“ตำรับใหม่ที่เราพัฒนาได้นี้ ผลทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพพบว่า มันทำให้ผิวขาวขึ้นได้ มันกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ และก็อีกอย่างคือมันมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย ซึ่งพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว”
งานวันนักประดิษฐ์ ปี 2566 ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พบกับ รองศาสตราจารย์ ดร.กรวินท์วิชญ์ บุญพิสุทธินันท์ จากหน่วยวิจัยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากภูมิปัญญาไทย (INPTW) คณะการแพทย์บูรณาการ (MI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ศูนย์รังสิต (RMUTT) ซึ่งได้นำผลงานที่ชนะเลิศการประกวดจากเวทีระดับนานาชาติมาร่วมจัดแสดงอยู่ภายในงานด้วย ชื่อนวัตกรรม “ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไวท์เทนนิ่งจากสารสกัดเปลือกสับปะรดและจากน้ำมะนาว” โดยอาจารย์บอกว่างานวิจัยนี้ทำร่วมกับสหกรณ์การเกษตรสบปราบ จ.ลำปาง สืบเนื่องจากปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ ซึ่งได้แก่ สับปะรดและมะนาว พืชเศรษฐกิจท้องถิ่นที่เกษตรกรอยากจะหาวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาร่วมกันครั้งนี้ได้เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มมูลค่า พืชเศรษฐกิจที่ราคาตกต่ำ แต่ยังสร้างงานสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย
“ส่วนมากไวท์เทนนิ่ง กับแอนตี้ เอจจิ้ง มันเป็นที่ต้องการในตลาดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอะไรเขียนว่า ไวท์เทนนิ่งทำให้หน้าขาวใส ลดริ้วรอย ชะลอวัย อะไรอย่างเงี้ยมันขายได้ในตลาดบ้านเราอยู่แล้ว และก็ในตลาดเอเชียด้วยนะครับ เขาจะชอบเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาว” อาจารย์กรวินท์วิชญ์บอกอีกว่าหลังจากได้เข้าไปคุยกับทางสหกรณ์การเกษตรสบปราบทำให้ได้ทราบถึงปัญหาและความต้องการในการที่จะพัฒนา “เขาก็บอกว่าตอนนี้เขามี “สับปะรด” เขาปลูกสับปะรดเยอะ เขาปลูก “มะนาว” เยอะในชุมชนนั้น แถวสบปราบตรงนั้น ก็มีพืช 2 ตัวนี้ค่อนข้างเยอะเลย แล้วทีนี้เยอะแล้วยังไง? เขาบอกว่าขายไม่หมด ราคามันตก บางทีก็มีพืชตกเกรดด้วย ขายไม่ได้ก็มี มะนาวบางฤดูมันแพง แต่บางฤดูก็ถูกมาก ก็เลยอยากเอาพืช 2 ชนิดนี้มาทำ แต่ทีนี้ เราก็ไม่รู้ว่าเอาแค่สับปะรดมาทำ หรือเอามะนาวมาทำเดี่ยว ๆ เนี่ย มันก็พอมีผลิตภัณฑ์อยู่แล้วบ้างในท้องตลาด มะนาวตัวนี้มันเป็นพืชคอมมอนฯ มากเลย ทีนี้เราจะทำยังไงให้มันแบบมีความพิเศษ”
สารสกัด “ไวท์เทนนิ่ง” จากพืชเศรษฐกิจไทย
โดยช่วงแรกของการทำงานวิจัย นำพืชทั้ง 2 ชนิด “มะนาว” และ “สับปะรด” มาผสมกันเพื่อจะหา “ตำรับ” ขึ้นมาใหม่ ว่าสัดส่วนไหนที่มันดีที่สุด โดสไหนที่มันเห็นผลดีที่สุด หรือโดสไหนที่มันปลอดภัยที่สุด จนกระทั่งได้ “สัดส่วน” ที่ดีที่สุด ได้วิธีการสกัดที่ดีที่สุด แล้วลองไปทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพดู พบว่ามันทำให้ขาวได้ มันกระตุ้นการสร้าง “คอลลาเจน” ได้ และก็อีกอย่างหนึ่งคือมันมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งพวกนี้มันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของความสวยความงามอยู่แล้ว จากนั้นนำไปทดสอบ “ความเป็นพิษ”ด้วยก็ไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ผิวหนังที่เราจะเอามาใช้ด้วย เพราะฉะนั้นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ว่า ปลอดภัยจริง จากนั้นก็นำสารสกัดที่ได้มาพัฒนาเป็น “ผลิตภัณฑ์” ของสหกรณ์การเกษตรสบปราบ
“ไวท์เทนนิ่ง(Whitening) มันจะมีอยู่ 4 ประเภทครับ อะไรบ้างที่ถือว่าเป็นไวท์เทนนิ่ง อันดับแรก...พวกแป้ง แป้งที่เป็นเอาไว้ทาผิวธรรมดาเนี่ยก็ถือว่าเป็น ไวท์เทนนิ่ง เพราะมันทำให้หน้าดูขาวกระจ่างใสขึ้น แป้งที่มันเคลือบบนใบหน้าธรรมดาหรือว่าครีมกันแดดที่ทาไปแล้ว ทำให้หน้าขาว ๆ หน้าวอกๆ หรือบีบี พวกนี้ก็ถือว่าเป็น ไวท์เทนนิ่งชนิดที่เป็นแป้ง แต่ชนิดนี้ไม่ค่อยเวิร์กครับ เพราะมันก็เป็นแค่การเคลือบไวท์เทนนิ่ง เขาก็ทำบ้างแต่ส่วนมากมาใช้เป็นเมกอัพ ล้างไปก็ออก
อันที่สอง...คือตัวฟอก หรือที่เขาเรียกว่าตัวบีชชิ่ง เป็นตัวฟอกผิว เป็นการฟอก การฟอกก็คือ ผิวเรามันจะมีพวกเม็ดเมลานินมีอะไรอยู่ เราใช้สารเหมือนสารฟอกขาวอย่างเงี้ยครับ มันก็จะสามารถฟอกหน้าได้ ฟอกได้ก็ขาวได้ แต่! หน้าจะบางมากแล้วก็ คนที่ผิวแพ้ง่ายหมดสิทธิ์ใช้เลย ใช้ปุ๊บหน้าเยินเลย อันนี้ไม่ได้แน่ ๆ แต่ว่าของหมอบางทีเขาก็อาจจะมีการใช้บ้างในเชิงคลินิก แต่ว่าอยู่ในการดูแลของหมอเท่านั้น ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไม่ควรจะอยู่ในเครื่องสำอางทั่วไป
กลุ่มที่สาม...ก็คือพวกกลุ่มขัดเซลล์ผิว ก็จะเป็น AHA หรือ DHA พวกกรดผลไม้ต่าง ๆ พวกนี้จะอ่อนโยนกว่ากลุ่มที่สอง มันจะค่อย ๆ ขัดเซลล์ผิวออก ค่อย ๆ ขัดเซลล์ผิวไปทีละนิดๆ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นที่เราใช้ ในเครื่องสำอางที่เราใช้ทั่วไป ความเข้มข้นจะไม่ค่อยสูงมาก มันจะค่อย ๆ ขัดไป แต่ถ้าเราไปที่คลินิกเสริมความงาม หมอเขาจะใช้ความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง มันจะขัดได้เร็วกว่า แต่ก็อันตราย มันก็เลยต้องอยู่ในความดูแลของหมอ เราไม่สามารถเอาแบบนั้นออกมาใช้ข้างนอกได้ ข้อดีมันหน้าขาวกระจ่างใส แต่ข้อเสียก็คือ หน้าจะค่อนข้างบางลง เพราะมันถูกขัดออกไปเอาออกไปทีละครั้งสองครั้งหน้าก็จะบางลง หน้าบางลงเป็นยังไง ถ้าเราไม่ดูแล เราไปเจอแสงแดดเราจะดำกว่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องใส่กันแดดในช่วงที่ใช้เครื่องสำอางประเภทนี้
อันที่4....อันนี้แหละเป็นกลไกที่เขาใช้กันขีดสุดแล้วอันนี้ ก็คือดูถึงกลไกการสร้างเม็ดสีเมลานิน(Melanin) เลยอันนี้มันจะลึกในระดับเซลล์เลย ก็คือมันจะมีเอนไซม์ตัวหนึ่งที่เรียกว่า เอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) เอนไซม์ตัวนี้เป็นเอนไซม์หลักเลยในการสร้างเม็ดสีเมลานิน ถ้าเอนไซม์ตัวนี้ทำงานเยอะ ทำให้สีผิวเราเข้มขึ้น มันจะสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น ทำยังไงก็ได้ให้เอนไซม์ตัวนี้มันไม่ทำงาน มันก็จะต้องเอาสารไปกดการทำงานของเอนไซม์ตัวนี้ เพื่อที่จะทำให้เม็ดสีมันน้อยลง แล้วอะไรล่ะที่สามารถกดเอนไซม์ตัวนี้ได้บ้าง เอาที่เรารู้จักกันเลย วิตามินซี กลูตาไธโอน อาบูติน พวกนี้ลดได้หมดเลย ไม่เกี่ยวข้องกับการขัดเซลล์ผิวเลย มันซึมลงผิวเข้าไปปุ๊บ มันก็จะทำให้เซลล์เมลาโนไซต์ที่ผลิตเมลานินเนี่ย ผลิตได้น้อยลง ๆ หน้าเราก็ขาวกระจ่างใสขึ้น แล้วปลอดภัยกว่าทุกชนิดที่กล่าวมา”
และศาสตร์ทางธรรมชาติของเรามีเยอะแยะเลย พืชธรรมชาติของไทยมีเยอะแยะเลยที่มีฤทธิ์ตรงนี้ ฤทธิ์มาก ฤทธิ์น้อย ขึ้นอยู่กับสมุนไพรชนิดนั้น ๆ อย่างเช่น มะหาด ก็เป็นตัวหนึ่งที่มีกลไกชอบเอนไซม์ไทโรซิเนสตัวนี้ ก็ทำให้ผิวขาวได้ มะหาดก็ทำให้ผิวขาวได้ ชะเอมเทศ ก็ทำให้ผิวขาวได้ ใบบัวบก ก็ทำให้ผิวขาวได้ เช่นเดียวกัน สับปะรดกับมะนาว ก็ทำให้ผิวขาวได้
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากไวท์เทนนิ่ง
รศ.ดร.กรวินท์วิชญ์ ยังบอกด้วย ถ้าเอา “สารสกัด” ที่ได้จากการพัฒนาตำรับใหม่นี้ มันก็จะเข้ากลไกที่ 4 ของ “ไวท์เทนนิ่ง” ตามที่กล่าวมา “แล้วก็วัตถุดิบที่เราใช้ก็ปลอดภัยแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้น อย. ก็คงไม่อนุมัติ หนึ่งปลอดภัยแน่นอน สองก็พยายามเลือกใช้แต่ส่วนประกอบที่ค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิว บางทีปลอดภัยแต่ไม่ได้อ่อนโยนต่อผิว ก็ขึ้น อย.ได้ แต่เราก็จะเลือกพยายามเลือกใช้สิ่งที่มันอ่อนโยนขึ้น เพราะสิ่งที่มันอ่อนโยนราคามันสูงขึ้นนะครับ ต้นทุนมันสูงขึ้น แต่ยังไงก็ตาม คือเนื่องจากสหกรณ์ฯเวลาเขาวางตามตลาด เขาก็คงไปสู้เจ้าใหญ่ ๆ เจ้าดัง ๆ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นราคาเขาก็คงจะไปสู้ราคากับเจ้าใหญ่ ๆ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาต้องทำของดีและก็ของที่ค่อนข้างแตกต่าง ราคาอาจจะสูงขึ้นมาหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่ได้ว่าสูงเกินกว่าเจ้าใหญ่ แต่ก็ได้ของที่มีคุณภาพมากกว่า”
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่งานวิจัยนี้ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก iTAP สวทช. ด้วยมีการพัฒนาให้กับทางสหกรณ์การเกษตรสบปราบ ได้แก่ โลชั่น, เซรั่ม, สบู่ และเอจเซ้นต์บำรุงผิวหน้า ซึ่งทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์นี้จะมี “สารสกัด” ที่เป็นตำรับ “สับปะรดและมะนาว” รวมกันอยู่ในนั้น ปัจจุบันทางสหกรณ์การเกษตรสบปราบ จ.ลำปาง ได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากไวท์เทนนิ่งฯ ผ่านช่องทางการตลาดของสหกรณ์เองมานานกว่า 1 ปีแล้ว นอกจากนี้เพื่อเป็นการการันตีถึงคุณภาพซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางด้วย “รางวัลเหรียญทอง” จากเวทีการประกวดนวัตกรรมใหญ่ ๆ ทั้งในระดับนานาชาติมาแล้วหลายรางวัลด้วย
“ไปประกวดตอนแรกก็คิดว่ามันจะเป็นนวัตกรรมไหม? ถ้าเขาคิดว่ามันเป็นแค่แบบสับปะรดกับมะนาว ซึ่งเป็นพืชแบบคอมมอนมากไม่น่าจะแบบคงได้รางวัลแหละ เพราะเรามีผลิตภัณฑ์แต่ไม่คิดว่าจะได้รางวัลสูง ๆ หน่อย เท่าที่ทำมาทั้งหมดรางวัลที่ได้มีที่ มาเลเซีย ไต้หวัน และก็มีในไทยด้วยเป็นงานที่พัทยา ก็ปรากฏได้ “เหรียญทอง”หมดเลยทุกเวที และก็ได้รางวัลยอดเยี่ยมมาอะไรอย่างเงี้ยครับ ซึ่งค่อนข้างแปลก ผมคิดว่าอย่างที่มาเลเซีย กับที่ไต้หวัน เขามองถึงเรื่องการเพิ่มมูลค่าของพืช 2 ตัวนี้เพราะว่าบ้านเขาก็มี อย่างไต้หวันเขาจะมีเค้กสับปะรดมีอะไรที่เป็นไส้สับปะรด ที่เป็นของดังของส่งออกของเขา เขามีสับปะรดเยอะแยะมากเลย แต่เขาก็ยังไม่ซึ่งอันนี้มันเป็นไอเดียใหม่ที่จะทำให้ เขาอาจจะไปพัฒนาของเขาเองได้ อะไรเงี้ยครับเขาก็เลยค่อนข้างว้าว! กับตัวนี้ว่าเอ๊ะเราคิดได้อย่างไร ทำได้อย่างไร แล้วเราเอาไปทำอะไรต่อเรามีเชิงพาณิชย์ไหม มีงานวิจัยรองรับไหม เรามีสิทธิบัตรคุ้มครองไหม อย่างเงี้ยครับเขาก็ดูหลากหลายมิติเพราะมันเป็นการประกวด แล้วมันขึ้นอยู่กับความชอบและก็คอนเซ็ปต์อะไรต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับงาน อะไรอย่างงี้ด้วยครับ ก็ถือว่าเราทำตอบโจทย์ของงานนั้นที่ทำให้ได้รับรางวัลใหญ่มาครับ”
ทั้งนี้ ผู้สนใจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยากจะลองใช้หรือผู้ประกอบการรายใดอยากจะพัฒนาสินค้าของตนเองสู่การเป็น “ผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรม” เพื่อการตอบโจทย์ตลาดที่มากขึ้น สามารถติดต่อเพื่อขอรับคำแนะนำได้ที่ โทร.090-950-1777
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *