ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีการดูแลด้านสุขภาพที่ดี มีความมั่นคงทางสุขภาพสะท้อนจาก Global Health Security(GHS) Index 2021 ซึ่งในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ประเทศไทยอยู่ในอันดับ ๑ ของเอเชีย และเป็นอันดับ ๕ ของโลก เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดดีขึ้น รวมถึงมีการเปิดประเทศในปี ๒๕๖๕ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านสุขภาพเดินทางเข้ามาในประเทศ ในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
โดยคาดว่าในปี 2566 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น 22 ล้านคน รวมทั้งรายได้ด้านบริการสุขภาพ Wellness จะมีอัตราเติบโต 2.5 หมื่นล้าน (ที่มา :ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ TTB Analytics) ประกอบกับประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมีเวชศาสตร์ชะลอวัยสามารถชะลอความแก่ได้ นอกจากสภาพร่างกายแล้วจะต้องดูแลสุขภาพ ทั้งร่างกายและจิตใจไม่ให้เสื่อมสภาพ
พัฒนาบุคลากรรองรับ Wellness
“ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยจึงมีโอกาสเติบโตอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการให้ความสนใจที่จะขับเคลื่อนเข้าสู่บริการสุขภาพ และมีความต้องการบุคลากรผู้ให้บริการด้านสุขภาพเป็นจำนวนมาก”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้ลงนามความร่วมมือกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจการพาณิชย์ (IBERD) โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรมว.กระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธี และมีผศ.ดร. ณยศ คุรุกิจโกศล รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการเขตพัฒนาพิเศษ และคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ประธานหอการค้า จากจังหวัดชลบุรี ระยอง และ จันบุรี นายกสมาคมสปาและเวลเนสภาคตะวันออก นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรมว.กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานมีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยเฉพาะท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนั้น ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่า ประเทศ ไทยมีความเข้มแข็งทางด้านการดูแลสุขภาพเป็นองค์รวม ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านสมุนไพรไทย ที่ทรงคุณค่า จนโหวตให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะผลิตบุคลากรด้านดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับ นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สำหรับการส่งเสริมศาสตร์นวดไทยเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ทรงพลัง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล เป็นเรื่องที่จะต้องส่งเสริม และสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ให้อยากเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย และได้สัมผัสการนวดไทย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานในภาคธุรกิจบริการ ยกระดับมาตรฐานฝีมือนวดไทยไปสู่ระดับโลก จะช่วยให้คนไทยมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดี
“การยกระดับอุตสาหกรรมบริการ Wellness ของประเทศนั้น ปัจจัยสำคัญที่สุดคือการพัฒนาบุคลากร ให้มีความรู้ความเป็นมืออาชีพ มีคุณภาพมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรด้านบริการสุขภาพจึงมุ่งเน้นความเป็นเลิศทั้งด้านความรู้ และมาตรฐานด้านทักษะ และความเป็นมืออาชีพในการให้บริการ จึงมุ่งการเรียนรู้โดยการฝึกอบรมทั้งในห้องเรียน และการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบกิจการ เพื่อให้บุคลากรมีความพร้อมทำงาน กระทรวงแรงงานยินดีให้ความร่วมมือสนับสนุนในการที่จะช่วยกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น มีงานทำ มีรายได้ที่ดีขึ้น อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ” นายสุรชัย กล่าว
ม.บูรพา พร้อมต่อยอดสร้างอาชีพสู่ความมั่นคง ยั่งยืน
ในส่วนของ มหาวิทยาลัยบูรพา ผศ.ดร.ณยศ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มีการเปิดหลักสูตร และสาขา ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลิตบัณฑิตที่หลากหลาย ตอบสนองทักษะงานแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21 ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ ดูแล ป้องกัน จนถึงการรักษา ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย และแผนปัจจุบัน ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นจังหวะก้าวสำคัญที่จะพัฒนากำลังคนที่มีศักยภาพ รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ประเทศไทยเป็นเป้าหมายลำดับต้น ๆ ของการเดินทางมาท่องเที่ยว ภายหลังจากวิกฤตโควิดผ่านพ้น
ขณะที่เจ้าภาพของงานนี้ คือ ผศ.ดร.มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ก็มองว่า คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นแหล่งผลิตบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีความโดดเด่นทางด้านศาสตร์เวลเนส โดยได้ทำการจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพทั้งในระดับปริญญาตรี โท และ เอก เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการแพทย์ (medical hub) ในภาคตะวันออก
ความร่วมมือในครั้งนี้ ยังนำไปสู่การพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทย โดยจะมีการเปิดอบรมหลักสูตร “นวัตกรรมการนวดไร้ระบมและเสริมภูมิคุ้มกัน” ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ถูกพัฒนาโดยนายมงคล ศริวัฒน์ ที่ได้พัฒนาจากการศึกษาวิจัยและใช้รักษาผ็ป่วยมากว่า 20 ปี นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานศาสตร์ของพลังชี่ (chi) ของมวยไทเก็กเข้าด้วย และนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแพทย์ตะวันตกตอบเพื่อการรักษาและการให้บริการที่ตอบโจทย์ตลาดผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่ต้องการการบำบัดรักษาด้วยการนวดแบบไม่เจ็บปวดทรมาน
“โดยศาสตร์การนวด มงคลเทอราปี จะเปิดการอบรมในเดือนมีนาคม 2566 นี้ ผู้เข้าอบรมจะสามารถต่อยอดทักษะฝีมือ เพิ่มมูลค่าในอาชีพ มีความมั่นคงทางรายได้ ตอบโจทย์การให้บริการเฉพาะกลุ่มได้เป็นอย่างดี” ดร. มารุต กล่าว
IBERD ชี้วิกฤตโควิด ดันธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทยเติบโต
ส่วนนางนที ชวนสนิท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจการพาณิชย์ (IBERD) กล่าวว่า สถาบัน IBERD เป็นองค์กรอิสระ ไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาส่งเสริม งานวิจัยเชิงนโยบาย และการพัฒนาด้านเศรษฐกิจการพาณิชย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การริเริ่มโครงการ กิจกรรมพัฒนาส่งเสริมศักยภาพบุคลากร ด้านการส่งเสริมโครงการพัฒนา Thailand Global Health and Wellness Destinations เพื่อรองรับ ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทั่วโลกให้ความสนใจด้านสุขอนามัยและสุขภาพมากขึ้น
“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถต่อยอดทางการตลาด ทั้งด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และนวัตกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เป็น Global Wellness ในระดับสากล ตั้งแต่การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานที่พัก มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ พัฒนาบุคลากรในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั้งระบบเพื่อให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และต่อยอดความเป็นไทย โดยได้รับการฝึกอบรมหลักสูตรขั้นสูง จากหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาที่มีสาขาสหเวชศาสตร์การแพทย์บูรณาการ ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพา ตอบโจทย์การต่อยอดไปสู่เป้าหมายดังกล่าว และสามารถพัฒนากำลังคนรองรับได้อย่างยั่งยืน” ผู้อำนวยการ IBERD กล่าว
นวดไร้ระบม บูรณาการ “จับเส้นไทย” และ “ไทเก๊กของจีน”
ขณะที่ผู้คิดค้นศาสตร์ มงคลไทย เทอราปี (Mongkol Thai Therapy) นายมงคล ศริวัฒน์ ก็บอกว่า ตนได้ศึกษาและวิจัยงานนวัตกรรมนวดไทยมากว่า 20 ปี และเป็นผู้พัฒนาและคิดค้น “ศาสตร์มงคลไทย เทราปี” หรือ ที่เรียกกันโดยศัพท์ชาวบ้านว่า “นวดไร้ระบม” ซึ่งเป็นการนวดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่จากการบูรณาการระหว่าง ศาสตร์นวดจับเส้นของไทย กับการใช้พลัง ชี่ (Chi) ของมวยไทเก๊กของจีน เป็นการกระตุ้นเส้นโดยไม่ทำร้ายผิวหนังและชั้นเนื้อ ลด เลิกอาการช้ำ ระบม เพิ่มผลในการรักษา ฟื้นฟูเส้น กระตุ้นเส้นหลักโดยธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) โดยใช้พลังจากภายในและลมหายใจ นอกจากนี้ยังได้ผลิตนักนวดบำบัดมาหลายรุ่น โดยรับสอนเฉพาะผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรนวดมาแล้ว เพื่อต่อยอดทักษะในการประกอบวิชาชีพต่อไป
“นวดไร้ระบม เป็นการนวดที่เพิ่มมูลค่าทางการตลาด และตรงความต้องการของลูกค้า ที่ไม่สร้างอาการปวดระบมที่เป็นผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็น อีกทั้งสามารถรักษาโรคเส้นที่ลูกค้าปวดทรมานอยู่ให้หายไปได้ ปัจจุบันมีการขยายโปรแกรมการนวดสู่ สปาเพื่อการรักษาซึ่งสามารถทำราคาค่าบริการได้สูงกว่าสปาทั่วไป และสามารถขยายการให้บริการไปสู่การนวดดูแลผู้สูงอายุตามความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน ที่ยังขาดนักนวดบำบัดบนวิถีนวดไร้ระบมอีกจำนวนมาก” นายมงคล กล่าว
รายละเอียดหลักสูตรนวดไร้ระบม
สำหรับหลักสูตรการนวดไร้ระบมนั้น ผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนถึง 3 หลักสูตรได้แก่ หลักสูตรที่ 1 นวัตกรรมการนวดไร้ระบมและเสริมภูมิคุ้มกันระดับที่ 1 อบรม 7 หัวข้อ ได้แก่ การช่วยชีวิต (CPR) บุคลิกภาพนักบำบัดฟื้นฟูด้านการนวด จิตกับวิสุทธิ์ชีพหัตเวช ฟื้นฐานนวดผสานพลังชี่ระดับ 1-3 หลักสูตรที่ 2 นวัตกรรมการนวดไร้ระบมและเสริมภูมิคุ้มกันระดับ 2 อบรมใน 8 หัวข้อได้แก่ ปฏิบัติการ ultrasound imagine ในการดูกล้ามเนื้อก่อนและหลังนวด การฟื้นฟูสุขภาพ การนวดฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุ การนวดฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต การนวดฟื้นสุขภาพผู้ป่วยโรคหัวใจ นวดน้ำมันรีดเส้น นวดแป้งปรับสมดุล และนวดหน้า 4 ทิศ หลักสูตรที่ 3 นวัตกรรมการนวดไร้ระบมและเสริมภูมิคุ้มกันระดับ 3 โดยมีหัวข้ออบรม 6 หัวข้อได้แก่ คลื่นสมองกับการนวด การนวดหน้าพลังชี่ นวดศรีษะชะลอความเสื่อมสมอง นวดฟื้นฟูตา ภาษาเพื่ออาชีพ และการฝึกภาคสนาม
ส่วนคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมอบรมนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีพื้นฐานการนวดมาก่อน ผู้สนใจเข้ารับการอบรม สามารถ ติดต่อสอบถามได้ที่ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา หรือที่เบอร์ 081-996-4070
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
