การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ดื่ม ครอบครัวและสังคม โดยองค์การอนามัยโลกได้รายงานว่าแอลกอฮอล์นำไปสู่การป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มากกว่า 230 ชนิด สำหรับประเทศไทยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมและระบบสาธารณะสุขของประเทศมาหลายทศวรรษ และในกลุ่มชาติพันธ์พบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีการดื่มหนักซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อและวัฒนธรรมประเพณี จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีวิถีวัฒนธรรมและความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์มากถึง 9 ชาติพันธุ์ 13 กลุ่ม อาทิ ไทใหญ่ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ ลีซู ลาหู่ ปะโอ ปกาเกอญอ ฯลฯ เดิมนั้นจะพบเห็นการดื่มสุราในกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมาก โดยมองว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองในโอกาสต่าง ๆ จึงพบเห็นการดื่มใน งานแต่งงาน งานศพ และงานต่าง ๆ จนทำให้แอลกอฮอล์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมชนเผ่าไป
จากผลกระทบที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาเพื่อจัดงานบุญตามประเพณี ปัญหาความรุนแรงจากเหตุทะเลาะวิวาทในครอบครัว รวมไปถึงเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์อันดีงามของบุญประเพณีต่าง ๆ ส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์ในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 3 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนบ้านห้วยขาน หมู่ที่ 3 ตำบลหมอกจำแป่ ชุมชนบ้านผาบ่อง หมู่ที่ 3 ตำบลผาบ่อง และชุมชนป๊อกกาดเก่า ตำบลจองคำ ได้ร่วมใจกันลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาดังกล่าวจนประสบความสำเร็จ กลับมาเป็นชุมชนต้นแบบปลอดเหล้า และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในชุมชน
ทั้ง 3 ชุมชนมีแนวทางการขับเคลื่อนงานบุญประเพณีปลอดเหล้า ในกลุ่มชาติพันธุ์ได้อย่างสนใจ จึงนำไปสู่การนำคณะเครือข่ายงดเหล้าโดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์จากทั่วประเทศร่วมศึกษาดูงานในพื้นที่ นำโดย นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สสส. ทั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนบทเรียนและประสบการณ์การทำงานรณรงค์งดเหล้าของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และนำบทเรียนที่ได้ไปยกระดับและพัฒนาการทำงานรณรงค์ทั้งในภาพรวมและในแต่ละพื้นที่
พ่อหลวงณรงค์ วิทยาสมานสกุล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านห้วยขาน หมู่ที่ 3 ตำบลหมอกจำแป่ กล่าวว่า หมู่บ้านเรามีอายุกว่า 100 ปี มี 2 ชาติพันธุ์ คือ ไทใหญ่ กับ ปะโอ เดิมนั้นเกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวอันเนื่องมาจากการดื่มสุราอย่างหนักและเกิดปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือนตามมา คนในชุมชนไม่มีความสุข จึงหาหนทางแก้ไข โดยรณรงค์ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้ความร่วมมือของบ้าน วัด โรงเรียน (บวร)
ทั้งนี้ปัจจัยควาสำเร็จที่สำคัญคือความร่วมมือกันของภาคส่วนต่าง ๆ และการสื่อสารข้อมูลที่ดี เช่นมีการประชาสัมพันธ์ทุกครั้งที่มีงาน มีการประชุมกันทุกเดือนเพื่อขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะร้านค้าได้ขอให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 โดยเฉพาะการไม่ขายให้แก่ลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 20 ปีและบุคคลที่มีอาการมึนเมา รวมถึงการขายตามเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยจะมีคณะกรรมการของชุมชนในการลงพื้นที่ตรวจตราอย่างต่อเนื่อง
หลักการ บวร ของชุมชนบ้านห้วยขาน แม่บ้านจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้พ่อบ้านงดการดื่ม ส่วนโรงเรียนคณะครู จะส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา เทศกาลงานบุญต่างๆ ครูก็จะพานักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีการเยี่ยมบ้านของนักเรียน และมีโครงการพระโพธิสัตว์น้อย โดยให้เด็ก ๆ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองเพื่อขอให้เลิกเหล้า ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะลูก คือ หัวใจของพ่อแม่ บางครั้งลูกก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตพ่อแม่ได้ ในส่วนของวัด นอกจากเรื่องศีล 5 แล้ว ท่านเจ้าอาวาสจะเทศนาธรรมโดยสอดแทรกเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพเข้าไปด้วย ชุมชนบ้านห้วยขาน ยึดหลักศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างเหนียวแน่น ผู้คนในชุมชนต่างให้ความร่วมมือในการรักษาศีล จนได้รับรางวัลหมู่บ้านรักษาศีล 5 ระดับประเทศ ปี 2565
นายอมร ศรีจระกูล กำนันตำบลผาบ่อง กล่าวว่า ในตำบลเรามี 12 หมู่บ้าน มีกลุ่มชาติพันธุ์ทั้ง ไทใหญ่ กะเหรี่ยง ปกาเกญอ ศาสนามีทั้งคริสต์และพุทธ จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมจึงนำมาเป็นจุดขายด้วยการส่งเสริมให้ชุมชนบ้านผาบ่องเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เมื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงไม่อยากให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตานักท่องเที่ยว จึงเริ่มรณรงค์งานประเพณีปลอดเหล้าโดยการสนับสนุนของเครือข่ายงดเหล้า ตั้งแต่ปี 2554 ใช้เวลา 5 ปีจึงสำเร็จ จนกระทั่งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ในปี 2561
เทคนิคสำคัญในการสร้างความร่วมมือของชุมชนบ้านผาบ่องคือการทำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการหลักการ บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ชี้ให้ลูกบ้านเห็นถึงงบประมาณในการจัดงานถ้าไม่มีเหล้าจะลดลงไปเหลือหลักพันบาท แต่เดิมถ้ามีการเลี้ยงเหล้าต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นบาท บางครั้งเจ้าภาพต้องไปกู้ยืมเงินมาจัดงาน นอกจากนี้ได้ทำให้ชุมชนเห็นร่วมกันว่างานบุญไม่ควรมีเหตุทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุและความสูญเสียต่างๆ
ผลการดำเนินงานทำให้ภาพลักษณ์หมู่บ้านดีขึ้น นักท่องเที่ยวก็อยากมา เศรษฐกิจชุมชนดีขึ้น นอกจากนี้ทำให้คนในชุมชนให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเริ่มแรกให้ความร่วมมือเพียงร้อยละ 60 และเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะชุมชนเห็นผลมีประโยชน์ จากนั้นได้นำโมเดลความสำเร็จหมู่บ้านหนึ่งไปขยายผลต่ออีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งปรับให้เข้ากับบริบทของแต่ละหมู่บ้าน โดยมีผู้นำชุมชนที่ดำเนินการสำเร็จไปพูดคุยเพื่อให้ความรู้เรื่องแนวคิดและวิธีการแก่ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านอื่น ๆ จนทำให้งานบุญประเพณีทั้งหมดของตำบลผาบ่องเป็นประเพณีปลอดเหล้า
นางเทพินท์ พงษ์วดี ประธานสภาวัฒนธรรม ตำบลจองคำ หรือ คุณแม่เทพินท์ หนึ่งบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนให้ตำบลจองคำเป็นต้นแบบของสังคมเมืองที่สามารถจัดงานประเพณีปลอดเหล้ามานานกว่า 10 ปี เริ่มต้นจากการขับเคลื่อนงานปอยส่างลองปลอดเหล้า งานบวชสามเณรของชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมอันงดงามที่นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลเข้ามาชมในทุกปี และสามารถขยายไปสู่งานบุญประเพณีปลอดเหล้าทั้งหมดของตำบลจองคำ คุณแม่เทพินท์กล่าวถึงปัจจัยความสำเร็จของการเคลื่อนงานลดเหล้าในชุมชนคือ ผู้นำต้องเป็นหลักที่เข้มแข็งให้กับคนชุมชน มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาเพื่อให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยทำงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งพัฒนาสังคม วัฒนธรรมจังหวัดเทศบาลเมือง ปกครองท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน ฯลฯ
ทั้งนี้ การดำเนินการใดๆ ผู้นำชุมชนต้องประเมินก่อนว่าจะก่อเกิดประโยชน์กับทั้งคนในชุมชนและสังคมโดยรวม ก่อนนี้ชุมชนป๊อกกาดเก่ามีการทะเลาะวิวาทกันตั้งแต่หัวตลาดจนถึงท้ายตลาด ส่วนใหญ่สาเหตุหลักมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ จึงใช้แนวทางของ บวร เข้ามาร่วมด้วย พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อครอบครัว เช่น การที่พ่อแม่ทะเลาะกันจะทำให้ลูกขาดความอบอุ่น รวมถึงไม่มีเงินเก็บเพราะหมดไปกับค่าเหล้า ผู้นำต้องใช้ความจริงใจในการเข้าไปพูดคุยเพื่อให้คนในชุมชนเข้าใจ เจ้าอาวาสยังเข้ามาช่วยในการโน้มน้าวจิตใจให้ชาวบ้านเลิกเหล้า
โดยการดำเนินงานต้องใช้เวลา แต่เมื่อเกิดผลสำเร็จ ชุมชนจะสงบร่มเย็น มีระเบียบในการอยู่ร่วมกัน คนในชุมชนใกล้ชิดกันมากขึ้น จากเดิมที่ต่างคนต่างอยู่ ปัจจุบันทุกคนในชุมชนต่างมาร่วมทุกกิจกรรมของชุมชน นอกจากนี้การจัดการชุมชนยังส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้เพิ่ม โดยเปิดตลาดกองจู้เพื่อเป็นพื้นที่ขายสินค้าให้กับชาวไทใหญ่ ซึ่งในตลาดจะมีเวทีแสดงวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมชนเผ่าไทใหญ่และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนด้วย