หลังจากที่ CP-Meiji เดินหน้ายกระดับบาริสต้าไทย ล่าสุด เปิดแคมป์ “CP-Meiji Barista Camp 6” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยครั้งนี้ ได้นำสุดยอดกูรู บาริสต้าทั้ง 6 คน จากทั่วโลก ได้แก่ นายเสรี ธรรมเสริมสุข รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด นางสาวอสมา วิชัยดิษฐ กรรมการตัดสินระดับโลก WLAC Certified Jugde นายอัม พอล แชมป์โลกลาเต้อาร์ตชาวเกาหลีใต้ แชมป์โลก “CP-Meiji Barista Camp 6 2016 นายอานนท์ ธิติประเสริฐ แชมป์โลก World Latte Art Championship 2017 เจ้าของร้าน Roast8ry Lab และ Roast8ry Flagship Store นายเออร์วิน เควก แชมป์โลก World Latte Art Championship 2018 และนางสาวแอกเนียซสก้า โรเยฟสก้า แชมป์โลก World Barista Champion 2018 จะมาร่วมถ่ายทอดเทคนิคและเคล็ดลับ ช่วยพัฒนาทักษะทั้งด้าน Visual และ Sensory ในแบบเจาะลึกผ่านการลงมือทำจริง
บาริสต้าไทยถูกจับตามองหลังคว้ารางวัลจากหลายเวทีในเอเชีย
นางสาวชาลินี พูนลาภมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้การฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด หรือ ซีพี-เมจิ กล่าวว่า บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ต้องการสนับสนุนการก้าวสู่เวทีโลกของบาริสต้าไทย โดยจัดกิจกรรม “CP-Meiji Barista Camp 6” นำบาริสต้า ทั้ง 64 ชีวิตจากทั่วประเทศ ติวเข้มตลอด 2 วันเต็ม ได้เรียนรู้และพัฒนาฝีมือไปพร้อมๆ กันๆกับกูรูบาริสต้ารับเชิญ เพื่อสานฝันก้าวสู่เส้นทางการเป็นแชมป์บาริสต้าระดับโลก
“ที่ผ่านมา ก่อนสถานการณ์โควิด และหลังสถานการณ์โควิด บาริสต้าไทย ได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติหลายเวที เช่น ในเวทีการประกวดบาริสต้าที่ประเทศมาเลเซีย เกาหลี และญี่ปุ่น และได้ไปคว้าแชมป์ และรองแชมป์ เกือบทุกเวที ทำให้บาริสต้าไทย เป็นที่จับตามองจากบาริสต้านานาประเทศ แม้แต่เวทีการประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเวทีที่บาริสต้าไทยและทั่วโลกจับตามอง เพราะมีแต่คนเก่งๆ ในเวทีนี้ แต่บาริสต้าไทยก็ได้แสดงศักยภาพ หลังจากคว้ารางวัลระดับรองแชมป์ในเวทีนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี การจัดกิจกรรมแคมป์ CP-Meiji Barista Camp 6 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่เหล่าบาริสต้าที่ร่วมแคมป์ จะได้พัฒนาฝีมือและการแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน และบาริสต้าของเรายังได้เพื่อนใหม่ในวงการ อีกทั้งยังได้รับความรู้จากแชมป์โลก กรรมการระดับโลกที่ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากที่จะสามารถรวมคนเก่งๆมาช่วยกันแชร์ประสบการณ์กันในที่เดียวแบบนี้
เส้นทางอาชีพบาริสต้าในต่างแดน
นางสาวแอกเนียซสก้า โรเยฟสก้า ( Miss Agnieszka Rojewska ) จากประเทศโปร์แลนด์ ในวัย 34 ปี เจ้าของรางวัลแชมป์โลก World Barista Champion 2018 และ World Coffee In Good Spirits 2022 เป็นหนึ่งในกูรูที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ที่ได้รับเชิญมาร่วมแคมป์ CP-Meiji Barista Camp 6 ซึ่งได้นำเทคนิคการชงเครื่องดื่มกาแฟนมให้อร่อยมาถ่ายทอดให้กับบาริสต้าไทยที่เข้าร่วมแคมป์ โดยครั้งนี้ เน้นการทำอย่างไรให้กาแฟ และฟองนมในแต่ละแก้ว อยู่ในอัตราส่วนที่ลงตัว และออกมารสชาติอร่อย ไม่ใช่แค่ความสวยงามของลวดลายลาเต้อาร์ตเท่านั้น ซึ่งบาริสต้าไทยจะได้เทคนิคโอกาสพิเศษนี้นำไปปรับใช้กับร้านกาแฟของตนเอง และ กับเวทีการแข่งขันที่จัดขึ้นในปี 2566 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
นางสาวแอกเนียซสก้า โรเยฟสก้า เล่าถึง เส้นทางการเป็นบาริสต้า ในต่างแดน ว่า อาชีพบาริสต้าในประเทศแถบยุโรป เป็นที่ต้องการแต่ไม่มากเท่ากับในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะคนอเมริกาชื่นชอบการดื่มกาแฟมากกว่าคนยุโรป และคนอเมริกา ให้ความสำคัญกับคุณภาพของกาแฟค่อนข้างมาก ไม่ใช่กาแฟอะไรก็ดื่มได้ จะต้องเป็นกาแฟที่คุณภาพดี และถ้าผ่านการชงด้วย นักชง หรือ บาริสต้าเก่งๆ ก็จะยิ่งทำให้กาแฟร้านนั้นได้รับความนิยม แม้ว่าราคาจะสูงก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เองทำให้อาชีพบาริสต้าในประเทศสหรัฐอเมริกา จะทำเงินได้เยอะกว่าบาริสต้าในประเทศแถบยุโรปตะวันออก แต่ถ้าเป็นประเทศในแถบยุโรปตะวันตก อาชีพบาริสต้าก็คล้ายหรือใกล้เคียงกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาชีพบาริสต้าในต่างประเทศ ก็เหมือนกับประเทศไทย เป็นอาชีพที่เด็กรุ่นใหม่ชื่นชอบ เพราะเด็กรุ่นใหม่มองว่าเป็นอาชีพที่สนุก และได้มีโอกาสพูดคุย กับลูกค้า ได้ท้าทายความสามารถเนื่องจากเป็นอาชีพที่ไม่มีการเรียนการสอน ต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง และต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
นางสาวแอกเนียซสก้า เล่าว่า ตนเองได้ใช้เวลากับการฝึกฝนและทำอาชีพบาริสต้า มานานกว่า 10 ปี จาก Coffee Shop แห่งหนึ่ง และกว่าจะขึ้นมาเป็นระดับแชมป์โลกได้ ต้องผ่านการเตรียมตัวและเตรียมใจพร้อมรับกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า และที่สำคัญ ต้องเปิดใจที่จะยอมรับถ้าเจอคนที่เก่งกว่า และต้องไฝ่คว้าหาความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับคนเก่งๆ ในวงการอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีดีกรีระดับแชมป์ก็ตาม เพราะทุกปีจะมีคนเก่งเกิดขึ้นมาในวงการตลอด ปัจจุบันการแข่งขันในทุกเวทีบนโลกมีบาริสต้าเก่งเกิดขึ้นมากมาย แม้ว่าการชงกาแฟมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยเข้ามาช่วย แต่ฝีมือการชงกาแฟบาริสต้า ก็ยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาแทนได้ ส่วนเทรนด์ลวดลายฟองนมลาเต้อาร์ตลวดลายยากขึ้น สลับซับซ้อน และเหมือนจริงมากขึ้นด้วย
ตัวแทนบาริสต้าไทย ถ่ายทอดประสบการณ์ทำอาชีพบาริสต้าในต่างแดน
นายสิทธิพงษ์ ยงศิริ (คุณตี๋) เจ้าของร้านกาแฟรถเข็น จังหวัดฉะเชิงเทรา หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่ประสบความสำเร็จ ได้รับเลือกเป็นตัวแทนบาริสต้าไทยไปในการแข่งขัน World Latte Art Battle 2022 ที่ ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา เล่าถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นตัวแทนประเทศไทยประกวดบาริสต้าที่เกาหลี ว่า ก่อนหน้านั้น ตนเองเป็นเด็กเกเรมาก เรียนปวช.ใช้เวลาเรียนถึง 5 ปี แม่ตัดสินใจให้ไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศ มีแค่ค่าตั๋วเครื่องบิน เท่านั้น ที่เหลือต้องไปหาเงินเอง ตอนนั้นเลือกไปชิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เริ่มจากไปล้างจาน เด็กเสิร์ฟ เหมือนคนอื่นๆ
ทั้งนี้ อยากได้ภาษาด้วยเพื่อจะได้ไปทำงานอย่างอื่นๆ ได้ ก็เลยขอมาทำงานหน้าเคาน์เตอร์ชงเครื่องดื่ม เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ได้เรียนรู้การเป็นบาริสต้า หลังจากนั้น รู้สึกชื่นชอบอาชีพบาริสต้ามาก เพราะได้พูดคุยกับคนอื่นๆ ได้ภาษาไปด้วย ตอนแรกคิดแค่ว่าอยากได้ภาษา แต่พอได้มาคลุกคลีกับการทำงานบาริสต้า ทำให้เกิดความหลงรัก และอยากต่อยอดทำอาชีพนี้ไปเรื่อย ก็เลยได้มีโอกาสไปเรียนเพิ่มเติมคอร์สอบรมสั้นๆ 2 วัน และหาประสบการณ์ จากบาริสต้าเก่งในCoffee Shop ที่ไปทำงาน ก่อนจะกลับมาประเทศไทย มีเงินเก็บกว่า 400,000 บาท นำมาเปิดร้านกาแฟรถเข็นเล็กที่ข้างๆ บ้าน จังหวัดฉะเชิงเทรา และด้วยประสบการณ์ที่สะสมมาจากการทำงานบาริสต้าในต่างประเทศ นำกลับมาใช้ประเทศไทย ยกระดับกาแฟให้สามารถขายได้ราคามากขึ้น
การทำอาชีพบาริสต้าในชิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย รายได้ถือว่าอยู่ในระดับเชฟทำอาหารเลยทีเดียว ถ้ามีประสบการณ์เยอะผ่านงานมาเยอะ และได้ทำงานร้านใหญ่ ก็จะได้เงินเยอะ การชงกาแฟในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะชงกาแฟร้อน เพราะในต่างประเทศ ไม่ได้กินกาแฟเย็นเหมือนประเทศไทย พอกลับมาประเทศไทยต้องมาเรียนการชงกาแฟเย็นใหม่ การชงกาแฟในต่างประเทศ เน้นความเร็ว และสตรีมนมออกมาได้ดี รสชาติก็ต้องมาก่อน ส่วนลวดลายสตรีมนมถ้าทำออกมาได้ดีก็เสริมกันไป เป็นการยกระดับกาแฟแก้วนั้น ให้มีราคามากขึ้น
ยกระดับกาแฟคุณภาพราคาแพงๆ
ต้องมีหลายๆองค์ประกอบรวมกัน
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญของกาแฟหนึ่งแก้ว มีองค์ประกอบ คือ คุณภาพเมล็ดกาแฟ ส่วนผสม และขาดไม่ได้ ฝีมือการชงของบาริสต้า อุปกรณ์ที่มาเป็นตัวช่วย ถ้าทุกอย่างลงตัวก็ช่วยยกระดับกาแฟ จากแก้วละ 25 บาท 35 บาท ขยับขึ้นไป 65 บาท ไปจนถึง แก้วละหลักร้อยบาท โดยของ คุณสิทธิพงษ์ ขายกาแฟแก้วละ 65 บาท ถ้าเทียบกับร้านทั่วๆไปในจังหวัด ฉะเชิงเทรา ถือว่าอยู่ในระดับราคาค่อนข้างสูง ลูกค้าส่วนใหญ่จึงจะเป็นลูกค้าประจำ และลูกค้าที่ต้องการเพิ่มอรรถรสในการดื่มกาแฟคุณภาพอร่อยๆ ต่างจากกาแฟทั่วไป เพราะทางร้านมีโรงคั่วกาแฟของตนเอง ผ่านการคัดเลือกเมล็ดกาแฟมาแล้วระดับหนึ่ง
สำหรับเส้นทางบาริสต้าในต่างแดน ของบาริสต้าดีกรีระดับแชมป์โลก และประสบการณ์เด็กไทย ที่ไปทำงานบาริสต้าในต่างประเทศ เป็นตัวอย่างช่วยให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่สนใจ และอยากจะเดินในเส้นทางอาชีพบาริสต้า ได้นำมาเป็นแนวทางในการตัดสินใจที่จะเข้ามาสู่วงการนี้ ซึ่งเวทีการแข่งขันบาริสต้า CP-Meiji พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนคนรุ่นใหม่ทุกคนที่มีความฝันอยากเป็นบาริสต้าเก่ง และประสบความสำเร็จเหมือนรุ่นพี่ ๆ ตลอดไป
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด