xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นไอเอ เผย 2 ดีพเทคสายเกษตรกับการแก้ปม “ทำเกษตรยังไงให้รุ่ง!!!” พร้อมแนวทางเทคโนโลยีเชิงลึก ก้าวสู่ตลาดโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หากถามถึงเทคโนโลยีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเกษตรไทยได้แบบก้าวกระโดด นาทีนี้คงหนีไม่พ้น “ดีพเทค” หรือเทคโนโลยีเชิงลึก วันนี้ “สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA” จึงขอพาไปเรียนรู้การทำเกษตรด้วยดีพเทคจาก 2 สตาร์ทอัพคนเก่ง ซึ่งไม่เพียงแต่เติบโตได้ในประเทศไทย แต่ยังพร้อมสยายปีกไปสู่ตลาดโกลบอลอีกด้วย

UniFAHS โซลูชันควบคุมแบคทีเรียก่อโรคในสัตว์ รายแรกของอาเซียน และผู้ชนะเลิศจากเวทีโลก

“ทีม UniFAHS” โซลูชั่นที่ต้องการให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัยจากการบริโภคเนื้อสัตว์ และช่วยปกป้องภาคธุรกิจไม่ให้เกิดความเสียหายจากการผลิตสินค้าที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย จึงคิดค้นสารเสริมชีวภาพจากแบคเทอริโอเฟจ (Bacteriophage biotechnology) ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ "SalmoGuard" ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่าในลำไส้และระบบทางเดินอาหารของสัตว์ปีก
เพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมี


คุณชลิตา วงศ์ภักดี ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ยูนิฟาร์ส จำกัด กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่มีความเฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพสูงในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความเสี่ยงการเกิดโรคท้องร่วงในห่วงโซ่อุตสาหกรรมฟาร์มสัตว์ปีกแบบครบวงจร รวมทั้งกำลังพัฒนาเพื่อขยายไปสู่การป้องกันโรคติดเชื้อชนิดอื่น เช่น โรคบิด รวมทั้งในกลุ่มสัตว์น้ำด้วย นับว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีเชิงลึกที่ผ่านงานวิจัยและพัฒนาต่อยอดให้เกิดการประยุกต์ใช้งานจนสามารถนำมาแก้ปัญหาด้านการเกษตรให้เกิดความแม่นยำ ทำให้สามารถคว้ารางวัล The Best Performance Inno4Famers 2022 Award จากการตัดสินของคณะกรรมการ และรางวัล The Popular Inno4Famers 2022 Award ที่ตัดสินจากผลการโหวตของผู้เข้าร่วมงานมาครองได้อย่างง่ายดาย

“ความเชี่ยวชาญในการคิดค้น “PHAGE TECHNOLOGY” มากกว่า 15 ปี ทำให้ทีม UniFAHS เป็นบริษัทแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถออกแบบเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาอุตสาหกรรมฟาร์มสัตว์ปีกได้เหมาะสมกับตลาดและผู้ใช้งานทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว จนได้รับรางวัลชนะเลิศด้านนวัตกรรมไบโอเทคจากเวทีการแข่งขันสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Global Finalists 2022” จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างธุรกิจให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรมและเติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืนในปี 2024 ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ NIA ที่ให้โอกาสทีม UniFAHS เข้าร่วมโครงการ Inno4Farmers ซึ่งนำไปสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายกับนักลงทุน ทั้งบริษัท มานิตย์ เจเนติกส์ จำกัด และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้พิจารณาร่วมลงทุนกับ UniFAHS จนสร้างมูลค่าตลาดในปี คศ. 2027 มากกว่า 9 หมื่นล้านบาท”


Maxflow ระบบปรับโมเลกุลน้ำด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ลดการใช้ปุ๋ยในภาคการเกษตร

คุณกฤษ แสงวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไอโฟลว์เทค จำกัด เล่าว่า เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกประสบปัญหาสภาวะสงครามที่ทำให้ราคาของปุ๋ย สารเคมี ค่าไฟ ค่าแรง และค่าเพาะเมล็ดพันธุ์ปรับสูงขึ้น บริษัทไอโฟลว์เทค จำกัด จึงคิดค้นและผลิต “MaxFlow เครื่องปรับโมเลกุลน้ำด้วยแม่เหล็ก” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้การหมุนวนของน้ำภายในท่อและการจัดเรียงแท่งแม่เหล็กด้วยเทคนิคแบบฮอลแบ็ค ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กอย่างถาวร ซึ่งเมื่อน้ำผ่านอุปกรณ์จะถูกปรับสภาพให้มีอนุภาคเล็กลง มีประสิทธิภาพและคุณภาพที่ดีเหมาะแก่การเพาะปลูก สลายแคลเซียมและแมกนีเซียมในน้ำ โดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าและสารเคมี ทำให้พืชสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วขึ้นถึงร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำที่ไม่ผ่านเครื่อง นอกจากนี้ ยังสามารลดการใช้น้ำ ใช้ปุ๋ยลง และเมล็ดพันธุ์แข็งแรงขึ้นร้อยละ 94 พร้อมทั้งเพิ่มคุณค่าอาหารในพืชอีกด้วย สำหรับอุตสาหกรรมสีเขียวช่วยละลายแคลเซียม แมกนีเซียม หินปูน สนิม สิ่งสกปรกในท่อน้ำและอุปกรณ์ที่อยู่ในน้ำกระด้างให้เปลี่ยนเป็นน้ำนุ่มได้ถึง 80% เหมาะสมต่อการดูดซึมของพืช

“NIA ช่วยสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยอย่างเราให้เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเชิงลึกด้านการเกษตรที่ได้เข้าร่วมแสดงผลงานในโครงการ Inno4Famers 2022 จนเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายกับนักลงทุน ทั้งบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (FIT) และบริษัท ทักษิณปาล์ม (2521) จำกัด โดยทีม MaxFlow นำเครื่องปรับโมเลกุลน้ำด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าไปใช้กับการเพาะปลูกทั้งแปลงข้าวโพดและเมล่อน ซึ่งผลผลิตที่ได้จากถาด Maxflow จะมีความสมบูรณ์กว่าถาดที่รดน้ำปกติมากกว่าร้อยละ 94 โตเร็วกว่า ปริมาณเยอะกว่า และสามารถเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่า ถือเป็นการเปลี่ยนระบบการเพาะปลูกในยุควิกฤตการสภาพภูมิอากาศ (climate breakdown) ที่เราต้องเร่งการปลูกและเก็บเกี่ยวให้เร็วขึ้น โดยใช้สารเคมีน้อยลงเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ส่วนเกษตรกรสามารถซื้อ MaxFlow ไปเสียบใช้ได้เอง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และการเติบโตของเมล็ดพันธุ์พืชและต้นกล้า”

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “NIA พยายามเร่งผลักดันสตาร์ทอัพเกษตรให้สามารถนำเทคโนโลยีเชิงลึกจากงานวิจัยมาพัฒนาต่อยอดเพื่อแก้ปัญหาด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเริ่มจากพัฒนาทักษะและความรู้ในการสร้างนวัตกรรมการเกษตรที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AgTech AI สำหรับเตรียมความพร้อมสู่การเป็นสตาร์ทอัพเกษตรรายใหม่ที่นำแนวคิดมาสร้างสรรค์กับเทคโนโลยี AI ให้เกิดเป็นรูปแบบธุรกิจ พร้อมด้วยโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก หรือ Inno4Farmers ในการต่อยอดเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจ พร้อมโอกาสการทำงานร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียนรู้และเข้าใจโจทย์ของภาคการเกษตรได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถนำไปต่อยอดความร่วมมือสู่การขยายธุรกิจได้จริง โดยจะส่งผลให้มีสตาร์ทอัพเกษตรในระบบมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น