เมื่อโรงงานวุ้นเส้นล้ม! หันมาทำโรงหล่อ “สมาร์ทอิมเมจ” สร้างงานประติมากรรมได้ทุกแขนง

จากเจ้าของโรงงานผลิตวุ้นเส้น ต.เจริญวุ้นเส้น สู่การเป็นเจ้าของ “สมาร์ทอิมเมจ” โรงงานผลิตงานศิลปกรรมและงานประติมากรรมทุกแขนงเจ้าใหญ่ในจังหวัดสกลนครและในประเทศ ที่ดึงเอาจุดเด่นและงานฝีมือมาสร้างเป็นผลงานศิลปะที่ตอบโจทย์งานทุกแขนงตั้งแต่ปั๊มเหรียญพระเครื่องไปจนถึงประติมากรรมงานปั้นขนาด 9 เมตร พร้อมทั้งต่อยอดจากในประเทศสู่ต่างประเทศได้สำเร็จ

นายนิภัทร สุวาส CEO บริษัท สมาร์ทอิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า ตนเป็นลูกหลานชาวนา พ่อกับแม่รับราชการครู ไม่มีสมบัติ ตนประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทและไม่คิดจะทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งในช่วงนั้นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธพว. หรือ SME D Bank ได้มีการจัดโครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่และต้องการต่อยอดธุรกิจขึ้น ทำให้ตนได้ลองเข้ารับฟังกับโครงการดังกล่าวทำให้เกิดไอเดียและต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเองและมองหาโอกาสการเติบโต พร้อมทั้งได้เงินทุนสนับสนุนจาก SME D Bank มาเริ่มต้นธุรกิจ ทำให้เกิดเป็นโรงงานวุ้นเส้นในชื่อ ต.เจริญวุ้นเส้น ขึ้นมาแต่ก็ดำเนินได้ประมาณ 2 ปี โดยเริ่มต้นจากห้องแถวขนาดเล็กมีพนักงานทั้งหมด 3 คนและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้ในเดือนแรก 2-3 แสนและภายใน 1 ปี เติบโตขึ้น 10% รายได้จากหลักแสนสู่เดือนละ 3 ล้านบาทในที่สุด

หลังจากธุรกิจวุ้นเส้นเติบโตเป็นอย่างมากนั้นก็ต้องพบเจอกับปัญหาจากคู่แข่งในเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ไม่สามารถขาดทุนได้ จนทำให้เลิกกิจการผลิตวุ้นเส้นไปในที่สุด ต่อมาในช่วงที่หมดตัว ตนจึงเดินทางเพื่อไปหางานและสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2549 ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี พอดีโดยในปีดังกล่าวกรุงเทพมหานครได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่และมีงานประติมากรรมที่สวยงามทุกพื้นที่ แต่ในต่างจังหวัดนั้นค่อนข้างมีน้อยทำให้ตนได้นำไอเดียการสร้างประติมากรรมดังกล่าวนั้นกลับมาเสนอกับจังหวัดสกลนคร

ทั้งนี้จึงทำให้จังหวัดสกลนครได้จัดงานเฉลิมฉลองและมีการสร้างประติมากรรมที่สวยงามขึ้นเช่นกัน เช่นนี้เองทำให้จังหวัดอื่นก็มองเห็นผลงานดังกล่าวมากขึ้นและได้มีการว่าจ้างให้ไปสร้างประติมากรรมเหล่านี้ที่จังหวัดอื่นนั่นเอง ทำให้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทุกจังหวัดได้มีการจัดงานและสร้างประติกรรมที่สวยงามต่างๆ ครบทุกจังหวัด ซึ่งงานประติมากรรมดังกล่าวได้แก่ งานตกแต่งประตูตามถนน ซุ้มประตูเมือง กำแพงเมือง งานป้าย และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งได้มีการขอใบอนุญาตในการผลิตตราของในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างถูกต้องตามระเบียบของสำนักพระราชวังแล้วนั่นเอง ทำให้เกิดเป็นธุรกิจการสร้างงานประติมากรรมภายใต้แบรนด์ สมาร์ทอิมเมจ จนถึงปัจจุบัน

ผลงานชิ้นแรกนั้นสมาร์ทอิมเมจเริ่มจากงานปริ๊นท์ไฟเบอร์กลาสและโลหะ ตามลำดับ ซึ่งแน่นอนว่างานเหล่านี้ย่อมมีคู่แข่งทำให้ทางแบรนด์คิดค้นหาจุดเด่นและความพิเศษที่เกิดการลอกเลียนแบบได้ยาก จนได้ข้อสรุปคือ การใส่ฝีมือเข้าไปในงานทุกชิ้น ซึ่งกลายเป็นชิ้นงานปั้น งานหล่อ ขึ้นมาและทำให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เนื่องจากงานฝีมือนั้นจำเป็นต้องอาศัยทั้งเวลาและความสามารถและการฝึกฝนจนชำนาญ ซึ่งทางสมาร์ทอิมเมจนั้นมีโรงหล่อเป็นของตัวเองและมีความแตกต่างจากโรงหล่ออื่นๆ ทั่วไป เนื่องจากโรงหล่ออื่นๆ จะมีความเชี่ยวชาญในการหล่อเฉพาะชิ้นงานและจะหล่อเพียงงานเดียวซ้ำๆ เช่น โรงหล่อพระพุทธก็จะหล่อเฉพาะพระพุทธ ส่วนโรงหล่อพระคริสต์ก็จะหล่อเฉพาะพระคริสต์นั่นเอง ความเชี่ยวชาญของแต่ละโรงหล่อก็จะแตกต่าง แต่ของสมาร์ทอิมเมจนั้นสามารถทำได้หลากหลายในโรงหล่อแห่งเดียวไม่ว่าจะเป็น งานหล่อพระตามศาสนาต่างๆ งานประติมากรรม งานอาร์ต งานศิลป์และงานทุกประเภทของศิลปะ รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานต่างๆ

ก่อนจะมีฝีมือและสามารถสร้างงานประติมากรรมได้หลากหลายประเภทจนถึงทุกวันนี้ได้นั้น เจ้าของแบรนด์ต้องเดินทางตระเวนหาความรู้จากเจ้าของงานประติมากรรมที่ทำมาก่อน โดยเข้าไปขอให้สอนทำแต่ก็มีทั้งที่สอนให้ได้กับไม่สอนปะปนกันไป แต่เจ้าของแบรนด์ก็ไม่ย่อท้อพยายามศึกษาและจดจำความรู้ที่ได้มาฝึกฝนเองและได้มีการจ้างช่างมาทำเป็นครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกนั้นมีความยากมากเพราะเป็นงานที่ยังไม่เคยทำ จึงต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาทำให้ดูก่อนแล้วค่อยศึกษาและจดจำรายละเอียดต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาและฝึกฝนเอง จนสามารถปรับปรุงและพัฒนาเป็นงานฝีมือของตัวเองได้ในที่สุด

ส่วนความยากต่อมานั้นคือการขาย งานเหล่านี้เป็นงานที่ขายค่อนข้างยาก เพราะลูกค้ามักจะมองว่าเป็นงานที่ฟุ่มเฟือยไม่คุ้มที่จะลงทุน ซึ่งทางแบรนด์ก็ตระเวนขายให้กับลูกค้าหลากหลายที่แต่ก็โดนปฏิเสธ แต่ก็ได้ลูกค้ารายแรกในที่สุด ซึ่งผลงานชิ้นแรกที่ขายได้คือ ฮวงจุ้ย 12 ราศี ต่อมาก็เป็นผลงานประติมากรรมรูปปั้น “สิงห์สีทองตัวใหญ่” สัญลักษณ์ประจำ สิงห์ปาร์คเชียงราย จ.เชียงราย “พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช” และ “พญานาคเจ็ดเศียร” จ.มุกดาหาร รวมถึง “ปลาใบ” ของ จ.กระบี่อีกด้วย ทำให้มีลูกค้าเริ่มติดต่อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการต่างๆ รวมถึงเอกชนอีกด้วย

ในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ สมาร์ทอิมเมจก็เช่นเดียวกัน แต่สมาร์ทอิมเมจแก้ปัญหาด้วยการหล่อพระเครื่องขึ้นมาขายแทนเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากคนไทยจะมีความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและองค์พระที่ส่งเสริมในเรื่องต่างๆ เพื่อความเป็นศิริมงคล ทำให้ในส่วนนี้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้สมาร์ทอิมเมจเติบโตในตลาดพระเครื่องค่อนข้างมากประมาณ 90%

ปัจจุบันสมาร์ทอิมเมจมีพนักงานประจำทั้งหมด 20 คน และมีเอาท์ซอร์สที่ทำงานด้วยกันเป็นประจำอีก 30 คน รวมทั้งหมดเป็น 50 คน นอกจากนี้ผลงานของสมาร์ทอิมเมจนั้นเป็นงานแฮนด์คราฟเกือบทั้งหมด 99% และไม่มีเครื่องจักร นอกจากงานที่เกี่ยวกับความเชื่อและงานประติกรรมขนาดใหญ่แล้วนั้นยังมีงานศิลปะรูปแบบอื่นๆ เช่น งานประดับตกแต่ง งานประติมากรรมที่สร้างขึ้นเอง ภาพวาด 3 มิติ เป็นต้น สมาร์ทอิมเมจสามารถสร้างงานเหล่านี้ได้ทุกแขนง ซึ่งชิ้นที่ใหญ่ที่สุดคือรูปปั้นสิงห์สีทองขนาดใหญ่ของ สิงห์ปาร์ค ขนาด 9 เมตร ใช้เวลาทำประมาณ 1 ปี นอกจากนี้ยังมีการสร้างน้ำตกทั้งภูเขา สวนน้ำ ไดโนเสาร์และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ลูกค้าต่างชาติก็เข้ามาให้ความสนใจและสั่งทำโดยส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามงานประติมากรรม งานปั้น งานหล่อ งานศิลปะต่างๆ มีความยากง่ายเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับความสามารถ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของช่าง สมาร์ทอิมเมจนั้นเป็นแบรนด์ที่สามารถผลิตงานศิลปะเหล่านี้ได้ทุกแขนงและเกิดการลอกเลียนแบบได้ค่อนข้างยาก จึงทำให้เป็นที่รู้จักในแวดวงงานเหล่านี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งสมาร์ทอิมเมจเป็นโรงงานศิลปกรรมและงานประติมากรรมที่สามารถบริการได้ทั้งในและต่างประเทศได้นั่นเอง นอกจากนี้สมาร์ทอิมเมจยังรับปั๊มเหรียญพระผง วัตถุมงคลทุกชนิด รวมถึงประติมากรรมกลางแจ้งก็ถูกออกแบบให้แข็งแรง คงทนต่อทุกสภาพอากาศ โดยแต่ละชิ้นงานจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี

ติดต่อเพิ่มเติม

Facebook : นิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ story
Tel. 0-4297-1508