Fender แบรนด์ดังระดับโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1938 โดย Leo Fender เป็นชาวอเมริกัน ซึ่งสินค้าตัวแรกที่ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกรู้จัก Fender มาจากกีตาร์ ซึ่งเป็นรายแรกที่นำวิธีการผลิตแบบอุตสาหกรรมมาใช้ในการผลิตกีตาร์ และยังเป็นผู้ผลิตเบสไฟฟ้าลำตัวตันเป็นรายแรกด้วย และด้วยความน่าเชื่อถือรวมถึง คุณภาพที่คนในเหล่าวงการดนตรีหลายคนยอมรับ ทำให้ Fender ขยายฐานการผลิตและขยายตลาดไปยังหลายประเทศทั่วโลก
ที่มา Fender Audio แบรนด์นักดนตรีทั่วโลกรู้จัก
ด้วยความที่คนทั่วโลกให้การยอมรับในคุณภาพของกีตาร์ ทางFender ได้มีการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าในหมวดAudio เพิ่มขึ้นมา เริ่มจากหันมาผลิตแอมป์ เพื่อใช้คู่กับเครื่องดนตรี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เหล่ามืออาชีพเลือกใช้กัน หลังจากนั้น ก็ได้มีการผลิตหูฟังและลำโพงตามมา โดยได้มีการเปิดตัวลำโพงตัวแรกภายใต้แบรนด์ Fender เมื่อปี 2017 และด้วยความใส่ใจในคุณภาพของสินค้า ทำให้แบรนด์ Fender กลายเป็นแบรนด์ ที่คนในวงการดนตรีทั่วโลกรู้จัก รวมถึงประเทศไทย
การเข้ามาของ Fender ในประเทศไทย เริ่มจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายของร้านดังแขตเวิ้งนครเกษม แหล่งซื้อเครื่องดนตรีแหล่งใหญ่ที่คนไทยรู้จักกันดี ปัจจุบันเวิ้งนครเกษมได้ถูกพัฒนาพื้นที่ไป ร้านขายเครื่องดนตรีเหล่านี้หายไปด้วย การซื้อเครื่องตนรี รวมถึง Fender ถูกนำมาขายในร้านต่างๆ ตามศูนย์การค้า และทราบหรือไม่ว่า ปัจจุบันแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Fender Audio ที่จำหน่ายทั่วโลกนี้ มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย เป็นหนึ่งในผู้ได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายและดูแลตลาด Fender Audio ทั่วโลก
คนไทยคว้าสิทธิ์ดูแลผลิตและทำตลาด Fender Audio ทั่วโลก
วันนี้ พามารู้จัก กับคนไทยคนแรกที่ได้สิทธิ์ในการดูแลตลาดแบรนด์ดังระดับโลก Fender Audio นั่นคือ นายสรศักดิ์ วงศ์ชินศรีสกุล ผู้ก่อตั้ง บริษัท Generation-S จำกัด ซึ่งได้รับสิทธิ์ในการดูแลตลาด Fender เมื่อปี 2016 ร่วมกับหุ้นส่วนซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ ในส่วนของการได้สิทธิ์ดูแลตลาด Fender Audio ทั่วโลกนั้น เป็นหน้าที่ของ Generation-S สาขาเปิดอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีคุณสรศักดิ์ เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย
สำหรับบริษัท Generation-S เปิดดำเนินกิจการเมื่อปี 2011 โดยนายสรศักดิ์ ได้ร่วมกับเพื่อนซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ ทำธุรกิจจำหน่ายและนำข้าผลิตภัณฑ์ Audio และ Gadget ชั้นนำหลายแบรนด์ “นายสรศักดิ์” เล่าว่า เดิมครอบครัวทำโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ และลูกค้าของเราส่วนใหญ่ก็เป็น นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ทำให้รู้จักนักธุรกิจสิงคโปร์หลายคน เป็นเหตุผลที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับคนสิงคโปร์ รวมถึงในการดำเนินธุกิจ บริษัท Generation-S ในครั้งนี้ด้วย
มารู้จัก Generation-S ผู้จำหน่ายAudioและGadget ชั้นนำจากทั่วโลก
ทั้งนี้ นับจนถึงปัจจุบัน Generation-S ได้ดำเนินธุรกิจมา 12 ปี โดยเริ่มธุรกิจจากสินค้าตัวแรก นั่นคือ การเป็นตัวแทนจำหน่าย Sennheiser เมื่อปี 2011 ตัวแรกที่ทำตลาดเป็นหูฟังระดับพระกาฬ ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรกยอดขายเกินเป้า ถัดมา ปี 2012 ทำตลาดแบรนด์ Adonit และปี 2014 มี 2 แบรนด์ คือ Moshi และ UGA และในปี 2016 ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ระดับโลก อย่าง Fender ต่อมาปี 2018 แบรนด์ Speck ปี 2019 ได้ทำแบรนด์ Studio ปี 2022 เป็นตัวแทนจำหน่าย Muzen และ ล่าสุด แบรนด์ UB+ ลำโพงบูลทูธ จากประเทศสิงคโปร์
จากความสำเร็จ ในการทำแบรนด์ Audio และ Gadget ที่ผ่านมาของ Generation-S ทำให้มีแบรนด์ดังทั่วโลก สนใจนำสินค้าแบรนด์ต่างๆ มาให้เราเป็นตัวแทนจำหน่าย ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ แน่นอนการเลือกขายแบรนด์ใด แบรนด์หนึ่ง ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่าง ประกอบกับมีสินค้าแบรนด์ต่างที่เราต้องดูแลอยู่แล้ว เช่น ในปีนี้ เลือกมาเพียงแบรนด์เดียว ลำโพงบูลทูธ ยูบีพลัส UB+ จากผู้ผลิตชาวสิงคโปร์ ที่เลือกแบรนด์นี้ เพราะตัวสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้านงานดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการตกแต่งบ้านนอกเหนือจากคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม เหมาะกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการตกแต่งบ้าน
เปิดตัวสินค้าล่าสุด ลำโพงบลูทูธ UB+
ตอบโจทย์คนรักการแต่งบ้าน
ทางบริษัทได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ UB+ (ยูบีพลัส) เป็นลำโพงบูลทูธระดับ High-end ที่มีโดดเด่นเรื่องของดีไซน์ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ รสนิยมในการเลือกของแต่งบ้าน นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตาแล้ว คุณภาพเสียงของลำโพงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เทียบได้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
โดยบริษัทได้ทำการเปิดตัวลำโพงบลูทูธ UB+ อย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่ง มีลำโพงให้เลือกครั้งนี้ทั้งหมด 3 รุ่น 3 ราคา ได้แก่ รุ่น S1 ในราคา 10,900 บาท รุ่น S2 ราคา 15,900 บาท และ รุ่นพิเศษ DB ราคา 16,900 บาท โดยลำโพงทั้ง 3 รุ่นออกแบบมาเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่สมจริง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูหนัง ฟังเพลง และเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการฟังในโทนเสียงอะคูลติค นุ่มนวลราวกับฟังเพลงจากการแสดงดนตรีสด รองรับการเชื่อต่อ TRUE WIRELESS SYSTEM เพื่อให้ได้ระบบเสียงแบบ Stereo และสามารถเชื่อมต่อการเล่นพร้อมกันได้สูงสุดถึง 8 เครื่องผ่านแอพพลิเคชั่น UB+ ซึ่งเชื่อว่า หลังจากได้เปิดตัว UB+ ออกไปจะต้องถูกจับตามองและสร้างสีสันให้กับวงการลำโพงในตลาดประเทศไทยอย่างแน่นอน
ช่องทางการขาย
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ได้ตั้งเป้ายอดขายสำหรับลำโพงบลูทูธ UB+ ไว้ที่ 5,000-6,000 ชิ้น ในปีแรกที่เริ่มทำตลาด โดยช่องทางการจัดจำหน่ายเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ในส่วนของแพลตฟอร์ม TitTok มากขึ้น ในส่วนของหน้าเพจเฟซบุ๊กก็ยังคงเป็นช่องทางขายหลักของบริษัทอยู่เหมือนเดิม ส่วนของออฟไลน์ มีตัวแทนจำหน่ายร้านขายอุปกรณ์เครื่องเสียงชั้นนำ เช่น Banana IT ,Studio7,B2S,King Power,SPVi ฯลฯ สัดส่วนการขายออฟไลน์อยู่ที่ 70%
ในส่วนของการจัดกิจกรรมอีเวนท์ เป็นการทำงานร่วมกับทีมมาร์เก็ตติ้งของตัวแทนจำหน่าย โดยในปี 2022 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2021 ถึง 21% และมีการใช้งบลงทุนในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50% ส่วนหนึ่งมีสินค้าตัวใหม่เพิ่มขึ้นมาส่งผลให้ไปช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น
วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเลือก Audio ยุค 2023
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าของ Generation-S อยู่ในวัย 20 ปีขึ้นไปจนถึง 40 ปีขึ้นไปไม่ถึง 50 ปี ซึ่งการออกแบบสินค้าขายลูกค้าในกลุ่มนี้ สิ่งสำคัญ ต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน และต้องรู้ว่าไลฟ์สไตล์ชองคนกลุ่มนี้ต้องการอะไร โดยปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของการซื้อสินค้าประเภท Audio คนไทยและคนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต เพราะเทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนแปลงไปตลอด ทำให้รูปแบบของลำโพงเปลี่ยนไป ทุกคนมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ไร้สาย รวมถึงลำโพงก็ต้องเป็นลำโพงไร้สาย รูปแบบของลำโพงต้องออกแบบมาให้เหมาะกับฟังก์ชั่นการใช้งาน
ทั้งนี้ จะพบว่าฟังก์ชั่นความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้า Audio มีให้เลือก 3 แบบหลัก คือ แบบแรกลำโพงเหมาะกับการใช้งานในบ้าน ซึ่งผู้ผลิตต้องคำนึงถึงรูปแบบดีไซน์ที่ทำให้ลำโพงสามารถเป็นส่วนหนึ่งในของแต่งบ้านได้ด้วย กลุ่มที่สองชื่นชอบการฟังเพลง ออกแบบมาเน้นคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม และ กลุ่มสุดท้าย ชอบเดินทางท่องเที่ยว การออกแบบลำโพงต้องให้สะดวกแก่การพกพาหรือเดินทาง ดังนั้น จะเห็นว่าบางคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง อาจจะต้องมีลำโพงถึง 3 แบบ ให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
ผลกระทบศก.โลก ดันภาพรวม Audio ติดลบ
ผปก.อยู่รอดได้ตลาดต้องชัดเจน
นายสรศักดิ์ ได้ให้มุมมองทิศทางการเคลื่อนไหวภาพรวมของตลาด Audio ว่า ในปี 2022-2023 ภาพรวมตลาด Audio ตลาดติดลบเล็กน้อย โดยเฉพาะในฝั่งยุโรป ส่วนหนึ่งมาจากภาพรวมทางเศรษฐกิจโลกที่ทดถอยจากภาวะสงครามและสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมา ฝั่งยุโรปตะวันตกตลาดติดลบถึง -13% ในขณะที่ฝั่งเอเชียประเทศที่พัฒนาแล้วก็จะติดลบเยอะหน่อย แต่มาเพิ่มกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ทำให้ภาพรวมตลาดเอเชียติดลบเล็กน้อย ส่วนประเทศไทยติดลบเล็กน้อยไม่ได้มาก ซึ่งประเทศไทยในช่วงโควิด ตลาด Audio ถือว่ามีการเติบโตที่ดี เพราะคนอยู่บ้านได้จับจ่ายใช้สอย แต่พอปีนี้ มีการเดินทางตลาดเริ่มไม่ค่อยดี การแข่งขันก็สูง คนก็เอาเงินไปจับจ่ายใช้สอยอย่างอื่นๆ เช่น เดินทางท่องเที่ยว ประกอบการเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีนัก ครั้งนี้ คงจะต้องมาดูสถานการณ์กันอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าตลาดจะไปในทิศทางไหน
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด