xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัสต์การ์เด้น” น้องใหม่สายไม้รหัส LB สู่งานอดิเรกที่สร้างเงิน! ของเซลส์แมนหนุ่มบางกอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไม้รหัส LB หรือสายพันธุ์ LB 2178 เป็นแคคตัสสกุลยิมโนคาไลเซียม หนึ่งในไม้สะสมยอดนิยมที่มีกลุ่มคนรักเฉพาะ ด้วยจุดเด่นคือ ลายบั้ง รูปทรง และดอทปุยสีขาว ไม่เหมือนกันเลยทั้ง ๆ ที่เป็นไม้สีเขียว ราคาไซส์ 1-5 ซม.เริ่มหลักร้อยจนถึง 1.8 ลบ./ต้น ก็มี!”

ไม้รหัส LB
ทัฏ-ธนัช เติมสกูลเดชา เจ้าของTrust Garden คนรักแคคตัส Gymnocalycium กลุ่มไม้รหัส LB สายพันธุ์ LB 2178 ที่วันนี้ผันตัวเองมาจากมือสมัครเล่นในการเลี้ยงดูแล สู่เจ้าของสายพันธุ์ใหม่ลูกไม้ซึ่งเกิดจากฝีมือการพัฒนาขึ้นมาเองด้วย เล่าว่าเดิมตนเองเป็นคนชอบเลี้ยงแคคตัสอยู่แล้ว แต่ก็แบบงู ๆ ปลา ๆ ไปเห็นตรงไหนชอบก็ซื้อมา โดยไม่ได้มีความรู้เข้าใจเกี่ยวกับไม้ชนิดนี้เลยตอนนั้น ดูแลรดน้ำทุกวันเลี้ยงไปเลี้ยงมาแต่เอ๊ะ! ทำไมมันตาย? ก็สรรหาไม้มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งได้เข้าไปดูในเพจกลุ่มคนรักไม้รหัส LB เห็นเขาขายแต่ก็ไม่รู้หรอก ว่าไม้รหัสนี้มันชื่ออะไร รู้สึกสะดุดตาตรงที่เป็นไม้สีเขียว ในขณะที่ต้นอื่นเป็นไม้หัวสี แบบยิมฯด่างบ้างหรือมีสีสันต่างออกไปที่เป็นจุดขายสำคัญ

“จุดเด่นของไม้รหัส LB 2178 คือ ลายบั้ง หรือกระดูกด้านข้างของบั้งมองดูหลาย ๆ ต้นมันก็ไม่เหมือนกันเลยทั้ง ๆ ที่ว่าเป็นไม้สีเขียวเหมือนกัน รูปทรงต่างกัน มีดอทปุย ๆ สีขาว ๆ ไม่เหมือนกันอีก ต้นนี้ดอทเยอะ ต้นนี้ดอทน้อย อะไรแบบนี้ครับ ทำให้มองดูแล้วมันมีความหลากหลายทั้งที่ว่าเป็นไม้สีเขียว แต่ไม้ไม่เหมือนกันเลย มันก็เลยเกิดความสนใจ”

พอมี 1 ต้นแล้ว ก็เกิดการไปตามหาดู ไปเจอก็ซื้อมาเพิ่ม ๆ อีก เจอเป็นซื้อ ๆ มารู้ตัวอีกทีจนกระทั่งมันหลงรักเข้าไปแล้ว สะสมมาถึงตอนนี้ในโรงเรือนกว่า 90% คือจะเป็นไม้ตัวนี้ รวมถึงตัวที่เป็นไม้บรีดขึ้นมาเองด้วย

ดอทปุย
ไม่มีเวลาดูแลแต่อยู่ในวงการนี้มากกว่า 2 ปีแล้ว
คุณทัฏ บอกด้วย ความที่ยังทำงานประจำอยู่ โดยตนเองเป็นเซลส์ขายสินค้าของบริษัท ๆ หนึ่ง ต้องเดินทางขึ้นลงกรุงเทพฯต่างจังหวัดเดือน ๆ หนึ่ง ได้อยู่บ้านไม่เกิน 1 สัปดาห์คิดรวม ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นความชอบใน “แคคตัส” ที่ไม่ต้องดูแลรดน้ำทุกวันแบบพืชอื่น จึงถือว่าตอบโจทย์ โดยก่อนที่จะมีการเปิดตัวสวนขึ้นมาก็ได้ซุ่มฝึกเลี้ยงและดูแลมานานกว่า 5-6 ปีแล้ว จนเมื่อ2 ปีกว่ามานี้จึงตัดสินใจเปิดตัวในชื่อ Trust Garden ในกลุ่มของคนรักไม้รหัสLB ด้วยจุดประสงค์หลักจริง ๆ คือเพื่อการแลกเปลี่ยนพันธุ์สำหรับการพัฒนาต่อ

“หลัก ๆ ตอนนี้จะเป็นลูกไม้ ที่เราเพาะเองมากกว่า แต่ลูกไม้ต้นไหนที่มันใหญ่ขึ้นจากสมัยที่เราซื้อมาตั้งแต่ตอนเล็ก ๆ แล้ว เราเลี้ยงแบบเรามีผลผลิตจากเขาแล้ว เราอยากจะปล่อยออกบ้างเพื่อการพัฒนาสายพันธุ์ที่สวยขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจจะปล่อยต้นที่เราชอบน้อยลง หรือมีคนอยากได้มั้ยต้นนี้ อะไรแบบนี้ครับ ก็มีทักมาให้เราช่วยหาดูให้หน่อย บางคนเขาอยากเลี้ยงไม้เล็ก ๆ บางคนเขาอยากได้ไม้ใหญ่เอาไปเพาะของเขาเองบ้าง เราก็จะมีไม้จากตอนที่เราเลี้ยงเล็ก ๆ โตขึ้นเราก็เอาไซส์พวกนั้นไปขายได้”


จากความแปลกสู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม
“ไม้ที่อยู่ในนี้ อย่างถาดนี้คือรหัสเดียวกันหมด แต่ไม้ทุกต้นหน้าตาไม่เหมือนกันเลย อย่างอันนี้ก็จะเป็นสีเขียวอ่อนบั้งถี่ อันนี้ก็เป็นเขียวอ่อนดอทฟู อันนี้ผมแยกไว้เอาเขียวอ่อนกับด่าง อย่างอันนี้ก็จะมีด่างมาซึ่งธรรมชาติของตัวนี้คือไม้เขียว มันบรีดไปเรื่อย ๆ จนมันจะมีหลุดด่างมา มูลค่าเขาก็จะดีดขึ้น โดยปกติแล้วอย่างอันนี้สีเขียวธรรมดาก็คือเป็น Standard อันนี้เขียวอ่อนไล่เข้าไปตอง ดันมีด่างเข้าไปอีก มูลค่ามันก็ยิ่งโดดขึ้นไปมหาศาล ซึ่งมันก็มีทั้งเป็นเองของมันด้วยและก็จากที่เราบรีดด้วย แต่ว่าจะให้ออกมาได้ขนาดนี้เราก็เหมือนกับเป็นการซื้อล็อตเตอรี ถูกหวยไม่ถูกหวย อะไรแบบนี้ครับ”

สำหรับไม้รหัส LB หรือสายพันธุ์ LB 2178 นี้ เมื่อพูดถึงแคคตัสสกุลยิมโนคาไลเซียมอีกสปีชีส์หนึ่งที่โด่งดังในเมืองไทยและนักสะสมแคคตัสสายยิมโนจะต้องมีไว้ในครอบครอง ก็คือ LB 2178 , VoS01-014/a และVoS12-1241 ด้วยความที่ทั้ง 3 รหัสค่อนข้างมีความใกล้เคียงกันในแง่ของลักษณะลำต้น สี และรูปทรง แต่ก็สามารถที่จะแยกออกเป็น ลักษณะลำต้น ที่กลม ตามแบบฉบับสกุลยิมโนคาไลเซียม จำนวนพูของ LB 2178 มักมีตั้งแต่ 9 พูขึ้นไป จนถึง 13 พู สันพูจะบางลายบั้งถี่คมชัดและเด่นกว่า VoS014/a ที่มักมีเพียง7-10 พูเท่านั้น หากจำนวนพูเกินนี้ คนไทยมักเรียกว่า “หลุดฟอร์ม” ส่วนใหญ่ที่พบมากที่สุดจะเป็น 10 พู ปัจจุบัน LB 2178 ที่มีจำนวนพูมากกว่าฟอร์มปกติจะยิ่งมีราคาสูง

ลักษณะผิว จะเห็นเป็นลวดลายสีเขียวสลับกับสีเขียวเข้มหรือออกสีดำ มีลักษณะนูนขึ้นเล็กน้อย เรียกลายลักษณะนี้ว่า “บั้ง” หรือลายกระดูก ยิ่งบั้งถี่ก็จะยิ่งดูสวยงามมากขึ้น และราคาสูงมากขึ้นด้วย ความถี่ของบั้งLB 2178 สายพันธุ์แท้ ค่อนข้างถี่กว่าVoS014/a และเส้นแยกขีดบั้งจะมีลายที่เด่นชัดกว่า และหาก LB 2178 หรือVoS014/a มีเม็ดสีอื่นแทรกขึ้นมาบนผิวเช่น สีแดง ส้ม เหลือง หรือชมพู จะเรียกว่า “LB 2178 ด่าง” หรือ “VoS014/a ด่าง” ซึ่งได้รับความนิยมมากในกลุ่มนักสะสม เพราะเกิดด่างเป็นไปได้ยาก จึงทำให้ในตลาดไม้ด่างสายพันธุ์แท้จะมีราคาค่อนข้างสูงมาก ๆ

หนาม LB2178 จะมีขนาดของหนามที่เล็กกว่า และหนามจะแนบเข้ากับสันพู และลักษณะสันพูจะมีความบางกว่าVoS014/a และจุดเด่นสุดท้าย คือ ขนปุกปุยสีขาวที่เกิดอยู่บนตุ่มหนาม เรียกว่า “ดอท”(Dot) หรือจุด ในกลุ่มผู้เล่นแคคตัสสกุลนี้มักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า VoS014/a จะมีดอทที่ฟูกว่า LB 2178 (ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากlivingpop.com)

ไม้ที่ออกจากสวนจะมีการติดป้ายแทร็กเพื่อกำกับด้วย
การเลี้ยงดูแลแคคตัส “ไม้รหัส LB”
ในวันที่มีโอกาสได้เยี่ยมชมผลงานของ Trust Garden ซึ่งเป็นจังหวะที่คุณทัฏเองเพิ่งจะมีการเคลื่อนย้ายไม้บางส่วน (ประมาณ2,000 ต้น) เพื่อขึ้นมารับแดดอยู่บนดาดฟ้า ที่เจ้าตัวสร้างโรงเรือนเตรียมรอไว้แล้ว รวมถึง ยังมีลูกไม้ใหม่อีกจำนวนหนึ่งด้วยที่รอแยกจากการอนุบาลเพื่อนำมาวางรับแดดอยู่ที่นี่บนดาดฟ้าตึก 3 ชั้นครึ่ง ในรุ่นต่อไป ถือโอกาสถามแทนคนที่สนใจอยากปลูกเลี้ยงบ้าง ว่าหากเป็นคนเมืองที่มีสถานที่แบบเดียวกันนี้ทำได้ไหม ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าให้ฟังว่า โรงเรือนนี้เป็นแบบมาตรฐานที่มีการพรางแสงด้วย “ซาแรนเงิน” แบบ50% ขณะที่ด้านบนมุงหลังคาด้วยผ้าพลาสติกกันฝนส่วนด้านล่างจะเป็นมุ้งตาข่ายอีกชั้น ข้อดีคือพอมาอยู่บนดาดฟ้าแบบนี้จะทำให้แสงที่ได้รับเต็มที่ มาทุกทิศทุกทางอย่างทั่วถึง ซึ่งแคคตัสจะชอบแดดแต่ว่าก็ต้องมีความชื้นให้อย่างเพียงพอด้วย ไม่ต้องการความชื้นแฉะมาก และพอมาอยู่บนดาดฟ้าแบบนี้ก็มีปัญหาเรื่องความร้อนจากพื้นปูนบ้าง ซึ่งวิธีแก้อีกอย่างหนึ่งก็คือจะมีการหล่อน้ำไว้ในถาดที่ใช้รองกระถางแคคตัสที่วางอยู่ช่วยด้วย เพื่อลดผลกระทบจากความร้อนโดยตรง ส่วนถ้าหากว่าวันไหนหรือช่วงไหนที่มีแดดมากเกินไปก็อาจจะปรับในเรื่องของการพรางแสงช่วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งภายในโรงเรือนจะมีการติดเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นฯ ช่วยบอกด้วย นอกจากนี้การหมั่นคอยยกดูความหนักของแต่ละกระถางก็สามารถบอกถึงความชื้นที่เหมาะสมได้ด้วยเช่นกัน เหล่านี้เป็นต้น ส่วนเรื่องของการปลูกการดูแล โดยใช้เครื่องปลูกมี ดินใบก้ามปู: ปุ๋ยมูลไส้เดือน: เพอร์ไลท์/เวอมิคูไลท์: ดินภูเขาไฟ ซึ่งในการผสมกันก็ให้มันออกร่วน ๆ หน่อยหรือลองกำดูแล้วปล่อยมือ ถ้าหลุดแบบไม่จับตัวกันเป็นก้อนแสดงว่ามัน “โปร่ง” พอสำหรับการปลูกพืชเพื่อให้รากสามารถชอนไชหาอาหารได้ การให้น้ำเฉลี่ยสัปดาห์ละครั้งหรือใช้วิธีการยกกระถางขึ้นมาดู ถ้ายังหนัก ๆ อยู่ก็แสดงว่าอาจจะยังไม่ต้องรดเพิ่ม เป็นต้น และมีการให้ปุ๋ยเป็นปุ๋ยออสโมโค้ดบ้าง รวมถึงหากเป็นช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นสูงมาก ๆ ก็อาจจะต้องดูแลในเรื่องของการป้องกันโรคเน่าที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย


สนนราคาขึ้นอยู่ “ความพอใจ” ของคนขาย-คนซื้อเป็นหลักมากกว่า
“ที่ผมชอบ “ไม้เมล็ด” เพราะว่า มันจะค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ จนถึงประมาณนี้5-6 ซม.เนี่ยไม้เขาถึงออกฟอร์ม ก็จากเมล็ดเพาะจนถึงไซส์1 ซม.โดยประมาณ1 ปี ประมาณนะครับ6 เดือนถึง1 ปีแล้วแต่ ขึ้นกับปัจจัยที่คนเพาะ ความชื้นมีผล ชื้นมากเกินไปเมล็ดไม่ขึ้น แสงน้อยเกินไป ไม่ต้องโดนแดดนะแค่เพาะไว้ให้มีแสงเข้า แล้วมันอาศัยความชื้นและก็แสง ไม่ต้องการแดดจัด มันก็จะค่อย ๆ โต จนไม้ได้ไซส์เบียดกันเราก็แยก และก็ค่อย ๆ ปรับ ๆ กว่าจะมาถึงตรงนี้ก็โดยประมาณสัก 2 ปี หรือปีครึ่ง มันใช้ระยะเวลานานอยู่ครับ”

หลังจากมีปริมาณของพ่อแม่พันธุ์ที่มากพอ การทดลองผสมพันธุ์เองโดยใช้วิธีการผสมเกสรเพื่อสร้างลูกผสมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นมา คุณทัฏบอกว่าความสุขและความสนุกคือการได้ลุ้น! พอเราจินตนาการจากพ่อกับแม่ที่ใช้ผสมกันแล้ว หลังจากนั้นความน่าจะเป็นของ “ลูกไม้” ที่เกิดใหม่ออกมาจะเป็นอย่างไรบ้าง เหล่านี้สิ่งที่คาดเดาได้ยากและทำให้ต้องลุ้นอยู่ทุกครั้งไป ในความออกมาตรงตามที่คิดไว้ก็ดีไปอีกแบบ หรือส่วนที่ผิดแผกออกไปซึ่งในบางครั้งกลับกลายเป็นว่าดี! ก็มีเช่นเดียวกัน และเพื่อการพัฒนาให้ได้ไม้ที่สวยขึ้นเรื่อย ๆ ภายในกลุ่มเองซึ่งเป็นคนรักไม้รหัสLB เหมือนกัน บางครั้งก็จะมีการแลกเปลี่ยนเมล็ดที่ได้เพื่อเป็นการกระจายพันธุ์ด้วยอีกทางหนึ่ง หรือการซื้อเป็นต้นเล็กเข้ามาดูแลต่อเพื่อจะได้ผลผลิตสร้างพันธุ์ใหม่ต่อไป ในแวดวงของคนรักแคคตัสก็จะหมุนเวียนกันอยู่ในลักษณะนี้

“สำหรับการซื้อขายเบสิก ณ ปัจจุบัน ตอนนี้ก็อาจจะต้นละ 50 บาทหรือ100 แล้วแต่ความสวย แต่ถ้าพูดถึงในอีกแบบหนึ่งคือว่าในเรื่องของความชอบ อันนี้มันก็วัดไม่ได้อีกว่า เขาเรียกว่าประมูลมันจะมีขาย ขายเลย ประมูล เสนอราคา ซึ่งการขายเลยคือการฟิกซ์ราคาขายระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายว่า ฉันอยากขาย 50 บาท ขาย 100 ก็คือตกลงราคานี้ แต่พอถ้าบอกว่าเป็นการประมูลประมูลคือจบเท่าไรอยู่ที่ ผู้เสนอราคาลงราคาแข่งกัน สมมุติมีลงราคาแข่งกัน3 คน แข่งกันไปแข่งกันมาจนเหลืออยู่ 2 คนแล้วมาเหลือ1 คน คนสุดท้ายที่เป็นคนประมูลคนสุดท้าย ก็จะได้ราคาตรงนั้นไปเลย ซึ่งตัวนี้ก็ไม่ฟิกซ์ว่าจะเท่าไร และอีกแบบหนึ่งคือการเสนอราคา คือราคาผู้ขายอาจจะมีในใจใช่มั้ยครับ แต่ผู้ซื้ออยากได้ต้นนี้ในราคาเท่าไรเขาจะเสนอไป จนไปชนกับราคาที่ผู้ขายอยากขายหรือได้มากกว่า ก็จบด้วยการซื้อขายแบบนั้นไป มันมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ”


คุณทัฏ เล่าให้ฟังด้วย ไม้รหัสLB 2178 ที่เคยมีการซื้อขายกันมาแล้ว ในราคา5.5 แสนบาท เป็นLB 2178 ด่าง อันนั้นก็คือจบโดยการเสนอราคา ซึ่งเป็นราคาเมื่อสักประมาณกลางปีที่แล้ว(ถ้าตนจำไม่ผิด) ไซส์อยู่ประมาณ5 ซม.กว่า ๆ ซึ่งในเรื่องของราคาก็อาจจะสูงขึ้นตามความต้องการของคนที่เขาอยากได้ และถ้าหากว่าสวนนั้นทำไม้ดีไม้สวยมีคุณภาพแล้วมีผู้ติดตามเยอะ ก็สามารถทำได้ในเรื่องของราคาเช่นเดียวกัน และก็มีอีกแบบหนึ่งด้วยคือว่าเขาเปิดราคาขายที่ดูสูง ๆ ไว้เพราะว่าเขาไม่อยากขายก็มี หรือที่มีการซื้อขายกันแล้วด้วยราคา “1.8 ล้านบาท”LB คิสด่าง เป็นไม้เมล็ด ซึ่งมีราคาแพงที่สุดในโลก โดยการซื้อขายตรงนั้นก็เป็นคนไทยด้วย

และส่วนไม้ที่สวนของคุณทัฏเอง เจ้าตัวบอกว่าปกติจะไม่ค่อยมีเวลามากนัก อาศัยจังหวะที่ช่วงไหนกลับบ้านมีไม้พร้อมที่อยากปล่อยออกไป ก็จะใช้วิธีขายผ่านออนไลน์โดยการ Live สด ในเพจกลุ่มคนรักไม้รหัสLB ที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งทุกคนก็จะใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกันและเพื่อการนำเสนอขายสินค้าของตนเองด้วย โดยแต่ละครั้งก็จะมีทั้งการพูดคุยในกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนและการขายของไปพร้อมกัน ใช้เวลาในการ Live สด บางทีบางรอบกว่าจะสิ้นสุดลงได้ก็หลายชั่วโมงเลย แต่ว่าก็สามารถขายของได้ต่อครั้งนับเป็นหลักหมื่น(กว่า3-4 หมื่นบาท) ซึ่งต้องใช้วิธีนี้ก่อนจะ Live สด ในเวลากลางคืนและพอตอนเช้าก็ต้องรีบเคลียร์ยอดการขายและจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าทันที จะไม่ได้ขายบ่อยนักอาจจะเว้นช่วงสักเดือนถึง 2 เดือนก็เปิดขายต้นไม้ทีหนึ่ง ซึ่งราคาของไม้ที่ขายอยู่เริ่มต้นที่ไซส์ 2 ซม.ขึ้นไปมีตั้งแต่200 บาทหรือ 300 แล้วแต่ บางช่วงก็มีถ่ายรูปแล้วโพสต์ในเพจกลุ่มไว้ พอมีคนเห็นแล้วสนใจก็จะเกิดการทักมาอยู่เรื่อย ๆ ก็มี ถ้าช่วงไหนจังหวะอยู่ที่สวนพอดีก็จะสามารถขายไม้ให้ได้เลย ซึ่งที่ผ่านมาผลงานการพัฒนาไม้และเคยขายได้ในราคาจากสวนสูงสุด คือ 7,000 กับ 8,000 บาท เป็นไม้ไซส์พ่อแม่พันธุ์ ประมาณ 5-6 ซม.คนเขาอยากได้เอาไปทำพันธุ์ต่อ ก็เป็นพวกดอทฟูคือเป็นไม้เขียวปกติที่มีดอท ถ้าเป็นพวกไม้ด่างไม้ตองอ่อนพวกนี้ราคามากกว่า แต่ว่าก็ยังไม่เคยปล่อยออกไปจากสวนเลย และก็ยังมีไม้อีกหลาย ๆ ตัวที่คนสนใจอยากจะซื้อด้วยแต่ว่า ติดที่เจ้าของรักอยู่และยังไม่อยากจะขายออกไปก็มี

โรงเรือนใหม่บนดาดฟ้าตึกพาณิชย์ที่เพิ่งย้ายไม้บางส่วนมารับแดดอยู่ที่นี่
เป็นงานอดิเรกที่ทำด้วยใจรักและความชอบเป็นสำคัญ ขณะที่ความน่าสนใจด้านการสร้างรายได้คุณทัฏก็บอกด้วยหากทำขายอย่างจริงจัง แบบเปิดขายทุกวันเลย รายได้ต่อเดือนคาดว่าไม่ต่ำกว่าหลักแสนก็สามารถทำได้! แต่ทว่าเจ้าตัวยังขอทำควบคู่แบบนี้ไปก่อนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่าง ๆ ให้แน่นพอจนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่ตัดสินใจ

“ช่วงอายุหนึ่งเราก็อยากมีความสุขกับมันในทุก ๆ วัน ตื่นเช้าขึ้นมารดน้ำต้นไม้ มาดูต้นไม้ มันเป็นความสุขที่ไม่ใช่ว่าตื่นมา ขับรถออกไปรถติดอีกแล้ว! ถ้ามันเป็นอาชีพได้แล้วต่อยอดเราหากินเลี้ยงชีพได้ มันก็มีความสุขอีกวัน เพราะงานประจำมันก็คือมนุษย์เงินเดือนเนาะ ส่วนอย่างเงี้ยมันก็เหมือนธุรกิจเราเองด้วยและอยู่ในความชอบ ทำกับสิ่งที่ชอบทุกวัน ผมว่าความเบื่อมันน้อยกว่า” เจ้าของTrust Garden กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด

สอบถามเพิ่มเติมโทร. 091-599-9566 เพจสวน fb : Trust Garden , IG : trustgarden.th

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น