ชาวฝั่งธนเตรียมท้องให้พร้อม...กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดงาน ‘ช็อป ชิม เพลิน เดินชิลล์ Food Truck & SME’ มหกรรมฟู้ดทรัคที่น่าเดินที่สุดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี กระตุ้นธุรกิจฟู้ดทรัคให้ฟื้นคืนชีพ หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวฟื้นตัว ชาวต่างชาติทยอยเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง พร้อมต้อนรับนักชิมที่ชื่นชอบการ ลิ้มรสอาหารสไตล์ฟู้ดทรัค - สตรีทฟู้ด งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ริเวอร์ พาร์ค ชั้น G ไอคอนสยาม สุดฟิน!! ทานอาหารพร้อมช็อปปิ้งท่ามกลางบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านเศรษฐกิจ... กูรูคาด!! ปี 2566 ธุรกิจฟู้ดทรัคขยายตัว 10 - 15% ดันรถฟู้ดทรัคไทยทะลุ 3,300 คัน กระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ต่ำกว่า 3,600 ล้านบาท
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน ช็อป ชิม เพลิน เดินชิลล์ Food Truck & SME ณ ริเวอร์ พาร์ค ชั้น G ไอคอนสยาม ว่า “ระหว่างวันพุธที่ 22 - วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ ไอคอนสยาม และ กลุ่มผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ร่วมกันจัดงาน ‘ช็อป ชิม เพลิน เดินชิลล์ Food Truck & SME’ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและกระตุ้นธุรกิจฟู้ดทรัคของไทยให้ฟื้นคืนชีพ หลังการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ โดยชาวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ไฮไลท์ของงานอยู่ที่การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคและเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เนื่องจากพบว่า จุดอ่อนหรือเพนพอยท์สำคัญของธุรกิจฟู้ดทรัคและเอสเอ็มอี คือ การขาดสภาพคล่องทางการเงินและเงินทุนหมนุเวียนที่ใช้ในการต่อยอดธุรกิจ รวมทั้ง ประสบปัญหาในการขอสินเชื่อเพื่อออกรถฟู้ดทรัคคันใหม่ กรมฯ จึงได้เชิญสถาบันการเงิน 5 แห่ง เข้าร่วมงานฯ ประกอบด้วย ธ.กรุงไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.ออมสิน ธ.ทหารไทยธนชาต และ ธ.ยูโอบี มาให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ การจัดทำแผนธุรกิจประกอบการขอสินเชื่อ การสร้างเครดิตที่ดีแก่ธุรกิจ และพิเศษเหนือใคร คือ การพิจารณาสินเชื่อเป็นกรณีพิเศษแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งทุนตามความเหมาะสม ขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมงานทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปก็สามารถขอคำปรึกษาและวางแผนการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงานได้ฟรี!! โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถเข้ารับคำปรึกษาแนะนำในการประเมินราคาทรัพย์สินที่จะมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจจากทีมนักประเมินราคาจากสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทยอีกด้วย
อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการฟู้ดทรัคของไทยให้มีพื้นที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เปิดตลาดสินค้าเพื่อสร้างความรับรู้และจดจำแบรนด์แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะนักชิมที่ชื่นชอบการลิ้มรสอาหารสไตล์ฟู้ดทรัคและสตรีทฟู้ด หวังผลให้เกิดการบอกต่อและกลับมาซื้ออาหารและเครื่องดื่มซ้ำอย่างต่อเนื่อง สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการและธุรกิจฟู้ดทรัคระยะยาว ภายในงาน ยังได้นำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาจำหน่ายสินค้าพรีเมียมราคาพิเศษแก่ผู้เข้าร่วมงาน เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน เครื่องจักรสาน อาหารและขนม ของดีประจำจังหวัด ฯลฯ เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์และขยายตลาดให้ผู้ประกอบการชุมชนอีกทางหนึ่ง
การจัดงานฟู้ดทรัคครั้งนี้ นับเป็นมหกรรมฟู้ดทรัคที่น่าเดินที่สุดแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี โดยรวบรวมผู้ประกอบการฟู้ดทรัคของไทยกว่า 65 ร้านค้า มาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายสไตล์ให้นักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ ประกอบด้วย อาหารไทย อาหารอินเตอร์ อาหารว่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม โดยผู้ประกอบการทั้ง 65 ร้านค้า จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้บริการตลอดการจัดงานทั้ง 5 วัน (วันละ 20 ร้านค้า) เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับมิติใหม่ของการทานอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ซ้ำแบบเดิมๆ
อาจารย์ญาณเดช ศิรินุกูลชร ประธาน TBIC Food Truck Thailand วิเคราะห์สถานการณ์ของธุรกิจรถอาหารเคลื่อนที่ หรือ ฟู้ดทรัค ในปี 2566 โดยรวมมีแนวโน้มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงต้นปีและช่วงเทศกาลสำคัญๆ ที่งานอีเว้นท์และพื้นที่ตลาดมีความต้องการให้รถฟู้ดทรัคมาจอดขายในพื้นที่จำนวนมาก อีกทั้ง สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศภาพรวมดีขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนทยอยเดินทางเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง บวกกับแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าปี 2566 การขยายของธุรกิจฟู้ดทรัคจะกลับมาเติบโตร้อยละ 10 - 15 โดยประมาณการรถฟู้ดทรัคในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,300 คัน (ปี 2564 มีรถฟู้ดทรัคในไทยประมาณ 2,800 คัน ปี 2565 มีประมาณ 3,000 คัน) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเงินหมุนเวียนจากการขายอาหาร/เครื่องดื่มภายในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 3,600 ล้านบาท
โดยฟู้ดทรัคในไทยมีสัดส่วนแบ่งตามประเภทรถ ได้ดังนี้ รถกระบะ ร้อยละ 86 รถคลาสสิค ร้อยละ 6 รถเทรลเลอร์ ร้อยละ 4 รถสามล้อ ร้อยละ 2 และ รถอื่นๆ ร้อยละ 2 และมีสัดส่วนของประเภทสินค้า ดังนี้ เครื่องดื่ม ร้อยละ 25 อาหารอินเตอร์ ร้อยละ 23 อาหารไทย ร้อยละ 22 อาหารว่าง ร้อยละ 15 และ ของหวาน ร้อยละ 15
ทั้งนี้ กรมฯ ยังคงร่วมมือกับพันธมิตรเดินหน้าแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ทั้งเรื่องการเพิ่มประสบการณ์ด้านการขายและขยายฐานลูกค้า การเพิ่มยอดขายแม้ผลกำไรจะลดลงบ้างเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เพิ่มองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจและขยายกิจการ โดยส่งเสริมและผลักดันธุรกิจฟู้ดทรัคเป็นหลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการ สร้างความมั่นใจช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินในการพิจารณารับ ‘ธุรกิจฟู้ดทรัค’ เป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีเพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เบื้องต้น สถาบันการเงินรายย่อย มีการรับกิจการมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2566) จำนวน 9,555 สัญญา มูลค่ารวม 1,396 ล้านบาท
ขอเชิญชวนผู้สนใจ นักชิมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมงาน ‘ช็อป ชิม เพลิน เดินชิลล์ Food Truck & SME’ ระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ริเวอร์ พาร์ค ชั้น G ไอคอนสยาม มหกรรมฟู้ดทรัคที่น่าเดินที่สุดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 4939 e-Mail : stro@dbd.go.th สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th