เมื่อการขายของตามตลาดนัดนั้นตอบโจทย์มากกว่าการเป็นพนักงานออฟฟิศ ทำให้เกิดเป็นธุรกิจ Twin Steaks หรือ สเต็กแฝด โดยเริ่มต้นจากการเปิดขายในรูปแบบรถฟู้ดทรัคและต่อยอดมาจนเป็นหน้าร้านอย่างเป็นทางการ พร้อมพัฒนาเมนูอาหารเพิ่มเติมจนลูกค้าติดใจ สร้างยอดขายวันละประมาณ 5,000 บาท
นายสหพันธ์ รังสีเสริมสุข เจ้าของร้านสเต็ก Twin Steaks เล่าว่า การเปิดร้านสเต็กนั้นเริ่มต้นในช่วงที่ตนศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและในช่วงที่ออกฝึกงาน ทำให้ตนรู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์และไม่ใช่ทางของตน ซึ่งในระหว่างเรียนอยู่นั้นตนก็ได้มีโอกาสไปขายของตามตลาดนัดอยู่บ่อยครั้งและทำให้รู้สึกว่าสนุกและตอบโจทย์มากกว่า หลังจากเรียนจบตนก็ได้มีการปรึกษากับทางครอบครัว บวกกับคุณแม่ของตนชื่นชอบการทำเบอร์เกอร์ พิซซ่า และสเต็กให้กินเป็นปกติอยู่แล้ว ทำให้เกิดความคิดในการลองทำสเต็กขายและได้คิดค้นสูตรขึ้นมาเอง รวมถึงวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นสเต็กที่แปลกใหม่และสูตรเฉพาะของทางร้าน ปัจจุบันเปิดร้านมาได้ประมาณ 7 ปี ทั้งนี้ชื่อร้าน Twin Steaks มาจากที่ตนนั้นมีแฝดน้องอีกหนึ่งคนที่ทำงานด้วยกัน เปิดร้านขายสเต็กด้วยกัน จึงนำเอาเอกลักษณ์ความเป็นฝาแฝดมาตั้งเป็นชื่อร้านนั่นเอง
จุดเริ่มต้นของธุรกิจร้านขายสเต็กนั้นมีจุดเริ่มต้นด้วยการขายในรูปแบบของรถฟู้ดทรัคก่อน ซึ่งเมนูอาหารจะมีสเต็กและของกินเล่น ซึ่งในช่วงแรกทางร้านจะเสิร์ฟใส่จานแบบปกติ แต่พอเริ่มขายในงานอีเว้นท์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นก็เริ่มพบเจอกับปัญหาเรื่องโต๊ะนั่งสำหรับลูกค้าไม่เพียงพอหรือลูกค้ามีความต้องการซื้อแล้วนำไปกินในบริเวณต่างๆ ซึ่งไม่สามารถสนองความต้องการของลูกค้าในส่วนนี้ได้ ทำให้ทางร้านเปลี่ยนภาชนะมาเป็นถ้วยพลาสติกหรือถ้วยกระดาษบวกกับส้อมให้กับลูกค้า เพื่อสะดวกต่อการนำไปกินที่อื่นได้
ปัจจุบันเปิดหน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย ส่วนรถฟู้ดทรัคนั้นจะเป็นครั้งคราวเมื่อมีลูกค้าติดต่อเข้ามาและทางร้านสะดวกไป โดยส่วนมากจะรับเป็นงานเหมา ทางร้านก็จะไปขายในรูปแบบรถฟู้ดทรัคและเสิร์ฟเป็นสเต็กคัพเหมือนเดิม เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการกินของลูกค้านั่นเอง
จุดเด่นและความพิเศษของสเต็กนั้นจะอยู่ในส่วนของซอสสูตรต่างๆ ที่เป็นสูตรเฉพาะ รวมไปถึงน้ำหมักที่เอาไว้หมักเนื้อสัตว์ต่างๆ ก็เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่มีความแตกต่างจากร้านอื่นๆ อย่างแน่นอน ซึ่งน้ำหมักและน้ำซอสนั้นถูกคิดค้นขึ้นมาให้เหมาะกับเนื้อสัตว์ชนิดนั้นๆ นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าในตอนนี้เจ้าของร้านให้ข้อมูลว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มครอบครัวเป็นหลักที่มีทั้งลูกค้าประจำและวนเวียนมาเรื่อยๆ เมื่อเปรียบเทียบกับรถฟู้ดทรัคนั้นจะแตกต่างกัน เพราะลูกค้าของรถฟู้ดทรัคจะเป็นขาจรมากกว่าลูกค้าประจำ เพราะว่าเป็นงานอีเว้นท์ที่มีระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น ทำให้มีกลุ่มลูกค้าขาจรนั่นเอง ซึ่งงานรับเหมาจะมีเข้ามาในช่วงเทศกาลต่างๆ หรืองานเลี้ยงต่างๆ
ในส่วนของการตลาดนั้นทางร้านจะเน้นโปรโมทสินค้าด้วยการโพสต์ลงเพจเฟซบุ๊กเป็นหลัก ลูกค้าก็จะรู้จักร้านผ่านเพจเป็นหลัก ซึ่งทางร้านมีฐานลูกค้าเดิมจากการขายบนรถฟู้ดทรัคมาก่อนประมาณ 4-5 ปี ก่อนมาเปิดหน้าร้านอย่างเป็นทางการ ทำให้ลูกค้าเหล่านั้นเข้ามาติดตามเพจและบอกปากต่อปาก หรือแชร์ข้อมูลเพื่อให้กระจายและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเปิดหน้าร้านมาได้ประมาณ 1 ปี
สำหรับเมนูต่างๆ ภายในร้านนั้นเมนูสเต็กจะมีทั้งหมด 7 เมนู ได้แก่ สเต็กหมูพริกไทยดำ สเต็กไก่สไปซี่ สเต็กเนื้อครีมซอส พอร์กช็อป ไส้กรอกเยอรมัน สเต็กหมูคุโรบูตะ และเบอร์เกอร์หมู รวมถึงเมนูกินเล่น เช่น มันบด ซุปเห็ด เฟรนช์ฟรายส์ เป็นต้น ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านคือ เมนูสเต็กหมูพริกไทยดำและมันบด สามารถมากินที่หน้าร้านหรือสั่งเดลิเวอรี่ก็ได้เช่นเดียวกัน สเต็กมีราคาเริ่มต้นที่ 89 บาท ส่วนของกินเล่นราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 55 บาท นอกจากนี้วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์นั้นทางร้านจะมีการรับมาจากซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ
ผลตอบรับจากลูกค้านั้นอยู่ในระดับที่ดีทั้งลูกค้าหน้าร้านที่สะดวกมากินที่ร้าน หรือลูกค้าที่ไม่สะดวกมากินที่ร้านก็สั่งผ่านแอปพลิเคชั่นส่งอาหาร รวมถึงฟู้ดทรัคก็มีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ลูกค้าที่เข้ามานั่งกินหน้าร้านจะให้การตอบรับดีมากกว่าแบบอื่น เพราะว่าการมานั่งกินที่ร้านนั้นจะให้ความรู้สึกที่ได้กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องรอการรับส่งอาหารที่ต้องใช้เวลานานกว่า นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ เสริมเข้ามาด้วย เช่น อาหารญี่ปุ่น ได้แก่ ข้าวหน้าญี่ปุ่นต่างๆ และราเมน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ทางร้านได้มีการขายแฟรนไชส์ในช่วงแรกแต่พอมีลูกค้าเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ไปแต่มาซื้อในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาดทำให้สาขาแฟรนไชส์ต้องปิดตัวลง ทางร้านจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่โดยการที่ถ้าหากลูกค้าสนใจที่จะซื้อแฟรนไชส์ ทางร้านจะไม่คิดค่าแฟรนไชส์ในการเริ่มต้น เพราะว่าเจ้าของร้านมีประสบการณ์กับลูกค้าเก่าที่เคยซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่และต้องการลูกค้าที่พร้อมในการเปิดสาขาแฟรนไชส์จริงๆ โดยที่ไม่เสียผลประโยชน์ในการลงทุน ทำให้เจ้าของร้านปรับกลยุทธ์ใหม่โดยการไม่คิดค่าแฟรนไชส์ในการเริ่มต้นแต่ลูกค้าจะต้องไปซื้ออุปกรณ์เอง โดยที่เจ้าของร้านจะให้คำแนะนำ ส่วนน้ำซอสและน้ำหมักต่างๆ จำเป็นต้องสั่งกับทางร้าน ซึ่งลูกค้าจะได้จ่ายแค่ค่าวิธีการทำต่างๆ ราคาประมาณ 5,000 บาท
นอกจากนี้การทำธุรกิจนั้นย่อมมีอุปสรรคกันทุกธุรกิจ Twin Steaks เองก็ประสบกับปัญหาเหล่านั้น เช่น เรื่องต้นทุนในเรื่องของสดที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ราคาอาหารหน้าร้านจะขึ้นมากก็ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งในบ้างครั้งก็ไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ เพราะโอกาสที่ลูกค้าอาจจะซื้อไม่ไหวนั้นสูงมาก เนื่องจากเมนูสเต็กนั้นเป็นเมนูที่กินได้ไม่บ่อยมากนัก รวมถึงฟู้ดทรัคปัญหาที่เจอก็จะเป็นในส่วนของฤดูฝนที่ค่อนข้างจัดการได้ลำบากและส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก
ในส่วนของยอดขายนั้นใน 1 วันสามารถขายได้ประมาณวันละ 4,000-5,000 บาท รวมทั้งหมดทุกเมนู อย่างไรก็ตามในอนาคตทางร้านได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการขยายสาขาเพิ่มขึ้น รวมถึงถ้าหากมีลูกค้าสนใจแฟรนไชส์ทางร้านก็พร้อมจะขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ร้านตั้งอยู่ในซอยมิสทีน ราษฎร์พัฒนา สะพานสูง กทม.
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Twin Steaks
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *