“ข้าวปั้นเราเป็นโอนิกิริแนวฟิวชั่นผสมผสานระหว่างอาหารเมนูยอดนิยมจากที่ต่างๆให้ดูทันสมัยขึ้น เป็นการยกระดับ ไม่เหมือนใคร รูปลักษณ์ที่น่ารัก น่าทาน เหมาะกับเด็กๆมีสไตล์การตกแต่งแบบประยุกต์สามารถที่จะเข้ากับทุกมื้ออาหารของทุกคนได้”
เชฟกิ๊ก-นายวุฒิชัย วิทยาสุข เจ้าของร้าน “RYCE” ที่เปิดขายข้าวปั้นแนวฟิวชั่น โอนิกิริสัญชาติไทย ในย่านของสามย่าน
จุฬา มานานกว่า7 ปีแล้ว บอกกับเราด้วย ความที่ตนเองกับกลุ่มเพื่อน4 คนซึ่งเป็นหุ้นส่วนของร้าน ต่างมีความชื่นชอบในการกิน “ข้าวปั้น” เหมือนกัน และส่วนตัวเองไลฟ์สไตล์คือเป็นแนวของนักเดินทางด้วย ชอบขับรถท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ และมักจะมีข้าวปั้นเป็นเสบียงติดตัวไว้เสมอ โดยหลังจากที่ตระเวนชิมมาแล้วหลากหลายทั้งต้นตำรับที่เป็นของญี่ปุ่นเอง ไปชิมมาหลาย ๆ ที่ ทำให้รู้สึกว่า “รสชาติ” สำหรับคนไทยแล้วที่ชอบอาหารรสจัด“จะไม่ค่อยถูกปากคนไทยสักเท่าไร เริ่มต้นเลยก็คือการทาน Onigiri แบบที่เป็นพวกไส้บ๊วย ไส้แซลมอนธรรมดา ที่แบบว่าออก plain นิด ๆ รสชาติอ่อน ๆ ซึ่งพอมาดูที่บ้านเราจะค่อนข้างกินอาหารรสจัดกัน มันเลยเกิดเป็นการผสมผสานและแนวคิดจากตอนนั้น และเกิดมาเป็นร้าน RYCE ร้านนี้”เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เราลองทำข้าวปั้นขายไหม เราลองทำข้าวปั้นที่แบบมีไส้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไส้ยอดนิยมจากทั่วทุกมุมโลกเอามาใส่ในข้าว ยังไม่มีใครทำ ก็เลยเป็นแนวคิดที่ลองทำดู แล้วตอนนั้นตลาดของ “โอนิกิริ” ยังไม่มีใครทำเลย
จากเชฟโรงแรมดัง เคยผ่านงานภัตตาคารใหญ่ ๆ มา
เชฟกิ๊ก เล่าให้ฟังว่า ตนเองทำงานเริ่มแรกเลยคือที่ โรงแรมโอเรียนเต็ล โดยเริ่มต้นที่ “เบเกอรี่” ก่อนทำพวกขนมปัง อาหารหวานแทบทุกแนวเลย แล้วก็มีความสนใจเรื่อง “อาหารญี่ปุ่น” อยู่แล้ว มันก็จะมีห้องอาหารญี่ปุ่นที่เชฟเขาใจดีมาก“เขาบอกว่าถ้าเกิดเราอยากจะเรียนมาเลย เลิกงานมา มาช่วยเขาต้องการคนอยู่แล้ว เขาก็เลยแบบให้ผมไปฝึกทำ ไปฝึกปั้น ฝึกลองทำซูชิ ไม่ว่าจะเป็นซูชิมากิ แคลิฟอร์เนียโรลอะไรต่าง ๆ ไม่ว่าจะการขึ้นปลา ทำปลาแซลมอน อะไรอย่างเงี้ยครับก็จะค่อย ๆ เรียนรู้ไป”ทำงานอยู่ที่นั่นมา 9 ปีก็ได้อะไรหลาย ๆ อย่าง มันเริ่มที่จะคิด ที่จะเปลี่ยน ว่าเราสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง จากนั้นก็ไปเริ่มงานอีกที่ ที่แฮร์รอดส์“ทีนี้คือได้ทำทั้งพวกอาหารยุโรปอาหารอิตาลีฝรั่งเศส คือทุกแนวมันเลยได้อะไรที่ครบ ครบมากกว่า เพราะว่าผมรู้สึกว่าพอออกจากโอเรียนเต็ลมันกลายเป็นว่าแบบ ผมอยากรู้อะไรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วสายตรงของผมมันคือเบเกอรี่ แต่ทีนี้ผมคุยกับเชฟเขา เขาก็โอเค ว่าผมอยากจะทำครัวร้อนนะ ครัวยุโรปนะ ไฟน์ไดนิ่งนะ อะไรอย่างเงี้ยครับ ก็เลยได้จากตรงนั้นด้วย”แล้วทีนี้พอออกมาก็ได้ Skill มาหลายอย่างมันเลยทำให้ การไปสมัครงานที่อื่นเลยง่ายด้วย จากนั้นก็ได้ไปทำงานอยู่ที่ เลอ บัว ไปอยู่ที่ ดับบลิวโฮเท็ล แล้วก็ไปอยู่ที่ เจ ดับบลิว แมริออท ซึ่งเป็นที่ทำงานที่สุดท้ายก่อนจะลาออกมา
สู่ร้านข้าวปั้นแนวฟิวชั่น Onigiri สัญชาติไทย
“จริง ๆ แล้วคำว่า RYCE (ไรซ์) คำนี้เป็นคำเล่นคำของคำว่า “ข้าว”(rice) ซึ่งเราไม่อยากให้เหมือนกับคนอื่น เพื่อนช่วย ๆ กันแชร์กันว่าเราสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ภายใต้คำว่าข้าว โดย RYCE ก็คือเป็นการเล่นคำที่ต้องการจะสื่อกันขึ้นมาของร้านเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติเขาบอกมาคำนี้แหละความหมายมันไปได้ไกล เขาเป็นเมเนเจอร์ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ก็คือเป็นหุ้นส่วนกันตอนที่ทำ เขาก็เลยแบบว่ามาลองคิดดูซิว่า เราจะคิดชื่อร้านยังไง คือตอนนั้นที่คุยกันเราต้องคิดชื่อร้านก่อน ชื่อร้านนี้ความหมายมันจะต้องตอบโจทย์และครอบคลุมด้วย จากสิ่งที่เราทำ”
ร้านเริ่มต้นมาจากเป็น “คีออส” เล็ก ๆ ที่เริ่มเปิดขายเมื่อ7 ปีที่แล้ว แต่แค่มันก็จะกระโดดไปอยู่ในที่ต่าง ๆ อาจจะปิดเพราะ “โควิด-19” บ้าง เพราะว่ามีผลกระทบด้วย“โดยเราครีเอทหรือเราสร้างสรรค์ตัวพวกนี้มา มันเหมาะกับ ผมแค่คิดกับเพื่อนว่าแบบเราเหมาะกับขายเด็ก ๆ ไหม เหมาะกับการเป็นแกร็บ แอนด์ โก ไหม? มาปุ๊บรีบปึ๊บ ๆ มันเป็นแบบอะไรที่รีบเร่งไหม ซึ่งกลายเป็นว่ามันก็เป็นแบบนั้น และดีด้วยครับเพราะว่า คือพ่อแม่เนี่ยจะเป็นกลุ่มพวกครอบครัวซื้ออาหารให้เด็ก ซื้อกับข้าวให้เด็กทานตอนเช้า เพราะว่าตอนเช้าที่เด็กมาเรียน ถ้าเกิดบ้านใครที่เขาแบบว่าอยู่ชานเมือง หรือแม้แต่อยู่ใกล้ ๆ นี้ ถ้าเข้ามาในนี้ถ้ามาผิดเวลามันจะทำให้สายเลย เพราะว่าเป็นอะไรที่ติดมากรถแถวนี้ พ่อแม่เขาไม่อยากเสียเวลาในการทำอาหาร ก็เลยเลือกที่จะซื้ออาหารเก็บไว้ให้ลูกตอนเช้ามาปุ๊บ ของผมอุ่นไมโครเวฟปุ๊บทานได้เลย”
เชฟกิ๊กยังบอกด้วย Onigiri ของที่ร้านเป็นการผสมผสานระหว่าง “อาหารญี่ปุ่น” และ “อาหารไทย” ซึ่งทางด้านนอกจะเป็นข้าวญี่ปุ่น ซอสญี่ปุ่น แต่ข้างในจะเอาสไตล์ของไทยมาใส่ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติต่าง ๆ รูปลักษณ์ที่ทำให้แตกต่างจากญี่ปุ่นแบบที่เขาไม่มีตา ไม่มีแก้ม ไม่มีปาก หรืออะไรพวกนี้“และก็จริง ๆ ผมทำคาแรคเตอร์มามันจะมีแบบ คาแรคเตอร์ของมันเองอย่างเช่นแบบ ลาบแซลมอน ยกตัวอย่างนะครับมันจะเผ็ดหน่อย มันจะเป็นหน้าโกรธ ซึ่งแบบสื่อให้รู้ว่าเผ็ดนะ ใช่ครับหน้ามันจะประมาณนั้น อะไรที่รสชาติมันsmooth มันก็จะยิ้ม ๆหน่อยประมาณนั้นครับ แล้วมันก็จะมีพวกแบบตามเทรนด์นิดนึงจะเป็นพวก โปเกมอนบอล อะไรพวกนี้ครับ ก็มันจะมีช่วงหนึ่งที่เราเล่นจับโปเกมอนกันเยอะ มันเหมือนมันเป็นเทรนด์ช่วงหนึ่งอะไรอย่างเงี้ยครับ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นสินค้าที่แบบ เป็นข้าวปั้นที่ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ ของร้านอยู่เหมือนเดิม”
พร้อมเสิร์ฟรสชาติที่ถูกใจ เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ก็ได้เลย!
ส่วนมากก็คือจะเป็นเด็ก ๆ แต่จริง ๆ ก็ทานได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ผู้ใหญ่ แต่คือไม่อยากให้ทุกคนมองเรื่องรูปลักษณ์ก่อน อยากให้มองเรื่องรสชาติควบคู่ไปด้วย มีเยอะมากมีทั้งรสชาติที่เปิดขายอยู่ตอนนี้ก็และรสชาติที่ยังไม่ได้ขาย จะมีคั่วกลิ้งเนื้อที่ยังไม่ได้เอามาจะสลับตามเมนูเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าเป็นแบบว่าไทย ๆ เลยก็คือพวก ลาบ ยำทูน่า คั่วกลิ้งเนื้อ และก็มีอีกหลายอย่างซึ่งไม่ต่ำกว่า5-6 รสชาติที่เป็นของไทย“กะเพราหอยเชลล์ด้วย อันนี้ก็มีประวัติคือมันเป็นการเริ่มต้นของการทำ comment research กับเด็ก ๆ เด็ก ๆ อยากได้ข้าวปั้นหน้าอะไรเขียนเลยบอกเลย พอเอาหอยเชลล์ญี่ปุ่นมาลองทำดู ก็เป็นการเอาวัตถุดิบญี่ปุ่นมาผสมกับเครื่องไทย กลายเป็นอีกแนวหนึ่งไปเลยครับ แล้วก็เอาไข่ดาวมาโปะเป็นกะเพราหอยเชลล์ไข่ดาว น้องชอบกันมากเลย ส่วนสไตล์แบบฝรั่งก็อย่างเช่น เนื้อย่างซอสหัวหอม เป็นonion sauce เป็นสเต็กฮะเป็นพวกแนวนั้น อีกเมนูหนึ่งเป็นกุ้งวาซาบิที่เป็นของญี่ปุ่น”ถ้าถามว่ามีอีกอันหนึ่งไหม ก็จะมีเป็นพวกแบบข้าวปั้นแบบ “หมูป่า” เป็นอะไรพวกนี้เลย boar meat จะแนวอีกแบบหนึ่งไปเลย ต้องจัดการกับวัตถุดิบให้ดีเพื่อไม่ให้คาว และก็ทานแล้วอร่อยด้วย หรือจะเป็นแนวแบบ “ข้าวหมกไก่” อย่างนี้ก็มี
ราคาเข้าถึงง่าย เมนูของร้าน “RYCE”ครอบคลุมทุกเรื่องข้าว!
แต่ละวันที่ร้านก็จะมี “เมนูแนะนำ” ว่าวันนี้จะมีขายอะไรบ้าง อย่างเช่น วันจันทร์จะมีขายข้าวหมกไก่เป็น special menu วันอังคารร้านจะขายอะไร วันพุธจะขายอะไร ซึ่งก็จะไม่เหมือนกันและก็ไม่ได้ทำเยอะมากทำแค่ พอหมดวันเหมือนเป็นการกระตุ้นลูกค้าด้วย ถ้าลูกค้าอยากจะทานก็ให้มาวันนี้“ทุกอย่างคือจะทำสดใหม่แบบวันต่อวันเลยเพราะว่า ณ ตอนนี้ร้านมีออกบูธด้วย ต้องทำไส้สดใหม่ทุกวันทั้งที่บูธและที่นี่อยู่แล้ว”
สำหรับ “ราคา” เริ่มต้นอยู่ที่ 55 บาท (ต่อ 1 ลูก) จนไปถึง 89 บาท ขึ้นอยู่กับราคาวัตถุดิบด้วย“ผมได้เจอกับน้องบางคน ที่เขาทานข้าวปั้นผม 8 ลูก! เขาบอกว่าเขาไม่อิ่ม แล้วน้องคนนี้โปรไฟล์เขาแบบเขาตัวใหญ่ เขาก็กินเยอะอยู่แล้วอะไรเงี้ย แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะกินถึง8 ลูก ก็เลยบอกผมว่าพี่ทำไมพี่ไม่ลองทำข้าวกล่องขายบ้างล่ะ ข้าวกล่องนะเอาข้าวเยอะหน่อยสำหรับผมเนี่ยแหละ ผมกินเยอะนะอะไรอย่างเงี้ยครับ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ RYCE Bowl ที่เป็นข้าวกล่อง” แล้วก็ได้คอนเซ็ปต์มาจากเพื่อนทำเป็น DIY ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีใครทำ มาทำเป็นแบบมีข้าวแล้ว 1 กล่อง ให้ลูกค้าเลือกอะไร Add เพิ่มไหม เพื่อจะใส่เพิ่มเข้าไปได้อีก โดยจะมีหน้ากะเพรา มีหน้าตามรสชาติต่าง ๆ ที่มี มีท๊อปปิ้ง มีอะไรต่าง ๆ เพิ่มด้วย เป็นอีกเมนูหนึ่งที่สามารถที่จะทำให้อิ่มได้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยราคา 65 บาท คือเริ่มต้นมันจะมีท๊อปปิ้งฟรีให้อยู่แล้ว(ยำสาหร่าย ไข่หวาน ปูอัด) อิ่มมากขึ้นแล้วกิได้หลากหลายมากขึ้น เพราะว่าบางคนชอบทานแบบไส้นี้ด้วย ไส้นี้ด้วย ก็จัดมาใส่ด้วยกันเลยจะได้ไม่เบื่อ ซึ่งถ้าหลายไส้ก็มีไส้ที่มีราคาสูงหน่อยก็จะเป็น 25 บาท 20 บาท 15 บาท แล้วก็มี “มิโซะซุป” ให้ด้วย
“ปัจจุบันก็เพิ่ม “เมนูน้ำ” ขึ้นมากับเมนู “ข้าวกล่องพรีเมียม” ซึ่งน้ำก็จะมีเพิ่มมา 4 ตัว ก็เมนูแรกจะเป็น ข้าวเหนียวมะม่วง(เป็นเมนูน้ำ) จริง ๆ ครับก็แบบภายใต้แบรนด์ RYCE ก็อยากจะให้คำว่าryce มันมีอยู่ในเครื่องดื่มด้วย ก็เลยแบบลองทำดูแล้วก็ลองทำแจก ก็คือหาคอมเม้นต์จากคนผ่านไปผ่านมาให้ลองทานอะไรเงี้ยครับ แล้วก็มีมะพร้าวมันม่วง อะไรแปลก ๆ ประมาณนี้ครับ คือผมใส่เมนูไป2 ตัวที่แปลก ๆ แล้วก็จะเป็นธรรมดาอีก2 ตัว ก็คือจะเป็นสตรอเบอร์รี่ลิ้นจี่ กับกีวีเบอร์รี่”นอกจากนี้ที่ร้านก็ยังมี“ของหวาน”เป็นข้าวปั้นข้าวเหนียวมะม่วง เมนูตามฤดูกาลด้วย หรืออย่างเช่นหน้าไหนที่แซลมอนราคาแพงก็จะเปลี่ยนเมนูออก เอาอย่างอื่นมาใส่เพราะว่าต้องคุมเรื่อง cost ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว “กำไร” ก็จะเหลือน้อย อย่างเช่น ข้าวหมกไก่ ไม่ได้มีทุกวัน (จะมีสลับวัน) ก็จะมีข้าวโอนิกิริหมูปิ้งเป็นแบบ plain standard เป็นโอนิกิริหมูปิ้งน้ำจิ้มแจ่ว
เคยขาดทุนถึง 6 เดือน แต่ไม่ถอย! ไม่ยอมถอดใจ
“เริ่มต้นผมขาดทุนประมาณ6 เดือนเลยนะครับ เพราะว่ามันยังไม่มีคนรู้จักมันขาดคนรู้จักไป ผมถึงขนาดที่จะต้องทำเป็นข้าวปั้นลูกเล็ก ๆ ไปเดินแจก แจก ชิม ชิม ชิม ให้ลูกค้าได้ลองชิมก่อน แต่มันก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่”เริ่มดีขึ้นคือตอนที่ข้าง ๆ ร้านจะมีที่เรียนภาษาอังกฤษ “ครูลูกกอล์ฟ” ซึ่งเขาก็จะมีพวกดารา เซเลบต่าง ๆ ที่เป็นเพื่อนเขาก็มา“มันเริ่มแบบพอมีครูลูกกอล์ฟมาลองทานดูปุ๊บ เด็ก ๆ ชอบ เริ่มกลายเป็นรายได้หลักของร้านแล้วเพราะว่าสั่งที 30 ลูก อย่างเงี้ยครับมันก็จะได้ยอด ได้จากโรงเรียนครูลูกกอล์ฟเยอะก็เลยทำให้ค่อย ๆ ดีขึ้น”พอเริ่มดีขึ้นก็จะมี “ดารา” มาลองทาน พอทานเสร็จเริ่มมีคนเห็น เริ่มมีคนรู้จักเยอะ มันก็เลยทำให้ “บูธ” ต่าง ๆ เริ่มมีการติดต่อมา“เริ่มต้นที่แรกเลยที่ไปออกก็คือที่ สยามพารากอน ชั้น G เป็นอะไรที่เปิดมุมมองใหม่มากไม่เคยออกบูธอะไรเลยครับพี่ มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าโอ้โห! ออกบูธเนี่ยมันสร้างรายได้ดีนะ คือไปอยู่แค่ประมาณ 12 วันก็ขายได้3 แสนหรืออะไรพวกนี้ จากปกติขายได้วันละประมาณ2 พัน อะไรอย่างเงี้ยฮะ”
ช่วงโควิดฯ ที่ผ่านมา ต้องปิดร้านเลย เพราะว่าเขาไม่ให้เปิด พอเปิดร้านไม่ได้รายได้ก็ไม่มีเข้ามาเลย แต่ในขณะที่ค่าเช่าร้านยังต้องจ่ายต่อไป“ก็เลยปิดร้านไปสักพักหนึ่ง ก็เลยมาคุยกับเพื่อนเราทำเดลิเวอรี่มั้ย เป็นการทำเดลิเวอรี่แบบไม่ต้องเปิดร้าน เราทำส่งอย่างเดียว เพราะไม่มีลูกค้ามากิน เขาบอกว่าห้ามลูกค้าเข้ามานั่งในร้านอะไรอย่างเงี้ยครับ ก็เป็นการที่จะแบบทำเดลิเวอรี่อย่างเดียว ให้รายได้มันมีมาเข้าร้านบ้าง ก็เริ่มต้นจากแกร็บ ไลน์แมน และก็ฟู้ดแพนด้า” หลังจากนั้นมาก็มีไปออกบูธงานใหญ่ ๆ ก็มี เป็นงานคอนเสิร์ตที่พัทยา(วันเดอร์ฟู้ด) ก็ได้ยอดขายเยอะอยู่ มีลูกค้าชาวต่างชาติ(ฝรั่ง) เยอะมาก ฝรั่งชอบมากต่อคิวกันแบบ 20 คน ต่อ ๆ กันมา ลูกค้าชอบ แล้วก็เอาไปถ่ายรูปลงโชว์บ้างอะไรบ้างก็มี ฟีดแบ็คดี
ถ้าเราดูแลลูกค้าดีลูกค้าแฮปปี้ อย่างไรเขาก็กลับมา..
“จริง ๆ ผมอยากจะมีอีกสาขาหนึ่ง ซึ่งแบบว่าเพิ่มขึ้นในห้างฯ ใช่ครับในห้างฯ เลย จะได้ไม่ต้องมากระโดดไปบูธ ๆ คือผมก็อยากจะทำบูธอยู่ แต่อาจจะไม่บ่อยมาก อาจจะเป็น2 เดือน/ครั้ง อาจจะเป็นบูธใหญ่ ๆ อะไรอย่างเงี้ยฮะ ซึ่งมันไม่อยากจะทิ้งตรงบูธเพราะว่าอยากให้คนรู้จักเพิ่มเรื่อย ๆ เพราะว่าเราออกบูธมันก็แค่อยู่ในarea ที่แบบว่ายังไม่กว้างมาก” การมีหน้าร้านส่วนตัวมองว่า ถ้าเราดูแลลูกค้าดี เขากลับมา ลูกค้าโอเค ลูกค้าแฮปปี้ลูกค้าก็กลับมา“เพราะว่ามีลูกค้าหลายคนกลับมาเยอะมาก ตั้งแต่ตอนที่กิน6 ปีที่แล้วเขาก็กลับมา กลับมาโตแล้วสูงกว่าผมแบบสูงเลยแบบว่า คิดถึงมากเลยไม่ได้กินมานานมากแล้ว นึกว่าปิดไปแล้ว แต่คือไปอยู่ที่อื่น”
เชฟกิ๊ก-วุฒิชัย วิทยาสุข เจ้าของร้าน “RYCE” บอกว่า ส่วนปัญหาอุปสรรคที่เกิดในช่วงแรก ๆ เลยคือเหมือนกับทุกร้าน น่าจะเป็นเหมือนกันทุกร้านเพราะว่า คนไม่รู้จัก ร้านเป็นร้านอะไรเลยทำให้ลูกค้าไม่มี“แต่ผมคิดว่าปัญหานี้ น่าจะเกิดกับคนหรือเจ้าของร้านหรือร้านค้าหลาย ๆ ร้าน ในการเริ่มต้น คือแนวคิดของผมคือแบบ คือผมไม่อยากท้อ ให้รอ แล้วลองทำอะไรให้อดทน เราอาจจะเหนื่อยในช่วงแรก เพราะว่ามันต้องเหนื่อยแน่ แต่อย่าท้อแค่นั้นแหละครับ ถ้าท้อปุ๊บก็จะกลายเป็นแบบว่าทุกอย่างมันจะ fail ไปหมดเลย คือตอนนั้นขาดทุนเยอะมาก ขาดทุนเยอะขนาดจนแม่บอกว่าแล้วขาดทุนไปเท่าไหร่ ไม่กล้าบอก! ขนาดนั้นเลยฮะ เราก็พอผ่านจุดตรงนั้นมาได้ มันเลยทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนว่าแบบว่าเออบางอย่าง ทำอะไรมันต้องใช้เวลามากขึ้น บางอย่างมันถึงเวลาของมัน เดี๋ยวมันก็จะไปของมันได้เอง”
เริ่มต้นจากความ “อยากทำ” แล้วแรงผลักดันมันจะเกิดและทำให้เราสามารถไปต่อได้..ในที่สุด สำหรับร้าน “RYCE” ตั้งอยู่ที่ ยู เซ็นเตอร์ ซอยจุฬาฯ42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ สอบถามเพิ่มเติมโทร.062-478-5914 Line : @ryc
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *