การทำเกษตร หรือ การเป็นเกษตรกรของคนรุ่นใหม่ อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะวันนี้ การทำเกษตรสามารถสร้างเงินแสน เงินล้านได้ ผ่านโลกออนไลน์ ทุกคนสามารถนำสินค้าไปขายถึงมือผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ โดยไม่ผ่านคนกลาง น้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่หลายคนหันมาทำเกษตรและมีความสุขกับการเป็นเกษตรกรเพราะสร้างอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
สาววัย 21 ปี เส้นทางการทำเกษตรในแบบของคนรุ่นใหม่
เฉกเช่น สาวน้อยวัย 21 ปี คนนี้ “ก้อย” นางสาวพิชญาภา สุขแสวง เจ้าของสวน 100 ล้านสมุนไพร จังหวัดสุรินทร์ และเจ้าของหอมแบ่งในตะกร้า ที่โด่งดังบนโลกออนไลน์ เพราะด้วยหน้าตาที่สดใสตามวัยและความคิดที่มากกว่าอายุของเธอ ทำให้ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ หรือ เฟซบุ๊ก จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งดีขนาดไหน ก็ดูจากยอดขายหอมแบ่งในตระกร้า แค่ต้นหอมแต่สามารถทำยอดขายหลักแสนบาทต่อเดือนได้ วันนี้ เรามาฟังว่า “ก้อย พิชญาภา” เจ้าของ 100 ล้านสมุนไพร ว่าเธอมีวิธีคิดอย่างไร ถึงประสบความสำเร็จ ในวัยเพียง 21 ปี
นางสาวพิชญาภา เล่าว่า “จุดเริ่มต้นก้อยเป็นนักศึกษา ที่เรียนสายอาชีพ ทำให้ฝึกงานเร็วกว่าคนที่เรียนในสายสามัญ โดยในช่วงที่ก้อยฝึกงาน ซึ่งอยู่ในช่วงโควิดพอดี และพอเจอสถานการณ์โควิด ทำให้เรารู้ว่าทุกอย่างการทำงานเป็นลูกน้องเค้ามันไม่มั่นคงเลย เพราะพอมีโรคระบาดมีบริษัท โรงงานหลายๆ แห่งก็ปิดกิจการหรือไม่ก็ลดคนงาน ในต่างจังหวัดเยอะมาก ทำให้เรารู้สึกว่างานพวกนี้ไม่มั่นคงเลยนะ และที่ผ่านมาแม้เราจะฝึกงานในระยะเวลาสั้น แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่มีความสุขกับการที่ได้เป็นพนักงานหรือทำงานประจำที่ต้องคอยรับคำสั่งเลย
ทั้งนี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้ สาวน้อยวัย 21 ปี คนนี้ ตัดสินใจที่จะออกมาสร้างอาชีพของตัวเอง โดยเธอเลือกจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและคิดว่า ทำมันได้ในเวลานั้น นั่นคือ การตัดสินใจออกมาทำการเกษตร แต่เป็นการทำเกษตรในแบบของคนรุ่นใหม่ ที่มีเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการตลาด และการผลิต ส่วนที่เหลือเป็นความตั้งใจและเป้าหมายที่วางไว้
วันแรกถ่ายคลิปปลูกหอมลงยูทูบ ยอดจอง 300 คิว
“ก้อยอยากออกมาทำเกษตร เพราะได้เป็นนายของตัวเอง และพื้นฐานก้อยเป็นคนชอบทำเกษตรอยู่แล้ว ครอบครัวก็ทำเกษตร เราก็มีความรู้ในเรื่องการทำเกษตรอยู่บ้าง โดยก้อยเริ่มจากการปลูกหอมแบ่งในแปลงดิน ตอนนั้นลองถ่ายคลิปเล่นลงยูทูบ ปรากฏว่าคลิปนั้น มีคนมาจองหอมแบ่ง 300 คิว ซึ่งเหนือความคาดหมายมาก แต่มันทำให้เรารู้ว่าทำหอมแบ่งเนี่ยมันขายได้นะเป็นอาชีพได้ แต่พอจะได้ขายปรากฏว่าฝนก็มา ทำให้หอมแบ่งของก้อยเน่าเกือบหมด ทำให้เรารู้ว่าหอมไม่ชอบชื้นแฉะต้องหาวิธีแก้ เป็นที่มาของการปลูกหอมแบ่งในเข่งหรือในตระกร้า”
ข้อดีของการปลูกผักในตะกร้าโดยเฉพาะหน้าฝน
โดยตอนนั้น คิดว่า ต้องหาวิธีการทำอย่างไรให้การปลูกผักในหน้าฝนของเราไม่ให้เสียหาย ก็เลยนำหอมแบ่งมาปลูกในตะกร้า โดยการซื้อเข่งที่ร้านขายเข่งพลาสติกมา ต้นทุนไม่ได้สูงมาก ซึ่งพบข้อดีของการปลูกในตระกร้าหลายอย่างมาก ข้อแรก คือ หอมของเราไม่เน่าเสียช่วงหน้าฝน เพราะตระกร้าสามารถระบายน้ำ และระบายอากาศได้ดี เพราะตระกร้าจะมีรูระบายโดยรอบ และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ต้องไถพรวนดิน ไม่ต้องหมักดิน ซึ่งสูตรที่ก้อยทำจะเป็นสูตรไม่หมักดิน เวลาถอนต้นหอมออกไปแล้ว เพียงแค่เติมดินใหม่เข้าไป ก็ปลูกต่อได้เลย เพราะตระกร้าเค้ามีรูระบายอยู่แล้ว ไม่ต้องไปพรวนดิน อะไร
ที่ผ่านมา ก้อยได้พิสูจน์ให้ชาวบ้านได้เห็นแล้วว่า การปลูกผักในตะกร้า ทำได้จริง และให้ผลผลิตที่น่าพอใจ และมีข้อดีหลายอย่าง ก้อยอยากให้ชาวบ้านได้นำไปใช้ เพื่อจะได้ประหยัดแรง ประหยัดต้นทุนไม่ต้องใส่ปุ๋ยเยอะ และผลผลิตไม่เสียหายเน่าเสียในช่วงหน้าฝน และมีชาวบ้านนำกลับไปทำ และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
พื้นที่ 1 ไร่ ทำรายได้หลักแสนต่อเดือน
พิชญาภา (ก้อย) เล่าว่า ก่อนจะมาทำหอมแบ่ง ก้อยลองผิดลองถูกปลูกมาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสลัด พริก หรือ มะเขือ ทุกอย่างสามารถปลูกในเข่งหรือตะกร้าได้หมด แต่ที่ก้อยเลือกทำหอมแบ่ง เพราะด้วยขายพันธุ์หอมแบ่งมาตั้งแต่แรก เราก็เลยทำแค่ขายพันธุ์หอมแบ่งเลยอย่างเดียว ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นๆ แต่ถ้าถามว่าอย่างอื่นปลูกในตะกร้า หรือ เข่งได้ไหม ทุกอย่างปลูกได้หมด
ในส่วนของหอมแบ่งที่ปลูกในตระกร้า ปัจจุบันอยู่จำนวน 4,000 ตระกร้า ใช้พื้นที่ปลูกจำนวน 1 ไร่ โดยสายพันธุ์ที่นำมาปลูกจะเป็นสายพันธุ์โบราณที่ลูกค้าสามารถซื้อไปแล้วก็นำไปขยายพันธุ์ต่อได้ตลอดชีวิต โดยไม่ต้องกลับมาซื้อพันธุ์อีก เรียกว่าซื้อครั้งเดียว ใช้ไปได้ตลอด ตอนนี้ ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท รวมค่าจัดส่ง วิธีการขายใช้การชั่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัมและตัดใบออกเพื่อลดการคายน้ำ เมื่อก่อนมีคนมาเห็นเราปลูกในตระกร้าขอซื้อไปทั้งตระกร้าเราก็ขายให้เหมือนกัน แต่การขายออนไลน์ขายทั้งตระกร้าไม่สะดวกในการจัดส่งก็ใช้การชั่งกิโลขาย
ส่วนช่องทางการขาย “น้องก้อย” บอกว่า เธอยึดขายแต่ออนไลน์อย่างเดียวเลยมาตั้งแต่แรก ซึ่งก็ทำแทบไม่ทันแล้ว ช่องทางการขายหลัก คือ TikTok เพจเฟซบุ๊ก IG และ ยูทูบ ลูกค้ามาจากช่องทางยูทูป และเพจเป็นส่วนใหญ่ โดยเราใช้ขื่อว่า 100 ล้านสมุนไพรเหมือนกันทุกช่อง สำหรับรายได้ ปัจจุบันมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน เป็นรายได้ทำให้สามารถดูแลตัวเอง และดูแลครอบครัวได้
ชีวิตไม่จำเป็นต้องยาก ชีวิตง่ายๆก็หาเงินได้เช่นกัน
“ตอนนี้ มีความสุขมากๆ เลยคะ ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก ถ้าให้เลือกอีกครั้ง ก็คงจะเลือกแบบนี้ เพราะเราได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับคนที่เรารัก มีรายได้มีเงินเข้ามา แค่นี้ก็สุดๆแล้ว อนาคตน้องก้อยก็อยากจะทำให้ครบวงจรมากกว่านี้ อยากจะเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ ที่กำลังคิดว่าวันหนึ่งจะกลับมาใช้ชีวิตในแบบเกษตรกรเหมือนกับก้อยว่า ทำได้จริงสามารถมีความสุข พร้อมกับการมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ในพื้นที่แค่เพียง 1-2 ไร่ เท่านั้น ไม่ต้องมีที่ดิน 10-20 ไร่ ดูแลครอบครัวได้
ท้ายสุดนี้ “ก้อย” อยากจะบอกทุกคนว่า เราสามารถที่จะได้ใช้ชีวิตให้มันง่าย ๆ ก้อยต้องการเป็นแบบอย่างให้ทุกคนเห็นว่า จริงแล้วการใช้ชีวิตไม่จำเป็นต้องใช้ยากก็ได้ แค่ชีวิตที่มีความสุขทุกวัน แค่นี้ก็ที่สุดแล้ว และ “ก้อย” อยากจะบอกเพื่อนที่เป็นคนรุ่นใหม่ว่า ทุกคนสามารถที่จะเป็นทุกอย่างที่เราอยากจะเป็น แค่เราไม่หยุดฝัน แค่เราไม่ทิ้งเป้าหมาย แค่เรารู้ว่า เราต้องการอะไร ทุกคนก็สามารถที่จะเป็นตรงนั้น ได้หมดเลย ซึ่ง “ก้อย” เองฝันที่จะทำเกษตรให้ครบวงจรในอนาคต และต้องการใช้ชีวิตให้คนเห็น เพื่อใครอยากมีชีวิตแบบเราเค้าจะได้รู้ว่า เราสามารถเป็นทุกอย่างได้ อย่างที่เราอยากเป็นเลย
ติดต่อ Facebook : 100 ล้านสมุนไพร
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด