เมื่อไม่ชอบให้รถมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์และน้ำหอมปรับอากาศในท้องตลาดก็ไม่ตอบโจทย์ ทำให้เกิดแบรนด์ “Phraphai Aroma” น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ และเป็นแบรนด์ไทยที่นำตัวละครในวรรณคดีไทยอย่างหนุมานและพระพายมาสร้างเอกลักษณ์และผสมผสานระหว่างน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นกลิ่นที่ทันสมัยเข้ากับคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
นางสาวเกตุศิณี เพ็ชรรัตน์ กรรมการ แบรนด์ Phraphai น้ำหอมในรถยนต์ พระพาย อโรม่า เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์นั้นเริ่มต้นมาจากการที่เธอและแฟนเป็นคนที่ไม่ชอบให้รถมีกลิ่น เพื่อนจึงแนะนำให้ลองหาน้ำหอมปรับอากาศในรถมาใช้ แต่เนื่องด้วยเธอและแฟนมักจะชอบในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น รวมถึงน้ำหอมปรับอากาศในท้องตลาดทั่วไปนั้นยังมีกลิ่นที่ไม่ตอบโจทย์และถูกใจเธอมากนัก ทำให้เธอและแฟนของเธอตัดสินใจสร้างแบรนด์น้ำหอมปรับอากาศในรถขึ้นมาใช้เอง โดยมีชื่อแบรนด์ว่า พระพาย Phraphai ซึ่งมีที่มาจากตัวละครในวรรณคดีไทย ซึ่งตัวพระพายนั้นเป็นพ่อของหนุมาน รวมถึงพระพายนั้นเป็นสัญลักษณ์ของธาตุลมซึ่งเป็นธาตุที่เธอและแฟนเกิด แต่เหตุผลที่ตัวแบรนด์ดิ้งเป็นหนุมานแทนพระพาย เธอให้เหตุผลว่าถ้าหากใช้เป็นตัวพระพายอาจจะทำให้คนไม่คุ้นตาและไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไหร่ ทำให้แบรนด์ดิ้งคือหนุมานนั่นเอง ปัจจุบันเปิดแบรนด์มาได้ประมาณ 3 ปี และนอกจากจะมีน้ำหอมปรับอากาศในรถแล้วนั้น ทางแบรนด์ยังมีผลิตภัณฑ์ก้านไม้ปรับอากาศเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ไอเดียในการเลือกกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศในรถนั้นทางแบรนด์จะมีการทดสอบกลิ่น ซึ่งการทดสอบกลิ่นนั้นจะไม่ทดสอบคนเดียวแต่จะทดสอบร่วมกับพาร์ทเนอร์ ช่วยกันทดสอบกลิ่น รวมถึงนำฟีดแบกที่ลูกค้าให้มาปรับใช้จนได้กลิ่นที่ตอบโจทย์ เนื่องจากหากต้องการที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ดีและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบันน้ำหอมปรับอากาศในรถของทางแบรนด์มีทั้งหมด 12 กลิ่น 2 รูปแบบ คือ 1.กลิ่นอโรม่า ที่ให้ความรู้สึกถึงน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ และ 2.กลิ่นน้ำหอม
จุดเด่นและความพิเศษของน้ำหอมปรับอากาศในรถของทางแบรนด์นั้นจะมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนผสมในทั้ง 2 รูปแบบ ซึ่งความแตกต่างจากแบรนด์อื่นคือการนำเอาธรรมชาติ มาเป็นส่วนผสมในน้ำหอมและยังคงมีกลิ่นหอมอยู่นั่นเอง อีกทั้งการผสมผสานระหว่างน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาตินั้นจะทำให้รู้สึกทันสมัยเข้ากับคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้น้ำหอมปรับอากาศในรถของทางแบรนด์ยังไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกด้วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าของทางแบรนด์นั้นในช่วงแรกที่แบรนด์เริ่มทำการตลาดได้มีการวิเคราะห์ว่าจะต้องเป็นลูกค้าที่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่พอได้ขายจริงแล้วนั้นผลปรากฎว่าสัดส่วนระหว่างผู้หญิงและผู้ชายมีอัตราส่วนที่เท่ากัน เนื่องจากกลิ่นน้ำหอมของทางแบรนด์ที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นธรรมชาติทำให้ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าผู้หญิงและผู้ชายนั่นเอง นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าจะเริ่มตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึงวัยทำงานอายุเฉลี่ยไม่เกิน 50 ปี และส่วนมากลูกค้าจะเป็นลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก ต่างจังหวัดมีประปราย
ผลตอบรับในช่วงแรกยังคงไม่เป็นที่พอใจนักเนื่องจากทำการตลาดในเพจเฟซบุ๊กเป็นช่องทางแรก ลูกค้าอาจจะยังมองไม่เห็นและยังคงไม่ได้สนใจแบรนด์สักเท่าไหร่ แต่พอได้ทำการตลาดในแอปพลิเคชั่น TikTok ก็สามารถทำให้กลุ่มลูกค้ามองเห็นผลิตภัณฑ์มากขึ้นและสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้กลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้น เกตุศิณี เพ็ชรรัตน์ เธอเล่าว่า ใช้เทคนิคการเป็นตัวเองในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า เช่นเดียวกับการเลือกกลิ่นต่างๆ ที่เธอใช้เทคนิคการทดสอบกลิ่นด้วยตัวเอง หรือแม้กระทั่งการสร้างคอนเทนต์ต่างๆ ที่นำเสนอสู่สายตาลูกค้าก็นำเสนอความเป็นตัวเองออกไปให้ลูกค้าได้สัมผัส ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามจุดประสงค์ของแบรนด์และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ ส่งผลให้เกิดยอดขายที่ดีตามมา ปัจจุบันกำลังการผลิตน้ำหอมปรับอากาศในรถของทางแบรนด์จะสามารถผลิตได้ประมาณ 30,000-50,000 ชิ้นต่อเดือน และมีการวางแผนขยายฐานกำลังผลิตให้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวซิกเนเจอร์ของทางแบรนด์คือ กลิ่น สปอร์ตคาร์ ซึ่งลูกค้ากว่า 90% ประทับใจกับกลิ่นนี้ค่อนข้างมาก ปัจจุบันน้ำหอมปรับอากาศในรถของทางแบรนด์มีทั้งหมด 1 ขนาด คือ 10 ml สามารถใช้งานได้นานประมาณ 2 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ส่วนวิธีการใช้งานจะต้องคว่ำขวดลงเพื่อให้กระจายกลิ่นได้ดี สำหรับราคาของตัวผลิตภัณฑ์นั้นในปัจจุบันมีราคาขวดละ 290 บาท และในตอนนี้ทางแบรนด์มีการจัดโปรโมชั่นซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ขวดละ 199 บาท นอกจากนี้ตั้งแต่เริ่มทำการตลาดและสร้างคอนเทนต์ใน TikTok ทำให้ทางแบรนด์สามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 20,000 ขวดต่อเดือน
อย่างไรก็ตามในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางของการผลิตไลน์สินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องหอมเพิ่มขึ้น รวมถึงกำลังวางแผนที่จะร่วมมือกับดีลเลอร์ต่างประเทศ เพื่อกระจายสินค้าออกสู่ต่างประเทศให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแบรนด์พระพายมีความเป็นไทยและนำตัวละครในวรรณคดีไทยมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการจดจำและสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ และทางแบรนด์เองก็มองว่าน่าจะตอบโจทย์ชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางแบรนด์มองประเทศแถบเอเชียและประเทศแถบยุโรปเอาไว้ โดยเริ่มจากการที่ให้ดีลเลอร์นำสินค้าไปกระจายขายในประเทศนั้นๆ เพื่อสร้างตัวตนและเป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Phraphai - พระพาย อโรม่า
: Phraphai - น้ำหอมในรถ พระพายอโรม่า
TikTok : Phraphai Aroma
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *