นักธุรกิจสาวสู้ชีวิต ทำงานหนักตั้งแต่เด็กเพื่อสิ่งเดียว คือ การได้เรียนหนังสือเริ่มสร้างธุรกิจจากการเป็นเทรดเดอร์ จนก้าวขี้นเป็นเจ้าของโรงงาน ปลุกปั้นสร้างแบรนด์ “ปรียาภรณ์เครื่องปรุงรส” ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายสิบประเทศ หลังจากเกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ทำให้การทำตลาดต่างประเทศเริ่มลดน้อยลงไป เป็นจุดเปลี่ยนที่ต้องรุกขึ้นมาวางแผนการตลาดใหม่ โดยหันมามองตลาดในประเทศทดแทนยอดส่งออกที่หาย
เส้นทางการต่อสู้ ตั้งแต่เด็กจนโต
คุณปรียาภรณ์ มั่งมี (น้ำค้าง) เจ้าของกิจการมั่งมีอาหารไทย เล่าว่า พื้นเพตนเองเป็นคนกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีพี่น้อง 4 คน ตนเองเป็นคนสุดท้องและเป็นลูกผู้หญิงคนเดียว ด้วยความที่ครอบครัวแม่มีเชื้อสายจีน ส่วนพ่อเป็นไทยแท้ ถูกเลี้ยงมาแบบลูกผู้หญิงที่เปรียบลูกผู้หญิงว่าเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน แม่ก็เลยไม่ค่อยต้องการลูกสาวเท่าไหร่นัก ที่ผ่านมาได้ความรักจากพ่อเป็นหลัก ส่วนแม่จะให้ทำงานตั้งแต่เด็ก พอพ่อตายชีวิตยิ่งแย่ ตอนนั้นทำงานหนักมาก ตื่นขึ้นมากรอกเชื้อเห็ดฟางตอนตี 2 ถึง 6 โมงเย็น แลกกับเงิน 100 บาท ซึ่งจะทำเฉพาะในช่วงที่มีเชื้อเห็ดเป็นงานเหมา
ทั้งนี้ ถ้าวันปกติก็จะต้องตื่นประมาณ ตี 4 กรอกเชื้อเห็ดแถวบ้านได้เงิน 5 -10บาท ด้วยความที่แม่เป็นแม่บ้านไม่ค่อยไปไหนตอนที่เข้าเรียนมัธยมต้น แม่ก็ไม่ได้พาไป เราก็เลยต้องไปอาศัยแม่ของเพื่อนช่วยพาไปสมัครเรียนเข้าเรียนมัธยมต้นที่ โรงเรียนสตรีล้วน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเพื่อนๆในโรงเรียนค่อนข้างจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะ วันหนึ่งไปเที่ยวบ้านเพื่อน ก็ไปเจอยายของเพื่อน ที่รู้จักครอบครัวเรา รู้ว่าครอบครัวเราไม่ได้มีเงินเหมือนเค้า ก็จะพูดจาดูถูกเรา และไม่อยากให้เราได้มาคบเป็นเพื่อนกับหลานของเค้า ยายแก่ฝากให้ไปบอกกับแม่ว่ากาก็ต้องเป็นกาอย่าริมาเทียบหงส์ ในขณะคนที่เป็นตาของเพื่อนมาเจอแม่และด่าแม่ บอกให้แม่สอนลูกบ้างอย่าทะเยอทะยานเกินตัวมาเรียนที่เดียวกับหลานเค้าให้รู้ใครเป็นกาใครเป็นหงส์
ทั้งหมดที่ต้องเจอในวัยเด็กจนถึงวันที่ตนเองได้โตขึ้นมา แรงขับเคลื่อนทำให้เรารุกขึ้นสู้ และไม่ย่อท้อที่จะก้าวข้ามความยากจนไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ในวัยเรียน ต้องเรียนหนังสือให้เก่ง และสามารถทำได้ เพราะผลการเรียนก็ออกมาดีตลอดได้อยู่ในห้องคิงส์ห้องเด็กเรียนเก่ง ซึ่งการไปเรียนแต่ละครั้ง เป็นเรื่องที่ยากลำบากเพราะแม่ไม่มีเงินเราจะได้ค่าขนมไปโรงเรียนเพียงวันละ 10 บาท แค่ค่ารถจากกระทุ่มแบนไปมหาชัยก็เกือบหมดแล้ว แต่ไม่ท้อขอให้ได้เรียนหนังสือ เสื้อผ้านักเรียน รองเท้า มีคนให้มาเป็นมือสองทั้งหมด ก็เอามาแก้มาเลาะชื่อเก่าออกปักใหม่ กระเป๋าก็เก่ามาก ถุงเท้ามีคู่เดียว แม่ไม่ซื้อให้ สู้ชีวิตเหมือนนิยาย
ครอบครัวมีรายได้หลังจากเรียนจบ ม.ปลาย
หลังจากนั้นพอเข้ามัธยมปลาย ครอบครัวเริ่มมีรายได้มากขึ้น พอจบมัธยมปลายก็ได้สอบเอ็นเทรานต์เข้าคณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน พอเรียนจบก็มาสอบเรียนต่อปริญญาโทที่รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนได้เทอมเดียวก็ลาออกไม่ใช่ไม่อยากเรียนแต่ตอนนั้นเริ่มถามตัวเองว่าเรียนไปเพื่ออะไร
โดยช่วงนั้นเรียนปริญญาตรีก็เริ่มช่วยทางบ้านค้าขาย ทำโรงงานเซรามิค เป็นธุรกิจทำกันในครอบครัวกิจการเริ่มดีขึ้น พี่ชายคนโตอยากให้เราออกมาช่วยทำตลาดต่างประเทศ ซึ่งเราเองมองว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องเซรามิคเลย แต่วันนั้นเกิดวิกฤตปี 2540 ถ้าเราทำตลาดต่างประเทศไม่ได้ กิจการก็คงจะไปต่อยาก ทำให้เราต้องตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโท ที่ประเทศมาเลเซีย พูดภาษาต่างประเทศได้ มาช่วยครอบครัวทำตลาดเซรามิคในต่างประเทศ หลังจากนั้น มีครอบครัวก็เลยชวนแฟนมาทำทัวร์ต่างประเทศด้วยกัน
ที่มาของ ปรียาภรณ์เครื่องปรุง
จากเพื่อนจีนยากซื้อน้ำปลา
ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนที่ทำให้เรามาสร้างแบรนด์ “ปรียาภรณ์เครื่องปรุงรส” มาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนจีนและมาเลเซีย ถามหาน้ำปลาเราเป็นคนสมุทรสาครมีความรู้เรื่องน้ำปลาดี หลังจากหาน้ำปลาให้เพื่อนได้ เริ่มมองว่าตลาดเครื่องปรุงบ้านเรามีหลายตัวที่ต่างประเทศชื่นชอบ ในช่วงนั้นผันตัวเองมาเป็นเทรดเดอร์ ส่งออกเครื่องปรุงรสของไทย เช่น น้ำจิ้มไก่ เครื่องแกง น้ำปลา โดยจ้างโรงงานผลิตให้แล้วเราเป็นผู้ส่งออก ส่งประเทศมาเลเซียก่อน หลังๆลูกค้าบ่นสินค้าไม่ตรงปก รสชาติไม่ถูกใจคนมาเลเซียและคนจีน ทำให้เราต้องหันมาทำโรงงานเอง เพื่อควบคุมคุณภาพและรสชาติให้ได้ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ
หลังจากนั้น ไม่ได้เป็นเทรดเดอร์อีก เพราะการเป็นเทรดเดอร์ไม่ยั่งยืน วันหนึ่งตัวแทนที่ส่งสินค้าให้ เค้าอยากจะมาดิวกับโรงงานเองเทรดเดอร์อย่างเราก็จบ สุดท้ายการมีโรงงานเองสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่า และเราอยากผลิตสินค้าอะไรแบบไหนเราก็สามารถทำได้ สำหรับตลาดเครื่องปรุงรส เครื่องแกง ในต่างประเทศถือว่าเป็นตลาดที่ไปได้ เพราะต่างชาติหรือคนไทยอยู่ต่างประเทศ การทำเครื่องแกงเองไม่ได้ง่าย เพราะไม่รู้ว่าจะไปหาวัตถุดิบที่ไหน ซึ่งสินค้าตัวล่าสุดที่ทำออกมาขายคือ เครื่องต้มยำสำเร็จรูป สาเหตุที่เราเลือกทำเครื่องต้มยำสำเร็จรูปครั้งนี้ เพราะต่างชาติชื่นชอบเมนูต้มยำกุ้ง จากประเทศไทย แต่การหาเครื่องปรุงไม่ได้ง่ายเหมือนเมืองไทย โดยเราได้เริ่มศึกษาประมาณ 1 ปี จนได้เป็นต้มยำสำเร็จรูปพร้อมปรุงตราปรียาภรณ์ พร้อมกับได้ทำตราสินค้าร่วมกับเพื่อนอีก 2 แบรนด์ คือ เครื่องต้มยำแบรนด์ Capitan กับแบรนด์ Bila โดยในส่วนของBilaเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นมุสลิม
สำหรับการทำโรงงานผลิตเครื่องปรุงภายใต้แบรนด์ปรียาภรณ์ เริ่มขึ้นเมื่อปี 2546 โดยใช้โรงงานเก่าที่ทำเซรามิคของครอบครัวซึ่งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งตอนนั้นโรงงานเซรามิคที่นี้ก็ปิดกิจการไปแล้ว เริ่มจากผลิตน้ำปลา น้ำมะนาวเทียมก่อน โดยใช้ชื่อ หจก.มั่งมีเทรดดิ้ง ทำอยู่ประมาณ2 ปี ได้มีการขยับขยายผลิตเครื่องปรุงหลากหลายชนิดมากขึ้น โรงงานที่สร้างอยู่มีพื้นที่ไม่เพียง ได้มีการสร้างโรงงานแห่งใหม่ใกล้ๆ กัน บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ และในปี 2560 เป็นต้นมาได้ เปลี่ยนมาเป็น บริษัทมั่งมีอาหารไทยจำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 165 หมู่ 5 ต.ดอนตูม อ.บางเลน จ.นครปฐม
วิกฤตโควิดทดสอบความแกร่งอีกครั้ง
ปรียาภรณ์ เล่าว่า ปัญหามีเข้ามาทดสอบความแกร่งของเธอตลอดมา ล่าสุดในช่วงโควิดที่ผ่านมา ด้วยที่ผ่านมาส่งออกเป็นหลักพอเจอสถานการณ์โควิดระบาดยอดส่งออกลดลงมาก ลูกค้าแถบยุโรปที่เคยสั่งพวกหน่อไม้ ผักกาดดอง หยุดสั่ง สมัยก่อนเราส่งน้ำปลาเดือนเกือบหมื่นโหล ลดเหลือ 1,800 โหล แต่ตอนหลังลูกค้าบอกว่ารับราคาไม่ไหวเพราะราคาขวดแก้วขึ้นเท่าตัวลูกค้าจึงเลิกสั่งขวดแก้ว เหลือแต่ขวดพลาสติก ซึ่งในช่วงโควิดมีหนี้เยอะมาก ทั้งหนี้ธนาคาร หนี้นอกระบบ เราสู้อยู่ 4-5 เดือน คนงานต้องออกหมด ครั้งนี้ ถือว่าหนักมาก จนเราเองเคยคิดสั้น แต่ก็ต้องหยุดคิด เพราะห่วงน้องหมาว่าเค้าจะอยู่ยังไง พอดีทางธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ได้มาหาที่บ้านและ ยื่นมือเข้ามาช่วยแก้หนี้ โดยการปรับโครงสร้างหนี้ลดภาระการผ่อนให้น้อยลง ทำให้มีเงินเหลือไปตัดหนี้นอกระบบและเหลือเงินมาลงทุนทำอย่างอื่นต่อไป
โดยเริ่มมองหาช่องทางการทำตลาดในประเทศ สินค้าที่ผลิตในปัจจุบัน ได้แก่ น้ำปลา น้ำมะนาวเทียม น้ำมะขามเปียก น้ำส้มสายชู ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ ข้าวเกรียบกุ้ง ผลไม้อบแห้ง ต้มยำสำเร็จรูป ฯลฯ ที่ผ่านมาเน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก มีการออกงานแสดงสินค้า อย่าง ThaiFex บ้าง ส่งออกโดยตรงกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติ รายได้ประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อเดือน
ปรับแผนทำตลาดในประเทศ
จากวิกฤตโควิดครั้งนี้ ทำให้ต้องปรับแผนหันมาทำตลาดในประเทศ โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์และขายปลีก โดยสินค้าตัวแรกที่จะนำออกขาย คือ ต้มยำสำเร็จรูปพร้อมปรุง กับข้าวเกรียบกุ้งทะเลแท้ไม่ใส่สี ไม่แต่งกลิ่น ใช้เนื้อกุ้งแท้ๆ จุดเด่นของต้มยำสำเร็จรูปพร้อมปรุง คือ รวมเครื่องครัวทุกอย่างในขวดเดียว แค่ต้มน้ำใส่เครื่องปรุง 2-3 ช้อน ใส่เนื้อสัตว์ที่ชอบลงไปก็กินได้เลยและสามารถนำไปปรุงอาหารอย่างอื่นได้ เช่น ข้าวผัดรสต้มยำ ผัดอาหารทะเล ผัดหอยลายต้มยำ เป็นต้น โดยต้มยำพร้อมปรุงปรียาภรณ์จะวางขายในช่องทางออนไลน์ เช่น TikTok,Facebook,Lazada ช่วงนี้อยู่ในช่วงทดลองตลาด คาดว่าจะวางขายจริงในเดือนกรกฏาคม นี้
ติดต่อ Facebook และ Tiktok :mangmeethaifood
โทร. 08-9596-0509
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุ