ร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ในย่านเขาใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จัก “ครัวกำปั่น เขาใหญ่” ร้านที่มีการรีวิวมากที่สุดร้านหนึ่งของ “เขาใหญ่” และยังการันตีความอร่อยด้วย “มิชลินไกด์ ปี 2023” นี้ด้วย วันนี้ พามารู้จัก "ครัวกำปั่น" ว่าเขาเริ่มต้นมายังไง และทำไมหลายคนที่ไปเขาใหญ่ ถ้าอยากกินอาหารไทยต้องแวะร้านนี้
ครัวกำปั่น เป็นร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ที่โดดเด่นเรื่องอาหารไทยและอีสาน เปิดให้บริการมากกว่า 9 ปี เมนูอาหารยอดนิยมและการันตีมิชลินไกด์ ได้แก่ แกงคั่วหอยขม ยำถั่วพู กระดูกอ่อนผัดโบราณ ต้มส้ม กุ้งครัวกำปั่น แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาทับทิมสามรส ส้มตำหอยดอง หรือ ส้มตำปูปลาร้า ร้านนี้เขาก็เด็ด มีอาหารไทยพื้นบ้านอีกหลายเมนู
วันนี้ พามารู้จัก เจ้าของร้าน “คุณสุขใจ ละกำปั่น” อดีตเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ทำงานธนาคารมา 20 ปี รู้สึกเต็มอิ่มกับงานที่ทำ ก็เลยตัดสินใจลาออก และกลับมาทำธุรกิจที่บ้านเกิดของตัวเอง คือ ที่เขาใหญ่ ส่วนที่มาของการมาทำร้านอาหาร ครัวกำปั่น “คุณสุขใจ” เล่าว่า ส่วนตัวเป็นคนชื่นชอบธรรมชาติและเขาใหญ่มีธรรมชาติที่สวยงามอย่างที่หลายคนทราบ และชอบความเป็นไทย ก็เลยเลือกที่จะใช้บ้านทรงไทยซึ่งเป็นมรดกตกทอดของพ่อปู่ แม่ย่า มาปรับแต่งให้เป็นร้านอาหาร บ้านทรงไทยขายอาหารไทยพื้นบ้าน ที่เข้ากันกับบ้านทรงไทยของเรา
"ส่วนเมนูอาหาร มาจากตัวเองและเชฟช่วยกันพัฒนา จนได้เมนูอาหารที่ขายภายในร้าน ซึ่งส่วนตัวมีพื้นฐานเรื่องการทำอาหารไทยอยู่ เพราะเดิมครอบครัว พ่อ แม่ และญาติ ก็เคยเปิดขายอาหารมาก่อน สูตรอาหารไทยและเมนูอาหารไทยที่ขายที่ร้าน มาจากต้นตำรับตกทอดจากครอบครัว บรรพบุรุษทำกิน และทำขายกันมา แต่ปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ โดยฝีมือของเชฟ ที่เราได้เลือกเชฟที่มีฝีมือมาช่วยทำร้านครั้งนี้ ด้วย จึงได้ออกมาเป็นหลายเมนู ที่สร้างชื่อให้กับครัวกำปั่น จนถึงทุกวันนี้"
สำหรับที่มาของ ครัวกำปั่น คุณสุขใจ เล่าว่า เธอเริ่มมาจากเปิดเล็ก ๆ ในบ้านทรงไทยของตัวเอง มีที่นั่งรองรับได้ 40-50 ที่นั่ง แต่การทำงานอย่างหนักที่ต้องการ จะสร้างชื่อครัวกำปั่นให้ เป็นร้านอาหารไทย เบอร์ต้นๆของเขาใหญ่ รวมกับการใส่ใจในการเสิร์ฟอาหารที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ในวันนั้นซึ่งไม่มีโลกโซเชียลฯ การแจ้งเกิดร้านอาหารจนเป็นที่พูดถึงกันมากไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะต้องใช้เวลา หรือ การบอกต่อ แต่พอผ่านไปเพียง 2 ปี “คุณสุขใจ” สามารถที่จะทำให้ลูกค้ายอมรับและเมื่อมาเขาใหญ่ก็จะต้องนึกถึงร้านคั่วกำปั่น จากร้านเล็กที่มีเพียง 40-50 ที่นั่ง ได้ขยายเพิ่มเป็น 400-500 ที่นั่ง
คุณสุขใจ เล่าถ่ายทอดประสบการณ์ การทำร้านครัวกำปั่นให้เป็นที่รู้จัก ภายในระยะเวลา 2 ปี ว่า สิ่งแรกต้องมีความพร้อมก่อน ร้านพร้อมทุกๆ ด้าน ทำเลที่ตั้ง รูปแบบบรรยากาศร้าน แต่ครัวกำปั่นได้เปรียบเพราะเราอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวเขาใหญ่ ทุกอย่างตอบโจทย์ตรงนี้ ส่วนของเมนูอาหาร ถ้าขายอาหารต้องคำนึงถึงรสชาติอาหาร คิดเพียงแค่ว่าเป็นสูตรต้นตำรับไม่ได้ เราต้องเอาสูตรต้นตำรับผสมผสานกับเชฟมืออาชีพ เมื่อทุกอย่างพร้อม อาศัยแค่รอคนมากินและบอกต่อ คงจะช้าไป “คุณสุขใจ” บอกว่า ในช่วงแรกไม่มีโซเชียลฯ เหมือนทุกวัน ที่ไม่ต้องใช้เงินไปจ้างคนมารีวิว ตนเองก็เลยต้องใช้เงินไปเยอะมาก เพื่อให้คนมารีวิวร้านในช่วงแรก จนเป็นหนึ่งในร้านติดรีวิว เยอะที่สุดร้านหนึ่งในเขาใหญ่ แต่ทุกวันนี้ ไม่ต้องจ้างคนมารีวิว ก็มีคนเอาไปแชร์กันเยอะทำให้ครัวกำปั่นก็ยังคงเป็นรู้จักและพูดถึงกันอยู่เช่นเดียวกับในอดีต โดยไม่ต้องใช้การจ้างรีวิวเหมือนในอดีต
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลัก คือ นักท่องเที่ยวเป็นหลักเลย ซึ่งในย่านใกล้เคียงกันปัจจุบันมีร้านอาหารมาเปิดเยอะมาก แต่จุดเด่นของครัวกำปั่น คือ ความเป็นอาหารไทยพื้นบ้าน ส่วนใหญ่ร้านที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นแนวผสมผสาน อาหารตะวันตก กับอาหารไทย ในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามากินอาหารอยู่บ้าง ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่พอภาครัฐเริ่มผ่อนคลาย เมื่อปีที่ผ่านมา คนมาเที่ยวเขาใหญ่เยอะมาก รับลูกค้าแน่นร้านแทบทุกวัน แต่พอปีนี้ 2566 เปิดให้เดินทางแบบเสรี ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ คนมาเที่ยวเขาใหญ่ หายหมด เหลือน้อยมาก น่าจะเดินทางไปต่างประเทศกันหมด บวกกับเศรษฐกิจปีนี้ แย่มาก คนไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยกัน เราก็เลยขายไม่ดีเลย
“แม้ว่า เราจะโชคดีที่ไม่มีค่าเช่า แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆค่าพนักงาน อีกหลายชีวิต ค่าบริหารจัดการ ต่างๆ ปีนี้ คงได้แค่อาศัยพยุงตัวให้อยู่รอดไปก่อน ช่วงที่เราไม่มีลูกค้า ก็มาพัฒนาตัวพนักงานเพื่อให้บริการลูกค้าให้ดีขึ้น เค้าจะได้กลับมากินอาหารที่เราอีก เพราะอาหารอร่อยอย่างเดียวไม่ได้ ทุกอย่างต้องดี พนักงานต้อนรับดี บรรยากาศร้านดี อาหารอร่อย เชื่อว่า ยังไงลูกค้ากลับมากิน และไปบอกต่อให้กับคนอื่นๆ ที่ได้มาเที่ยวเขาใหญ่ ว่า ถ้ากินอาหารไทยพื้นบ้าน ต้องแวะครัวกำปั่น” สุขใจ กล่าว
ติดต่อ Facebook : ครัวกำปั่น
