีว่าตื่นขึ้นมาทำอะไร ทำอะไรยังไงประมาณนี้ครับ บัญชีตารางเวลาของตัวเอง และก็บัญชีรายรับ-รายจ่ายของแต่ละคน พ่อใช้อย่างไร แม่ใช้อย่างไร ลูกใช้อย่างไร ถ้าเกิดวิกฤตมาเราจะเซฟตรงไหนได้ มันจะมองเห็นทางรอดได้”
พยายามที่จะพยุงให้ “พ่อแม่” ได้อยู่กับลูกเต้า ตามชีวิตที่สมควรที่ว่าลูกควรจะทำ แล้วก็พยุงน้อง ๆ ให้ไม่มาเดือดร้อนซึ่งกันและกัน โดยเอาดำรัสของในหลวงรัชกาลที่9 มาใช้มาสอนน้อง“ผมอยู่แบบนี้ให้ทีมงานอยู่ได้ มันอยู่ได้ครับ แต่ถ้าถามว่าผมมีหวังมั้ย ผมมีหวังว่าอยากจะให้ “น้อง” มารัก มีความรักร้านนี้ ให้เหมือนผมรัก และก็มาต่อยอดมาศึกษาและพัฒนาให้มันดีขึ้น ว่าอันนี้อาชีพนี้มันก็คือหนึ่งอาชีพ ที่ทำให้เราอยู่ได้ เลี้ยง20 ชีวิตได้”
ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ ในการทำกินจากดาบเดฟ “ดาบตำรวจเดวิท ไชยสาร” ตำรวจไทยหัวใจนักสู้ตัวจริง! เจ้าของร้านอาหารอีสาน “ยุพินไก่ย่างเขาสวนกวาง” ร้านตั้งอยู่ที่ถนนประชาชื่น(ซอยประชาชื่น46) เลียบคลองประปา กรุงเทพมหานคร เปิดตั้งแต่11.00 น.เป็นต้นไปจนถึงตี 2 ทุกวัน หากใครเป็นคออาหารอีสานรสแซบ ๆ ต้องไม่พลาดที่นี่มีเมนูหลากหลายไว้คอยบริการอย่างจัดเต็ม ในราคาที่เจ้าของร้านบอกว่าพอ ๆ กับร้านรถเข็นข้างทางไม่แพง ดูดีกว่าที่ใคร ๆ ก็กินได้ สามารถไปอุดหนุนหรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2052-4641 FB : ยุพินไก่ย่างเขาสวนกวาง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *