กุ้งไซส์นี้ใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ได้แล้ว ซึ่งที่นี่จะนับเป็นตัวขาย! ตัวละ 3 บาท อย่างบ่อเลี้ยง 1 ไร่ การแนะนำอัตราปล่อยจะอยู่ที่ 1 หมื่นตัว ใช้เวลาเลี้ยง 3 เดือนเริ่มทยอยจับขายได้ ราคาต่อกิโลที่ฟาร์มขายอยู่ 300 บาท อาชีพนี้ทำมานานกว่า 5 ปีแล้ว
แต่ก่อนนี้แรกเริ่มเดิมที “บ่อกุ้ง” ที่เห็น มันเคยเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำที่พ่อยึดทำเป็นอาชีพมานานก่อนหน้า จนกระทั่งเมื่อ 5 ปีเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต “เอ้-จรินทร์ ขำการะเกตุ” เจ้าของจรินทร์ฟาร์มฯ บอกกับเราว่า ตนเองลาออกจากงานประจำซึ่งเคยเป็นเซลล์ขาย “หลังคา”(แผ่นห้องเย็น) กลับมาอยู่บ้าน ตอนนั้นทำงานมีรายได้ต่อเดือนก็2 หมื่นขึ้น แต่ว่าพอเปลี่ยนก็มาเห็นที่บ้านมีบ่อกุ้งซึ่งพ่อทำมานานแล้ว ในบ่อจะมี “กุ้งฝอย” อยู่ด้วยเป็นจำนวนมากเวลาเลี้ยงด้วยอาหารจะสังเกตเห็นว่า ตัวของกุ้งฝอยมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มของความสนใจในการทำเป็นอาชีพ(ใหม่) สำหรับตนเองนับแต่นั้นมา
“อาชีพนี้คนดี ๆ เขาไม่ทำหรอกค่ะ” เอ้พูดแบบติดตลกในระหว่างที่พาพวกเราเข้าชมการผลิต “กุ้งฝอย” ถึงในบ่อเลี้ยง บนเนื้อที่รวมกว่า8 บ่อ ที่เจ้าตัวยึดอาชีพนี้ทำมานานกว่า 5 ปีแล้ว ในสภาพน้ำแบบ “น้ำกร่อย” แต่ทว่ากุ้งฝอยสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ในระหว่างการเดินเลาะเลียบไปตามขอบบ่อซึ่งเราได้สังเกตเห็นอุปกรณ์การดักจับกุ้ง “ลอบ” มีการวางเอาไว้อยู่เป็นระยะ ในลักษณะแบบปริ่ม ๆ น้ำ จนกระทั่งเราเดินไปหยุดอยู่ที่ “ยอเล็ก”สำหรับการเช็กดูอาหาร คุณเอ้ก็ยกยอนั้นขึ้นมาให้เราดูว่ามีอะไรอยู่ที่ยอบ้าง ทั้งกุ้งฝอย ปูนา และก็ยังมีกุ้งก้ามกรามติดขึ้นมาด้วย การเลี้ยงกุ้งฝอยจะใช้ “อาหารเม็ด” สูตรสำหรับกุ้งให้กินเป็นหลัก กับมีรำที่เสริมให้กินควบคู่ด้วย เลี้ยงในบ่อดินแบบนี้จะให้อาหารเพียงวันละ1 มื้อเท่านั้น ปริมาณก็ราว ๆ 2 กิโลกรัม/บ่อ1 ไร่/ครั้ง โดยใช้วิธีการสังเกตจากยอเช็กอาหารดูว่ากุ้งกินอาหารดีหรือหมดแล้วหรือยัง จึงค่อยให้ต่อในรอบต่อไป
สำหรับกุ้งฝอยที่เลี้ยงเป็น “พ่อแม่พันธุ์” นี้คุณเอ้บอกว่า ต้องใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงอยู่ประมาณ4-5 เดือน การแยกเพศระหว่าง “ตัวผู้” กับ “ตัวเมีย” จะดูได้จากง่าย ๆ เลยคือว่า กุ้งตัวผู้จะมีก้ามหนีบที่เห็นได้ชัดกว่า ในขณะที่ตัวเมียจะมีไข่อยู่เต็มท้องเลยสามารถเห็นได้ง่าย ๆ การเจริญพันธุ์ของกุ้งฝอยหรือการออกไข่ของกุ้งตัวเมียจะเกิดขึ้นทุก 15 วัน/ครั้ง ในแม่กุ้ง 1 ตัวจะออกไข่ได้ทีละประมาณ 80 ฟอง ดังนั้นในการนำไปเลี้ยงขยายพันธุ์ต่อหากมีการจัดการเรื่อง “น้ำ” และก็อาหารดีได้ดี ใช้เวลาในการเริ่มต้นเลี้ยงหลังจากที่ปล่อยพ่อแม่พันธุ์แล้ว3 เดือน ก็สามารถทยอยจับกุ้งฝอยขายได้เรื่อย ๆ แล้ว
โดยจะแนะนำอัตราในการปล่อยอยู่ที่ 1 หมื่นตัว/บ่อขนาด1 ไร่ กุ้งฝอยที่ไปจากฟาร์มนี้สามารถเลี้ยงหรืออยู่ได้ในสภาพน้ำที่เป็น
“น้ำจืด” อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ขอเพียงว่าต้องแจ้งให้ทราบก่อน “บ่อ” ที่ลูกค้าจะนำกุ้งไปเลี้ยงมีสภาพเป็นอย่างไร ทั้งนี้เพื่อที่จะแนะนำวิธีการจัดการเลี้ยงและดูแลกุ้งได้อย่างเหมาะสมต่อไป คุณเอ้บอกว่าตนเองมีลูกค้าแล้วทั่วประเทศ ใกล้-ไกลก็ไปส่งให้เองโดยมีการตกลงเรื่องจำนวนการสั่งกันก่อน ซึ่งกุ้งที่ส่งให้ลูกค้าจะคัดเป็น “ตัวเมียหรือแม่พันธุ์” ไปให้แบบ100% เลย ส่วนตัวผู้หรือพ่อพันธุ์จะคละไปให้ด้วยต่างหาก ในราคาจำหน่ายที่นับเป็น “ตัว” จะขายอยู่ที่ 3 บาท ซึ่งปัจจุบันสามารถจับกุ้งขายได้ทุกวันจาก 8 บ่อที่เลี้ยงหมุนเวียนอยู่ มีกุ้งก้ามกรามขายด้วย แต่ว่าในส่วนของกุ้งฝอยพ่อแม่พันธุ์ตนเองจะมีออร์เดอเวียนอยู่ต่อเดือนกว่า 5 หมื่นตัว เป็นต้นไป
“รายได้ก็ไม่เยอะมากค่ะก็พออยู่ได้” คุณเอ้บอกอย่างถ่อมตัว แต่ในขณะที่คนฟังแอบกดเครื่องคิดเลขดูแล้ว 3 x 50,000 ก็แค่ “แสนห้า” เอง!!! ซึ่งเจ้าตัวก็ยังยืนยันต่อว่าในเรื่องของต้นทุนการผลิต ค่าอาหาร ค่าการจัดการในบ่อ(เพิ่มออกซิเจนช่วยในน้ำด้วย) ถือว่าต่อเดือนก็สูงพอสมควรอยู่เหมือนกัน นอกจากการขายเป็นพ่อแม่พันธุ์แล้วที่ฟาร์มเองก็ยังมีออร์เดอจากโรงงาน Snack ที่เขาผลิตส่งต่างประเทศด้วย ค่อนข้างต้องการจำนวนแต่ว่าก็ยังไม่สามารถผลิตได้อย่างเพียงพอ ในส่วนนี้จะตกลงซื้อขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 กว่าบาท แต่หากออกขายตลาดทั่วไป(เมนูกุ้งเต้น) ราคาก็จะอยู่ที่กิโลละ300 ขึ้น! และก็ยังมีอีกตลาดหนึ่งคือกลุ่มคนเลี้ยงปลาสวยงาม(ปลามังกร) ก็ต้องการสั่งซื้อกุ้งฝอยเพื่อเป็นอาหารเลี้ยงปลาด้วย
การซื้อขายและก็ช่องทางหลักในการสื่อสารกับลูกค้ารวมทั้งผู้ที่สนใจ คุณเอ้บอกว่าจะเน้นผ่านทางเพจ/เฟซบุ้กที่ชื่อว่า “จรินทร์ฟาร์มจังหวัดฉะเชิงเทราส่งออกพ่อแม่พันธุ์กุ้งฝอยรายใหญ่ของประเทศ” ในชื่อนี้เป็นชื่อเดียวเลยเพื่อป้องกันการแอบอ้าง ซึ่งหากใครที่สนใจกำลังมองหาอาชีพเสริมที่พอจะมีพื้นที่สำหรับการทำบ้าง “กุ้งฝอย” ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ในเรื่องของราคานั้นยังจูงใจและมีตลาดผู้บริโภคที่รอเปิบเมนูกุ้งฝอย-กุ้งเต้น อยู่เป็นจำนวนมากอย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
สอบถามเพิ่มเติม โทร.081-308-0363 ขอบคุณชมรมสื่อเกษตรดิจิทัลและเอสเอ็มอีไทย ฟอร์ด(ประเทศไทย) ในการลงพื้นที่ทำข่าวครั้งนี้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
