ทองม้วน ขนมไทยที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ปัจจุบันขนมทองม้วนได้มีการปรับทั้งรสชาติให้ถูกปากผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ขนมทองม้วนเป็นที่กล่าวถึงกันมาก และเป็นหนึ่งในของฝากของดีในหลายๆ จังหวัด แต่การปรับแค่รสชาติการแข่งขันในตลาดก็ยังสูง เพราะมีคนทำทองม้วนกันออกมาเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เอง ทองม้วนในยุค 2022 ปรับแค่รสชาติไม่ได้ ต้องปรับรูปร่างหน้าตาทองม้วนให้ออกมาเหมาะเป็นของขวัญของฝาก ในปี 2023 ด้วย
ที่มา…กว่าจะมาเป็นทองม้วนแฟนซีจิงเกอร์เบล
“กรภัทร สืบมา” เจ้าของไอเดียขนมทองม้วนแฟนซี จิงเกอร์เบล Jingle Bells ต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์ เล่าว่า ที่มาของขนมทองม้วนแฟนซี เกิดขึ้นมาจากตนเอง เปิดร้านเบอเกอรี่ ทำคุกกี้ส่งขายให้กับลูกค้าร้านขายของฝากอยู่แล้ว ซึ่งคุกกี้มีคนทำเยอะ ก็เลยคิดว่าจะต้องหาขนมอื่นๆ ทำเพิ่มจนได้ไปเรียนการทำทองม้วน จากครูสอนทำขนมท่านหนึ่ง และก่อนจะมาเปิดทำเบอเกอรี่ขาย เรียนทำคุกกี้จากศูนย์ฝึกอาชีพของกทม.มาก่อน มีพื้นฐานในการทำขนมมาบ้าง และด้วยทองม้วนมีคนทำขายกันเป็นจำนวนมาก ถ้าเราทำอีกและใครจะซื้อเรา ถ้าไม่มีอะไรที่แปลกแตกต่าง ทำให้ต้องพัฒนารูปแบบของทองม้วน ให้แปลกแตกต่างจากทองม้วนทั่วไป เป็นที่มาของ ทองม้วนแฟนซี และทองม้วนจิงเกอร์เบล Jingle Bells ออกมาขายในช่วงเทศกาลปีใหม่ และคริสมาสต์ ที่กำลังจะมาถึงในปี 2023
โดยขั้นตอนการทำกว่าจะได้รูปแบบทองม้วนแฟนซี จิงเกอร์เบล ไม่ใช่เรื่องง่าย ทาง “คุณกรภัทร” ใช้เวลาเป็นเดือนในการคิดกว่าลงตัว และก็ต้องทิ้งแป้งไปเยอะมาก ซึ่งเริ่มจากจะต้องทำอย่างไรให้ทองม้วนมีสีอ่อนก่อน เพราะการทำทองม้วนปกติ ถ้าจะให้ได้ทองม้วนที่กรอบอร่อย ก็จะต้องใช้ไฟแรงทองม้วนที่ออกมาก็เลยจะมีสีเข้ม ซึ่งพอมาทำทองม้วนแฟนซี สีเข้มก็จะไม่สวย ทาง “คุณกรภัทร” ก็เลจะต้องหาวิธีการทำอย่างไร ให้ทองม้วนมีสีอ่อน แต่แป้งต้องสุก และทองม้วนยังคงความกรอบอร่อยเหมือนเดิม เป็นโจทย์แรกที่ “กรภัทร” บอกว่าต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูกอยู่นานในการควบคุมไฟ และความร้อนให้เหมาะสม กว่าจะได้สีทองม้วนสีอย่างที่ต้องการ และความกรอบอร่อยอย่างที่ต้องการ
ส่วนโจทย์ที่สอง การทำทองม้วนแฟนซี คือ การตกแต่งทองม้วนแต่ละอันด้วยเกล็ดน้ำตาล ให้ออกมาในรูปแบบต่างๆ เป็นขั้นตอนที่ดูเหมือนจะง่าย แต่พอลงมือทำจริงกลับไม่ง่าย "กรภัทร" บอกว่า การนำเกล็ดน้ำตาลติดบนทองม้วน มันติดไม่อยู่ แม้ว่าจะติดตอนร้อนๆ ก็ตาม สุดท้ายก็ต้องหาตัวเชื่อมเหมือนกาวมาใช้ เพื่อให้เกล็ดน้ำตาลหรือ เม็ดน้ำตาลรูปแบบต่างที่นำมาตกแต่งทองม้วนมันอยู่ติดทนนานและไม่หลุดง่าย และมาลงตัวที่ไวท์ช็อกโกแลต มาใช้เป็นเหมือนกาว ที่ช่วยให้เกล็ดน้ำตาลอยู่ติดแน่น แบบไม่หลุด และที่สำคัญไวท์ช็อกโกแลตกินได้และยังช่วยเพิ่มรสชาติให้ทองม้วนแฟนซีอีกด้วย
เปิดขายออนไลน์ คิวจองยาวไปถึงกลางเดือน ม.ค. 66
“กรภัทร” เล่าถึง การทำตลาดของทองม้วนแฟนซี ว่า ที่ผ่านมาเนื่องจากทำเบเกอรี่โฮมเมดไม่มีหน้าร้าน เป็นคุกกี้แบบขายส่งให้กับลูกค้ารับไปแพคขายต่อเป็นของฝาก พอมาทำทองม้วนตอนแรกเริ่มจากขายส่งให้ลูกค้าไปแพคเหมือนร้านขายของฝากทั่วไป ในส่วนของทองม้วนทั่วไป ที่ไม่ใช่ทองม้วนแฟนซี แต่พอมาทำทองม้วนแฟนซีรูปแบบจิงเกอร์เบล ตั้งใจทำออกมาขายเป็นของขวัญปีใหม่ คริสมาสต์ ก็เลยลองเอาไปโพสต์ในกลุ่มเบเกอรี่พอเพียง ลูกค้าเห็นชอบ มีการแชร์ต่อๆ กัน ออเดอร์เข้ามาเยอะมาก ผลตอบรับดีเกินคาดตอนนี้ออเดอร์ที่สั่งล่วงหน้า ยาวไปถึงกลางเดือน มกราคม 2566 แล้ว และก็ยังมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ หลังจากได้ไปออกในรายการทีวี ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นออเดอร์เข้ามามากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากการทำทองม้วนแฟนซี มีขั้นตอนการทำที่ยากกว่าการทำทองม้วนปกติ ทำให้ลูกค้าต้องสั่งจองล่วงหน้า เพราะในหนึ่งวันจะสามารถทำได้ไม่เกิน 50 กล่องๆละ 18 ชิ้น ประกอบกับเรามีออเดอร์ทำทองม้วนปกติอยู่แล้ว แต่พอมีต้องหันมาทำทองม้วนแฟนซี ทำให้ไม่มีเวลาไปทำทองม้วนปกติ ตอนนี้ก็เลยต้องจ้างคนมาช่วย สำหรับราคาทองม้วนแฟนซี "กรภัทร" ขายสูงกว่าทองม้วนทั่วไป โดยอยู่ที่กล่องละ 50 บาท มี 18 ชิ้น ส่วนกล่องใหญ่ความยาวกว่าปกติ 2 เท่า มี 16 ชิ้น ราคา 199 บาท ราคาขึ้นอยู่กับแพคเกจจิ้งด้วย ส่วนราคาทองม้วนปกติขายกล่องละ 20 บาท มี 18 ชิ้น ส่วนราคาขายส่ง เป็นอีกราคาหนึ่งซึ่งเป็นราคาไม่รวมแพคเกจจิ้ง
หนีคู่แข่งคุกกี้แฟนซีมาเป็นทองม้วนแฟนซีผลิตไม่ทันขาย
สำหรับทองม้วนแฟนซี ปัจจุบันทำอยู่ 3 แบบ ทองม้วนจิงเกอร์เบล ทองม้วนอัญชัน ทองม้วนงาดำ ที่เลือกทำทองม้วนอัญชันก่อนเป็นอันดับแรก เพราะที่บ้านปลูกอัญชันอยู่แล้ว และนำมาใช้แทนสีผสมอาหาร ก็เลยลองทำทองม้วนอัญชัน และต่อมาทำทองม้วนงาดำ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ก่อนจะพัฒนามาเป็นทองม้วนจิงเกอร์เบล ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพราะต้องการจะขายกลุ่มคนที่กำลังมองหาของขวัญ ของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ คริสมาสต์ เหมือนมาแทนคุกกี้แฟนซีที่ทางร้านเคยทำขายอยู่ก่อนหน้านี้ได้เลย
ปัจจุบันออเดอร์ส่วนใหญ่จะเป็นทองม้วนแฟนซี จนแทบจะไม่ได้ทำคุกกี้เลยในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากคุกกี้ ราคาค่อนข้างสูง แต่ทองม้วนรสชาติถูกปากคนไทยและราคาถูกกว่า ถ้าเป็นทองม้วนอัญชัน และงาดำ อายุการเก็บอยู่ได้ 2-3 เดือน ในขณะที่ทองม้วนจิงเกอร์เบล แนะนำให้ลูกค้าเก็บได้ไม่เกิน 1 เดือน เพราะมีส่วนผสมของช็อกโกแลต และขอตกแต่งอื่นๆ และขั้นตอนการทำทองม้วนจิงเกอร์เบลใช้การควบคุมไฟ แป้งสุกไม่มากเหมือนทองม้วนทั่วไป ก็เลยแนะนำให้เก็บได้แค่ 1 เดือน
จากพนักงานประจำมาเปิดร้านเบเกอรี่รายได้ดีกว่า
กรภัทร เล่าว่า ตนเองได้เริ่มทำเบเกอรี่ขายมาปีนี้ ก็เป็นปีที่ 8 เริ่มจากเป็นคนชอบกินคุกกี้ ก็เลยไปเรียนทำคุกกี้ จากกรุงเทพฯ ที่ศูนย์ฝึกอาชีพของกทม. หลังจากนั้น กลับมาทำกินก่อน และค่อยทำขายส่งร้านขายของฝาก และมีขายปลีกผ่านหน้าเพจของตัวเองบ้าง แต่ก็ไม่มาก ส่วนใหญ่เกือบ 100% ส่งร้านขายของฝาก ส่วนของทองม้วน เริ่มทำเมื่อกลางปี เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากเริ่มแนะนำให้คนรู้จักผ่านช่องทางเบเกอรี่พอเพียงทางหน้าเพจ ก็มีออเดอร์เข้ามาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ในปีแรกที่เริ่มมาทำเบเกอรี่ มีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ตอนนั้นทำควบคู่ไปกับการทำงานประจำ แต่พอทำไปเรื่อยรายได้ดีกว่างานประจำ ก็เลยตัดสินใจลาออกและหันมาทำเบเกอรี่อย่างเต็มตัว จนถึงทุกวันนี้ ยังได้อยู่บ้านดูแลลูกไปพร้อมๆ กันด้วย
สำหรับทองม้วนแฟนซีจิงเกอร์เบล บทสรุปที่ชัดเจนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ว่า ถ้ามีการพัฒนาและคิดอะไรที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความสำเร็จ ทำก่อนรวยก่อน และประสบความสำเร็จก่อน ที่สำคัญไปกว่านั้น ทองม้วนแฟนซีไม่ได้แค่ทำให้เจ้าของไอเดียขายได้เยอะ ได้เร็วแล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าทองม้วนธรรมดา ให้มีราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ไม่ต้องไปแข่งกับคู่แข่งรายอื่นๆ เพราะยังไม่มีคนทำ ตั้งราคาขายเท่าไหร่ ลูกค้าไม่รู้สึกว่าแพง ยินดีที่จ่ายซื้อสินค้าที่พึ่งพอใจ
ติดต่อ FB: กรภัทร สืบมา บ้านขนมทำเอง
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด