สินค้าความงามตลาดยังสดใส มีหลายคนโดดลงมาในตลาดนี้ มีทั้งที่ประสบความสำเร็จ และที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ โกยได้ต้องรีบโกยช่วงที่ยังเป็นไวรัล เพราะมาเร็วไปเร็วมาก ทำให้เราได้เห็นสินค้าความงามแบรนด์ใหม่เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับตัวแทนขายแล้วต้องบอกว่าใครจัดโปรดี ราคาดี ก็อยู่ได้สบายๆ เพราะมีแบรนด์ใหม่พาเหรดมาให้เลือกขายเป็นจำนวนมาก วันนี้ พามารู้จักกับร้าน 105 บิวตี้ช็อป แห่งดินแดนที่ราบสูง หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายสินค้าความงามที่เคยขายมากว่า 100 แบรรนด์
นางสาวธนาภร เจริญสุข (เปิ้ล) เจ้าของร้าน 105 บิ้วตี้ช็อป เล่าว่า ร้าน 105 บิวตี้ช็อป จำหน่ายเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงามและอาหารเสริม รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม กว่า 100 แบรนด์ โดยมีสาขาอยู่ที่ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และ อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เปิดให้บริการมากว่า 12 ปี จุดเริ่มต้นมาจากเดิมครอบครัวทำร้านขายยา แต่ตอนหลังพี่สาวซึ่งทำบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านสีผม ยี่ห้อหนึ่ง ได้ออกจากงาน และตอนนั้น ร้านขายยาก็ขายไม่ค่อยดี พี่สาวก็เลยนำผลิตภัณฑ์เส้นผมเข้ามาวางขายมุมหนึ่งในร้านยา แต่ปรากฏว่าขายดีมาก เพราะเมื่อก่อนไม่มีออนไลน์เหมือนอย่างทุกวันนี้ เวลาจะประชาสัมพันธ์อะไรก็จะใช้การแจกใบปลิว ซึ่งก็ได้ผลดี ลูกค้าที่เห็นจากใบปลิวก็ตามมาซื้อ จนร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น พี่สาวก็เลยเลิกขายยามาขายผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมอย่างเดียว แต่พอพี่สาวเสียชีวิต ตนเองก็เลยต้องมารับช่วงดูแลกิจการต่อ เพราะถ้าจะเลิกไปก็เสียดาย
ทั้งนี้ ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนชอบทำและคิดอะไรจะต้องทำใหญ่เสมอ จากร้านที่ขายเพียงผลิตภัณฑ์เส้นผม ได้มีการปรับปรุงร้านใหม่ จากที่ไม่ได้เป็นหนี้ ตอนนี้ รู้จักคำว่าเป็นหนี้ เพราะไปกู้เงินมาซื้อตึกแถว 2 คูหา เปิดร้าน 105 บิวตี้ช็อป ขายเครื่องสำอาง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เส้นผม มีทั้งที่เป็นแบรนด์เนมคนรู้จักมากมาย และ ที่เป็นแบรนด์ตามกระแส ตอนเปิดตัวร้านก็มีการจัดงานอีเวนท์ยิ่งใหญ่ มีการเชิญดารานักแสดง มาร่วมงาน และในช่วง ครบรอบ 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี เราก็จัดอีเวนท์ยิ่งใหญ่ เช่นกัน มีการขยายสาขาเพิ่ม เป็น 4 สาขา แต่พอช่วงโควิดปิดสาขาไป 2 สาขา เพราะเดินทางไปดูแลไม่ไหว ประกอบกับ ช่วงโควิด ได้เริ่มหันมาขายออนไลน์ ทั้งใน Shopee และ Lazada ซึ่งยอดขายในออนไลน์ดีขึ้นเรื่อย จนถึงปัจจุบันเพราะช่องทางออนไลน์ช่วยให้เราสามารถขายสินค้าของเราไปได้ทั่วประเทศ
จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราหันมาทุ่มไปกับการทำตลาดออนไลน์ อย่างจริงจัง มีการจ้างพนักงานมาไลฟ์ขายของ การจัดโปรโมชั่นร่วมกับแพลตฟอร์ม ต่างๆ ในส่วนของสินค้า ที่เป็นสินค้าแบรนด์ดังตามกระแส เราได้เป็นตัวแทนขายมาหลายแบรนด์มาก แต่ปัญหาของผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ตามกระแส นั้น คือ มาเร็วไปเร็ว มีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พอมีแบรนด์ใหม่เค้าก็จะส่งสินค้ามาให้เราช่วยขาย แต่ในส่วนของแบรนด์หลัก ก็ยังขายควบคู่ไปด้วย ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 50% มาจากแบรนด์มาตามกระแสอยู่
ถามว่า แล้วทำไม ถึงไม่ทำแบรนด์ของตัวเอง “คุณเปิ้ล” บอกว่า แบรนด์ตามกระแสมาเร็วไปเร็ว และต้องใช้เงินในการโปรโมทเยอะมาก และไม่รู้ว่าจะหาโรงงานผลิตจากที่ไหนที่ได้คุณภาพ และเราก็ไม่มีทีมการตลาดที่เก่งๆ อาศัยขายแบบนี้ดีกว่า ใครมีอะไรก็ส่งมาให้เราขาย เพราะถ้าขายไม่ได้เราก็ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ ซึ่งกำไรจากการขายของเราก็ไม่ได้เยอะเพราะเราไม่ได้ขายแพง แต่เน้นขายปริมาณเยอะ กำไรประมาณ 10-15% เท่านั้น และการขายผ่านแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada ลูกค้าเน้นของถูก ใครขายถูก และรีวิวเยอะก็จะขายได้ ทางแพลตฟอร์มก็ต้องให้ร่วมกิจกรรมในแต่ละเดือนอีก กำไรก็ไม่เยอะ แต่ถ้าเราสามารถสต็อกของได้เยอะต้นทุนก็จะถูกลง กำไรก็จะได้มากขึ้น
พอถามถึงรายได้ คุณเปิ้ล ก็ไม่ต้องการจะพูดถึงรายได้ตรงนี้ เพราะตอนนี้ ปัญหาตรงแบรนด์ใหม่เค้าไม่ได้ทำ VAT ทำให้คุณเปิ้ล ต้องมารับภาระในส่วนนี้เอง ทำให้เค้าได้กำไรลดน้อยลงไป ในส่วนของแบรนด์หลักที่เป็นแบรนด์ทั่วไปที่คนรู้จัก มีการแข่งขันในส่วนของตลาดโมเดิร์นเทรด แต่ปัจจุบันโมเดิร์นเทรดขายในราคาที่แพงกว่า ทำให้ลูกค้าหันมาเลือกซื้อจากแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่า เพราะได้ราคาที่ถูกกว่า เพียงแค่ตลาดออนไลน์ ต้องทำให้ลูกค้าเชื่อถือว่าสินค้าของเราเป็นของแท้ ซึ่งถ้าขายมานาน สามารถดูได้จากรีวิว ลูกค้ารีวิวเยอะสร้างมั่นใจให้กับลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้น จากวันนั้นที่คุณเปิ้ลขายเฉพาะในจังหวัดที่ตั้งของร้าน และพื้นที่ใกล้เคียง แต่วันนี้ เพราะตลาดออนไลน์ทำให้คุณเปิ้ลสามารถขายได้ทั่วประเทศ ยอดขายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ขายแค่หน้าร้านหลายเท่า ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากออนไลน์ประมาณ 50% และออฟไลน์ ประมาณ 50%
ติดต่อ FB: 105 บิวตี้ช็อป
โทร. 09-7942-8965