วันนี้ ถ้าจะพูดถึงร้านกาแฟยุคใหม่ ต้องมีจุดขายที่จะต้องไม่ได้แค่ขายกาแฟ เพราะที่กำลังมาแรงในยุคนี้ คือ ต้องเป็นร้านกาแฟครบวงจร ที่เริ่มกันตั้งแต่ปลูกกาแฟเอง เปิดโรงคั่วเอง และที่กำลังมาแรงสุด คือ การเปิดโรงคั่วขายเมล็ดกาแฟ พร้อมกับการเปิดร้านกาแฟ ครั้งนี้ พามารู้จัก กับ “เวคเตอร์ คอฟฟี่ โรสเตอร์” ร้านกาแฟสดที่เปิดโรงคั่วของตัวเอง ของ ธันวรัตน์ วงษ์วิศิษฐ์ และ อาทิตย์ วงษ์วิศิษฐ์ ทั้งสองได้เปิดร้านกาแฟเวคเตอร์ มาตั้งแต่ปี 2009 ที่จังหวัดขอนแก่น หน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น
คุณอาทิตย์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ เวคเตอร์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ ว่า ตอนเปิดแรกตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะใช้ชื่ออะไรเลย โดยเริ่มจากเครื่องชงที่เราซื้อมาใช้ที่บ้านมาใช้ประโยชน์ ไม่ได้ลงทุนอะไรเยอะ ซุ้มร้านได้ความอนุเคราะห์จากที่บ้านจ้างช่างมาสร้างแบบง่ายๆให้พอใช้บังแดดบังฝน ที่ตั้งของร้าน ใช้บ้านพักข้าราชการของคุณแม่ ที่หลังคณะนิติศาสตร์ มข. โดยเปิดในช่วงแรกก็ไม่ได้หวังว่าจะขายดิบขายดีอะไร แค่อยากชงกาแฟแค่นั้น ไม่ได้คิดอะไรให้ซับซ้อน คิดแค่ว่าไม่มีค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ก็น่าจะพออยู่ได้ ง่ายๆแค่นั้นเลย
โดยในช่วงแรกร้านเปิดเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ เพราะยังต้องทำงานประจำอยู่ ตอนที่ต้องลาออกจากงานที่เก่าก็คิดๆอยู่เหมือนกันว่าจะไปทำงานบริษัทอื่นหรือไปหาประสบการ์ที่ต่างประเทศหรือทำร้านต่อดี ซึ่งยอดขายช่วงปีแรกก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น แต่คิดไปคิดมาลองดูซักตั้ง ถ้าจะเจ๊งให้เจ๊งคามือดีกว่า จะได้ไม่ค้างคาใจ
หลังจากออกจากงานร้านก็เปิดบริการทุกวัน นานๆจะปิดร้านเพราะมีธุระจริงๆ ช่วงนั้นทุกลมหายใจคิดเรื่องพัฒนาร้านอย่างเดียว เพราะทุนเราน้อย ต้องใช้เวลากับความขยันเข้าแลก ทดลองหาอะไรใหม่ๆ ถูกบ้างผิดบ้าง มาพัฒนาร้านให้ทันโลกกาแฟที่หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับใน2-3 ปีแรก เราต้องโฟกัสเครื่องดื่มอื่นนอกจากกาแฟ เพราะต้องยอมรับว่าลูกค้าทั่วไปไม่ใช่ทุกคนจะชอบดื่มกาแฟทั้งหมด ทำให้เราต้องมาพัฒนาสูตรเครื่องดื่มอื่น เช่น ชาเขียว โกโก้ ชาเย็น ชามะนาว นมเย็น ฯลฯ ให้ถูกใจลูกค้าด้วย กาแฟที่ได้ขายก็เป็นกาแฟเย็นหรือกาแฟปั่นเป็นส่วนใหญ่ กาแฟร้อนนานมากๆ ถึงจะขายได้ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศร้านค่อนข้างร้อนหรือเครื่องชงไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่เราก็ยังไม่หยุดพัฒนาความรู้ด้านกาแฟ เราก็ศึกษาไปเรื่อยๆที่ไหนมีกิจกรรมเราก็ไปส่องดูกับเค้าด้วยเพราะเป็นอะไรที่ชอบ จนได้มาพัฒนาการคั่วกาแฟใช้เองที่ร้าน ด้วยเครื่องขนาดเล็ก คั่วได้ครั้งละ 250 กรัม ก็คั่วเพื่อความสนุกสนาน ประหยัดต้นทุน และได้กาแฟรสชาติที่ถูกใจมาใช้เอง
ทั้งนี้ หลังจากที่เริ่มทำการคั่วกาแฟเองได้ ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่คั่วกาแฟ ขายให้กับร้านกาแฟ จากเครื่องคั่วเล็กๆ เริ่มหาซื้อเครื่องคั่วใหญ่ขึ้น จนถึงปัจจุบันกลายเป็นตัวเมล็ดกาแฟคั่ว สร้างรายได้ให้กับเราได้มากกว่า การขายกาแฟหน้าร้าน ปัจจุบันต้องใช้เมล็ดกาแฟมากถึง 2.5 ตัน ต่อเดือน และได้มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า จากหลากหลายแห่ง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น บราซิล อินโดนีเซีย โคลัมเบีย เอธิโอเปีย และลาว ส่วนในประเทศจะใช้กาแฟจากเชียงใหม่ โดยเมล็ดกาแฟที่ขายได้มากที่สุด และลูกค้าร้านกาแฟนิยมที่สุด เป็นกาแฟจากประเทศลาว เพราะด้วยคุณภาพและราคาเหมาะสม ทำให้ร้านกาแฟชื่นชอบ เค้าสามารถนำไปขายทำกำไรได้ดี
กาแฟของเราจะคั่ว ออกมา 2 ระดับ คือ คั่วระดับกลางและคั่วระดับเข้ม ลูกค้าจะมี 2 กลุ่ม ร้านกาแฟ และลูกค้าทั่วไป มีกาแฟให้เลือกหลายขนาด ราคาเริ่มต้นถุงละ 160 บาท
คุณอาทิตย์ เล่าว่า ในส่วนของร้านกาแฟ พอได้เงินทุนจากการขายกาแฟ ก็นำมาตกแต่งเพิ่มเติมจนเปลี่ยนเป็นห้องติดแอร์ เปลี่ยนเครื่องชง เพิ่มเครื่องบด ขายเมล็ดกาแฟคั่ว จนล่วงเลยถึงวันที่คุณแม่เกษียณอายุราชการ ต้องคืนบ้านให้กับมหาลัย เอาจริงๆก็ไม่ได้คิดว่าร้านจะอยู่รอดมาถึงวันต้องย้ายร้านเพราะแม่เกษียณ ตอนแรกตั้งใจแค่ว่าอย่างต่ำๆต้องเปิดให้ได้สัก 1 ปี แม้ว่าจะขายไม่ได้เลยก็ตาม
อย่างไรก็ดี วันนี้ มาไกลเกินกว่าที่ตั้งใจ พอได้ย้ายออกมาจากบ้านหลวง ก็มาเปิดร้านใกล้กับมหาวิทยาลัย และได้มีการขยายสาขา ร้านเวคเตอร์ คอฟฟี่ ไปแล้วถึง 2 สาขา ในอำเภอเมืองขอนแก่น โดยในส่วนสาขาที่ 2 เปิดในคอมมูนิตี้มอลล์ ชื่อว่า เดอะวอลล์ (The wall) ซึ่งในสาขา 2 เปิดเป็นร้านเบียร์คราฟท์ ชื่อว่า ฮูบ HOOB ด้วย
FB : ร้านกาแฟ เพจโรงคั่วกาแฟสด เวคเตอร์)
โทร. 09-3369-8241