โกโก้ไม่เคยถูกยกเป็นพืชเศรษฐกิจไทยบนเวทีโลก แต่เบื้องหลังความสำเร็จ นักพัฒนาช็อกโกแลตที่เอาผลผลิตจากบ้านเราไปเขาได้รับรางวัลระดับโลก มีการจัดอันดับจากสื่อที่ทรงอิทธิพล 5 ช็อกโกแลตที่คนอเมริกันสมควรกิน ซึ่ง 1 ในนั้นมาจากสายพันธุ์ลูกผสมชุมพร 1 ด้วยนะ!
คุณจุ้น-ธนาวัลย์ เหล่าเมตตาจิตต์ จากบริษัทเอทีเอ โปรดักส์ จำกัดซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Hug Cocoa (ฮัก โกโก้) ยังบอกด้วยความตั้งใจที่อยากจะเห็น “โกโก้” เป็นอีกพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรไทยสามารถฝากชีวิต เศรษฐกิจปากท้อง และความหวังเรื่องของการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป การเปิดตัวในรูปแบบของเกษตรพันธะสัญญาเพื่อร่วมผลิต “วัตถุดิบ”(ผลสด) ส่งขายกลับคืนให้กับทางบริษัทที่เปิดรับซื้อ เมื่อต้นปี2561 จึงถือได้ว่าบริษัทเป็นเจ้าแรก ๆ ที่เปิดดำเนินงานภายใต้ พ.ร.บ. ใหม่ที่ควบคุมเรื่องของเกษตรพันธะสัญญาอยู่ ดังนั้นการส่งเสริมในเรื่องของการปลูก การดูแล จะมีทีมนักวิชาการที่เข้าไปคอยให้คำแนะนำ คือเรียกว่าดูตั้งแต่ต้นน้ำจริง ๆ จนกระทั่งมาถึงตรงนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนของปลายน้ำ บริษัทจะอยู่กับโกโก้มาโดยตลอด
“ณ ปัจจุบันนี้ เรามีสมาชิกอยู่จำนวนทั้งหมด 307 ราย ซึ่งพื้นที่โดยรวมเราวางเป้าหมายเอาไว้คือ 6,000 ไร่ แต่ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องของcovid-19 ด้วย เราจึงหยุดส่งเสริมเพื่อที่จะให้มันบาลานซ์กัน ดีมานด์-ซัพพลาย และขนาดธุรกิจ ซึ่งเราไม่ทำแบบโหมให้มีการปลูกกันเยอะ ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เราจะมีการสื่อสารผ่านสมาชิกตลอด แม้กระทั่งคนที่ติดต่อเข้ามาหลังปี 2564-65 นี้เราปฏิเสธเลย เราไม่รับ เพราะเราบอกเลยว่าเราขอดูแลเรื่องของสมาชิกเราให้ได้ให้ดีก่อน เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่การขยายไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุดเพื่อที่จะให้ขนาดธุรกิจของตัวภาคการส่งเสริมนี่มันโต ไม่ใช่! แต่เรากำลังaware เรื่องของดีมานด์-ซัพพลายจริง ที่เกิดขึ้น แล้วเราไปเน้นเรื่องของ “คุณภาพ” จากตัวสมาชิกเดิมของเราที่มีอยู่ ให้มากที่สุดดีกว่า”
อย่างช่วง “โควิด-19” ที่ผ่านมา ก็ทำให้บริษัทมีผลกระทบอยู่เยอะพอสมควร อันนี้ก็คือต้องพูดเรื่องจริง เช่น จากการที่เคยเจรจากันเรื่องของการส่งออก “โกโก้บีน”(เมล็ดโกโก้ที่ตากแห้งแล้ว) ซึ่งเดิมเฟสที่เคยวางกันเอาไว้คือ70:30 (ส่งออก 70 : นำมาผลิตเอง30) แต่พอหลังสถานการณ์โควิดฯ เรื่องส่งออกคือแทบจะไม่ต้องคุยเลย แทบจะตัดขาดออกไปเลยเป็น100% ทำให้บริษัทเองต้องปรับสูตรใหม่คือ70 จะเป็นการทำเอง แปรรูปเอง สร้างผลิตภัณฑ์เอง รวมไปถึงการซัพพลายในประเทศด้วย“ที่ต้องปรับแบบนี้เนื่องจากว่า70 เดิมมันไปไม่ได้ มันจึงต้องกลับเข้ามาหาข้างใน30 เดิมที่คิดว่าจะต้องทำเองก็จำเป็นต้องไปเพิ่มขีดความสามารถ ให้สามารถผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกเป็น70% แทน” แล้วทีนี้ ในระหว่างหนึ่งเราจะทราบดีว่า “โกโก้” ที่ประเทศไทยต้องนำเข้าในแต่ละปี มีปริมาณค่อนข้างเยอะ การนำเข้าโกโก้ผงมากกว่า2 หมื่นตัน/ปี ซึ่งมันคือผงโกโก้ที่เขาผ่านกระบวนการ กรรมวิธี ต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาแล้ว
ความได้เปรียบทั้งวัตถุดิบและราคา ตัวเมล็ดโกโก้เขาได้จากแหล่งเพาะปลูกจากทั่วโลก อย่างเช่น อเมริกากลาง อเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกาใต้ กาน่า เอกวาดอร์ ไอเวอรี่โค้ด ฯลฯ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เขาถือครองกว่า 70% ของเมล็ดโกโก้ทั่วโลก เพราะฉะนั้น “ราคา” เมื่อเขามีปริมาณเยอะ ราคาของเขาถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือ ถูกมาก!“ถ้าเราคิดว่าจะเอา “โกโก้บีน” หรือผลิตภัณฑ์โกโก้บีนของเราไปแข่งกันกับเขา ในแง่ของ1.เรื่องราคา2.คุณภาพ ทีนี้ย้อนกลับมาดูว่าแล้วเขานำเข้า เขานำเข้ามาเป็น “ผง” เลยเขาอยากได้โกโก้บัตเตอร์ก็นำเข้ามาเป็น “โกโก้บัตเตอร์” เขาอยากได้อะไรก็ได้หมด แล้วราคามันก็เลือกได้ตามความพอใจด้วย แต่พอในขณะเดียวกันเกษตรกรเราเองกลายเป็นว่า1. การควบคุมคุณภาพที่ดี การจัดการที่ดี ก็ยังไม่มี2. ตลาดในบ้านเราเอง ผู้ประกอบการก็ต้องยอมรับใครก็อยากได้ของถูก เพราะฉะนั้นตราบใดก็ตามทีถ้าคุณไม่สามารถทำให้สินค้าในประเทศมีราคาที่สู้กับต่างประเทศได้ มีทางเดียว คือ คุณต้องพัฒนา “คุณภาพ” สินค้าของคุณในประเทศให้มันมีความต่าง”
“โกโก้บีน” จากโกโก้สายพันธุ์ไทย
ผลผลิตจากเกษตรกรสมาชิกที่บริษัทรับซื้อเข้ามา จะเป็นแบบผลสุกที่พร้อมเข้าสู่กระบวนการของการหมักและการตากแห้งเพื่อผลิตเป็น “โกโก้บีน” ต่อไป“ซึ่งจริง ๆ แล้วแค่เฉพาะตัวโกโก้บีนเอง ก็ต้องว่ากันตั้งแต่เรื่องของขั้นตอน ความสะอาด การควัก การหมัก การตาก การจัดเก็บ ทุกขั้นตอนจะต้องมีความสะอาดและปลอดภัย เพราะว่าถ้าเป็นมาตรฐานของต่างประเทศแค่ “บีน”ส่งไปเทสต์ เขาจะตรวจหมดเลย” ซึ่งในเรื่องของคุณภาพด้าน “ความสะอาด” โกโก้บีนที่บริษัทผลิตได้ถือว่าเราค่อนข้างมีความมั่นใจ เพราะทุกขั้นตอนจะทำอยู่ในระบบปิดโดยใช้ระบบของ “พาราโบลาโดม” ซึ่งจะไม่มีปัญหาเรื่องของฝุ่น เชื้อโรคปนเปื้อนไม่มี ทุกกระบวนการผลิตคือจะเน้นความใส่ใจ
ต่อยอดสู่ “โกโก้สูตรพรีเมียมบัตเตอร์”
อีกความต่างคือเรื่อง “คุณประโยชน์” ที่ผู้บริโภคได้รับโดยบริษัทมองว่า โกโก้ ณ วันนี้ถ้าจะให้ดีคือจะต้อง ให้ความสำคัญมาที่เรื่อง benefit ของการกิน คือประโยชน์ที่ได้จากการกินโกโก้เป็นหลัก“แต่เหนือของตรงนั้นที่เอทีเอเน้นคือ อร่อยแน่นอน อร่อยนี่อร่อยแน่นอน แต่เหนือความอร่อยแล้วคือ1.รสสัมผัส ที่คุณจะสัมผัสได้ว่าทำไมเราถึงต้องทำเป็นสูตร “พรีเมียมบัตเตอร์” อะไรทำไมเราถึงบอกว่าเน้นเรื่องของคุณประโยชน์จากการกิน เพราะถ้าคนได้รับการ educate ว่าประโยชน์ของการกินโกโก้ และโดยเฉพาะโกโก้สดนะไม่ใช่โกโก้ที่เป็น ทุกวันนี้คนก็ยังไม่รู้ “โกโก้ผง” ถ้าeducate กันจริง ๆ โกโก้ผงคือโกโก้ที่ถูกรีดน้ำมันออกไปเยอะแล้ว เราจะเหลือปริมาณไขมันโกโก้อยู่เพียงแค่ 11-15% ต่อ1 เวลท์หรือ1 เกรดนะ นี่คือเกรดล่างแล้วนะ กับอีกเวลท์หนึ่งอาจจะรีดเอาไว้เหลือระหว่าง20-24% เพราะฉะนั้นถ้าคนจะกินโกโก้ผงแบบได้ประโยชน์จากไขมันโกโก้ ก็ต้องเลือกเกรดของผงโกโก้ที่มีปริมาณไขมันเหลืออยู่เยอะที่สุด”
ซึ่งประโยชน์ของไขมันโกโก้ (Butter) คือมีส่วนประกอบของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat) ที่เป็นกลุ่มของไขมันดี“เพราะของเราไม่ได้ใช้ผงโกโก้ในการชง เราใช้ “โกโก้สด” จากตัวเมล็ดโกโก้ที่เราคั่ว บด ชงสดใหม่เลย”ขณะที่กระบวนการของการดึงเอาไขมันออกก็จะมี2 กระบวนการ คือ การสกัดเย็น กับสกัดร้อน แต่เราก็เลือกที่จะใช้กรรมวิธีในการสกัดโดยที่ไม่ใช้อุณหภูมิสูง เพื่อที่จะยังคงในเรื่องของคุณค่าสารอาหาร โดยบริษัทกล้าที่จะเปรียบเทียบว่ากระบวนการที่ทำมาทั้งหมดคือ ความใส่ใจ เพื่อให้กับผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากโกโก้แบบเต็ม ๆ
“ถามว่ามีแต่คนติดต่อมาอยากได้ “โกโก้ผง” จากเอทีเอ อยากได้โกโก้ผง มีโกโก้ผงมั้ย อยากได้โกโก้ผงแต่กระบวนการทำโกโก้ผงมันคือการ รีดเอาไขมันออก แล้วให้เหลือตัวผงโกโก้เยอะที่สุด เพราะว่าส่วนประกอบของมันมี “น้ำมัน” มากกว่า 40% แต่น้ำมันของโกโก้ถือเป็นน้ำมันที่มีราคาแพง ไขมันโกโก้ถือว่าเป็นไขมันที่แพงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ซื้อขายกันในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,400 บาท/กก. เป็นfood grade สำหรับใช้ทำอาหารหรือพวกเบเกอรี่ แต่ว่าถ้าใช้ทำพวกเครื่องสำอางเขาก็อาจจะใช้เป็น “กาก” จากการที่รีดเอาไขมันออกไปแล้วรอบหนึ่ง ไปละลายด้วยเคมีเพื่อที่จะแยกเอาชั้นไขมันพวกนี้ไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรมที่เป็นอย่างอื่น”
หน้าที่ของบริษัทตอนนี้ก็คือ การสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับผู้บริโภคว่าสิ่งที่คุณกำลังกินอยู่ตอนนี้ คุณโชคดีนะ เพราะว่าคุณได้กินของที่มันมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากกว่าที่คุณจะเข้าใจผิด ๆ ว่า คุณไปเอาสิ่งที่ถูกรีดเอาอะไรบางอย่างออกไปแล้ว ไปผ่านกระบวนการความร้อน ไปผ่านกระบวนการด่าง ซึ่งทำให้ลดคุณค่าทางโภชนาการลงไป แล้วก็เอามาชง มาเติมนมเติมน้ำตาลลงไป แล้วคุณก็บอกว่าคุณกำลังดื่มเครื่องดื่มที่มันมีประโยชน์ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีประโยชน์ มันมีแต่มันถูกดึงออกไปบ้าง!
“โกโก้แมส100%” สำหรับสายเบเกอรี่
“ส่วนอันนี้ก็จะเป็น “โกโก้แมส100%” ตัวนี้จะอยู่ทั้งในอุตสาหกรรมขนม เครื่องดื่ม และช็อกโกแลต คนที่อยากจะทำช็อกโกแลตคือเอาแมสตัวนี้ ใส่หม้ออุ่นละลายปั๊บ เติมนมที่ชอบ เติมขนาดความหวานที่ใช่ ถ้าเป็นมือช็อกโกแลตจริง ๆ ก็จากตัวนี้ได้เลย สะดวกเลย เพราะว่าอย่างเวลาที่เราไปหาตาม shelf ห้างสรรพสินค้าเราจะเห็นมี คูเวอร์เจอร์ ช็อกโกแลต เห็นเป็นคอมปาวด์ ช็อกโกแลต พวกนั้นเขาเลือกที่จะเติมไขมันอย่างอื่นเข้าไป เพื่อทดแทนตัวไขมันที่เป็นโกโก้บัตเตอร์แท้ ๆ เพราะว่าในระดับอุตสาหกรรมแล้วคนจะกล้ากินมั้ยครับ ช็อกโกแลตแท่งละ400-500 หรือแท่งละ300 กว่า คนก็ไม่กล้ากิน เพราะฉะนั้นถ้าเขาทำในรูปของอุตสาหกรรม เขาก็ประเมินแล้วว่าถ้าเขาอย่างนั้น เขาไม่ได้ขายแน่!”เพราะฉะนั้นวิธีการคือเขาทำยังไงก็ได้เพื่อให้สินค้าช็อกโกแลต มันถูกขายออกไปได้ โดยที่มีต้นทุนที่ต่ำลง เพราะฉะนั้นจึงเกิดเป็นพวกคอมปาวด์ช็อกโกแลตขึ้นมาก็คือช็อกโกแลตที่ผสมน้ำมันปาล์ม ไขมันอะไรอย่างอื่นเข้าไปแทนที่ เพื่อที่คนที่เอาไปทำช็อกโกแลตต่อก็เอาไปเติมน้ำตาลเติมนมเติมอะไรแล้วก็ขึ้นรูปเป็นช็อกโกแลตได้ แต่มันไม่ใช่ช็อกโกแลตแท้ ๆ
ถ้าเป็นช็อกโกแลตเมกเกอร์จริง ๆ หรือมือทำช็อกโกแลตจริง ๆ เลยเขาจะใช้ “บีน”(โกโก้บีน) กับใช้ “นิบส์” (nibs) ซึ่งนิบส์ก็คือผ่านกระบวนการคั่วมาแล้ว คั่ว ปอกเปลือกแล้ว“เราทำทุกอย่างคือ100% ถ้าเป็นโกโก้นิบส์ก็คือมีทั้ง แบบแกะเปลือก ยังคงสภาพเป็นเม็ดอยู่ แต่ว่าราคาก็จะสูงเพราะว่ามันใช้มือ แต่ถ้าเป็นการผ่านเครื่องกะเทาะ แตกแล้วอย่างเงี้ยนะครับ แล้วร่อนเอาเปลือกออกเหลือแต่พาะเป็นเนื้อเมล็ดโกโก้แท้ ๆ 100% อันนี้ราคาก็จะเบาลง”แต่เหมาะสำหรับคนที่จะเอาไปทำช็อกโกแลตแท้ ๆ หรือนำไปผสมในเครื่องดื่ม ไปโรยหน้าขนมไปแต่งหน้าเค้ก หรือไปกินกับโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพ เพราะพวกนี้ก็คือ “คีโต”
หลังจากการเปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์แปรรูปภายใต้ชื่อ ฮัก โกโก้ เป็นครั้งแรกในงาน “เกษตรแฟร์” ปี2566 ที่ผ่านมา สินค้าก็เริ่มเป็นที่รู้จักและมีการสั่งซื้อแบบ Pre-order เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสำหรับโกโก้พร้อมดื่ม “สูตรพรีเมียมบัตเตอร์” ทางบริษัทเองก็ได้เปิดรับตัวแทนจำหน่ายเพื่อเป็นช่วยในเรื่องของการส่งเสริมอาชีพด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างเช่น โกโก้บีน โกโก้นิบส์ และ โกโก้แมส100% ซึ่งหากใครสนใจอยากได้ไปผลิตเป็นสินค้าในเชิงคุณภาพจำหน่ายต่อไป ก็สามารถติดต่อกับทางบริษัทเพื่อแจ้งความต้องการใช้ว่าต้องการจะสั่งซื้อโกโก้แบบไหนก็ได้เช่นเดียวกัน สำหรับที่มาของชื่อแบรนด์Hug cocoa (ฮัก โกโก้) ซึ่งคำว่าHug (ฮัก) ในภาษาอังกฤษที่หมายถึงการโอบกอดและ “ฮัก” ที่พ้องเสียงกับคำว่าฮักในภาษาอีสานและภาษาเหนือ สื่อความหมายคือ “การฮักแพงกัน” หรือมีความรักให้กัน ด้วยความปรารถนาดีต่อกัน
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 088-777-5466, 088-697-9546
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด