การทำเกษตรอินทรีย์ เป็นความหวังของเกษตรกรยุคใหม่ จากเดิมปลูกยากหาคนซื้อก็ยาก แต่วันนี้ เกษตรอินทรีย์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว มีตัวช่วยเยอะ เกษตรกรคนรุ่นใหม่ที่หันมาทำเกษตรก็จะเลือกทำเกษตรอินทรีย์ เพราะตลาดหาง่าย การปลูกไม่ได้ยาก เพียงแค่ต้องมีความใส่ใจ และมีความอดทน ก็จะประสบความสำเร็จในการทำเกษตรอินทรีย์ และสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน รอเกษตรกรคนรุ่นใหม่กลับบ้านเกิดมาพลิกฟื้นทำการเกษตรที่สร้างความมั่นคงทางรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป
นายชากร สินธวะรัตน์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซีโอเอฟ ออร์แกนิก ผู้จัดจำหน่ายผักออร์แกนิก เล่าว่า ตนเองได้เริ่มต้นทำปลูกผักออร์แกนิก มาได้ประมาณ 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2550 หลังจากได้ลาออกจากงานก็เลยตั้งใจปลูกผักอินทรีย์ขาย เพราะมีที่ดินอยู่ที่โคราช ประมาณ 5 ไร่ แต่การปลูกผักอินทรีย์ ในช่วงนั้นไม่ง่ายยากทั้งด้านการปลูก เพราะไม่มีปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลงสำเร็จรูปขาย ทุกอย่างต้องทำเอง และผลผลิตที่ได้ก็น้อยมาก ต้องใช้เวลากว่า 3 ปี กว่าจะลงตัวและได้ผลผลิตอย่างที่ต้องการ การลงทุนในสมัยก่อน ไม่ได้สูงอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ต้องทำเองทั้งหมด
โดยแปลงเกษตรอินทรีย์ของ ซีโอเอฟ เป็นการทำเกษตรอินทรีย์แบบปลูกบนดิน เพราะการทำอินทรีย์ที่แท้จริงจะต้องปลูกบนดิน การปลูกลอยฟ้าสารอาหารที่ปล่อยมาตามน้ำไม่ใช่อินทรีย์แต่ส่วนผสมของสารเคมีอยู่ด้วย ทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่ก็จะหันมากินผักอินทรีย์ที่ปลูกในดิน มากกว่าการปลูกผักลอยฟ้า
ทั้งนี้ ความยากไม่ได้จบลงแค่ กว่าจะได้ผลผลิตตามที่วางไว้ พอได้ผลผลิตออกมาตามที่วางแผนไว้ สุดท้ายก็ไม่รู้จะไปขายที่ไหน เพราะในอดีต คนกินผักไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของผักอินทรีย์ พอเห็นเราใส่ขี้วัว ขี้ควาย เค้าก็มองว่าสกปรกไม่กล้ากินอีก สุดท้าย ก็เลยต้องหนีไปทำตลาดส่งออกแทน โดยได้ดิวกับผู้ค้าในประเทศสิงคโปร์ ส่งผักทั้งหมดไปสิงคโปร์ ทำมาได้ระยะหนึ่ง แต่การทำตลาดส่งออกก็ดีนะ แต่พอตลาดในประเทศ เริ่มหันมาบริโภคผักอินทรีย์ และให้ความสำคัญกับผักอินทรีย์กันมกขึ้น ก็เลยหันมาทำตลาดในประเทศ โดยได้ดิวกับห้างยักษ์ใหญ่ แห่งหนึ่ง
การได้ดิวกับห้างดังในครั้งนั้น ผลผลิตที่ได้จากไร่ของเราเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ก็เลยเกิดเป็นธุรกิจใหม่ รับซื้อผลผลิตผักชนิดต่างๆ จากลูกไร่ที่ปลูกแบบอินทรีย์ ปัจจุบันมีลูกไร่ที่เป็นเครือข่ายมากกว่า 60 ราย ได้ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้มากขึ้น และมีตลาดที่ชัดเจน ซึ่งพืชผักที่รับซื้อจากเครือข่ายมีมากกว่า 40 ชนิด ในปีที่ผ่านมา ได้ส่งผักขายให้กับห้างดังกล่าวทำรายได้ประมาณ 40 ล้านบาท และตั้งเป้าว่า ในปี 2566 มีรายได้จากการส่งผักอินทรีย์ให้ห้างดังกล่าวประมาณ 52 ล้านบาท
สำหรับเกษตรกรที่สนใจจะเข้าร่วมเครือข่ายปลูกผักอินทรีย์ คุณชากร บอกว่า เกษตรกรต้องมาดูว่าปฏิบัติตามระเบียบ หรือ กฎเกณฑ์ของเราได้หรือไม่ และต้องผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน และที่สำคัญ คือ ต้องมาดูว่า ปลูกผักชนิดไหน เพราะความต้องการผักสดในแต่ละครั้ง ไม่เท่ากัน เกษตรกรต้องมาดูว่าช่วงนั้น ส่งเสริมการปลูกอะไร ด้วยว่าตรงกับที่เกษตกรปลูกหรือเปล่า
ติดต่อโทร. 08-1835-5222