ขนมเยลลี่ “จอลลี่ แบร์” ที่พูดชื่อก็ต้องร้องอ๋อ! เพราะอยู่คู่คนไทยมากว่า 40 ปีที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียงแต่จอลลี่ แบร์ ยังคงพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องพร้อมทำการตลาดออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นทำให้ยอดขายปีล่าสุดทะลุ 300 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าพัฒนาสินค้าต่อสู่กับสินค้านำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่มากขึ้น
นายพลากร เชาว์ประดิษฐ์ Director ห้างหุ้นส่วนจำกัด อยู่แสงฟ้า โปรดักส์ เล่าว่า จอลลี่ แบร์อยู่เคียงคู่กับประเทศไทยกว่า 40 ปี และได้นำสินค้าวางในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นกว่า 30 ปี เติบโตมาด้วยกันและสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้แบรนด์เติบโตมาได้ขนาดนี้คือผู้บริโภคที่มีตั้งแต่กลุ่มเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่
ทั้งนี้เนื่องจากจอลลี่ แบร์ เป็นแบรนด์ขนมเยลลี่ที่อยู่มาค่อนข้างนานและเป็นชื่อที่ติดหูคนไทยมาอย่างยาวนานเพราะฉะนั้นสิ่งที่ทางแบรนด์ตั้งเป้าและมุ่งเน้นผลิตสินค้าออกมาให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้นั้นก็คือ “คุณภาพสินค้า” และ “ราคา” ที่ตั้งไว้ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและจับต้องได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันมีไลน์ผลิตกว่า 20 ประเภท
นอกจากนี้กลุ่มลูกค้ามีหลากหลายกลุ่มทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมถึงเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ ซึ่งทางแบรนด์เผยว่ากลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่สำคัญเพราะเป็นกลุ่มที่ตอบโจทย์มากที่สุด รวมถึงได้มีการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยการทำการตลาดออนไลน์และโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียมากขึ้นนั้นจะช่วยให้สินค้าสามารถเข้าไปอยู่ในสายตากลุ่มลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มนั่นเอง
ในระยะเวลากว่า 40 ปี จอลลี่ แบร์ เองก็ได้ประสบกับปัญหาและอุปสรรคเฉกเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงและมีความต้องการมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องผลิตสินค้าออกมาใหม่และมีความแตกต่าง เช่น เพิ่มวิตามินซีเข้าไปในตัวเยลลี่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น พร้อมทั้งเรื่องความปลอดภัยของอาหารเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ซึ่งจอลลี่ แบร์ เองก็ได้มาตรฐานรองรับความปลอดภัยของอาหารมาเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ในปีล่าสุด จอลลี่ แบร์ สามารถเติบโตและสร้างยอดขายได้ประมาณ 300 ล้านบาท โดยทางจอลลี่ แบร์เองก็ได้รับรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2022” ซึ่งเป็นรางวัลที่แสดงให้เห็นว่าจอลลี่ แบร์ ประสบความสำเร็จอีกหนึ่งขั้น พร้อมทั้งภาคภูมิใจและประทับใจกับรางวัลที่ได้เป็นอย่างมาก
สำหรับการต่อยอดธุรกิจในอนาคนนั้นทางแบรนด์ให้ข้อมูลว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาไลน์ผลิตให้ได้คุณภาพและมาตรฐานมากยิ่งขึ้น รวมถึงควบคุมราคาให้จับต้องได้เช่นเดิม เพื่อที่จะได้สินค้าที่มี่คุณภาพ มีมาตรฐานแต่ยังอยู่ในราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้นั่นเอง พร้อมทั้งเตรียมพร้อมรับมือกับสินค้านำเข้าต่างๆ ทำให้จอลลี่ แบร์ ผุดผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกมาได้แก่ รสชาติมะม่วง ที่มีรสชาติคล้ายมะม่วงจริง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่นๆ ที่อยู่ในสภาวะการปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจในยุคนี้นั้น ทางแบรนด์แนะนำว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่การแข่งขันค่อนข้างสูง มีสินค้าใหม่ๆ นำเข้าเข้ามาจำนวนมาก ส่วนผู้บริโภคเองก็มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเจออุปสรรคในรูปแบบใด “ความพยายาม” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องไม่ย่อท้อ และเอาสิ่งที่ผิดพลาดและความเสี่ยงในการทำธุรกิจมาเรียนรู้และจัดการกับปัญหานั้นให้ได้ ซึ่งความสำเร็จและความล้มเหลวเราสามารถเรียนรู้ได้จากทั้งสองอย่างเพื่อพัฒนาและปรับปรุงแบรนด์ให้เติบโตอยู่รอดในตลาดให้ได้ และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือการมั่นใจว่าสินค้าของเราดีมีคุณภาพมากพอก็จะสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้นั่นเอง
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : JollyBears
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *