ทำความรู้จัก 2 เอสเอ็มอีวิสาหกิจชุมชนอย่าง “ไข่เค็มไชยา” วิสาหกิจชุมชนไข่เค็มชายา อสม. จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ “ปลาส้มสุขหล่ำ” วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำ จังหวัดอุดีธานี ในโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” โดยเป็นความดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของไปรษณีย์ เพื่อมุ่งเน้นและพัฒนาชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม พัฒนาสินค้าเกษตรจนเกิดแบรนด์ที่เข้มแข็ง รวมถึงผลักดันรายได้และต่อยอดอาชีพ จนชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
เริ่มต้นด้วยวิสาหกิจชุมชนแห่งแรก คือ วิสาหกิจชุมชนไข่เค็มไชยา อสม. จังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากวิกฤตหอยเชอรี่ระบาดในปี พ.ศ. 2543 ทำให้ชาวนาในพื้นที่หมู่ 5 บ้านนาทราย ตำบลเลม็ด ประสบปัญหาไม่สามารถทำนาได้ ส่งผลให้ปศุสัตว์อำเภอไชยานำพันธุ์เป็ดมาให้ชาวบ้านเพ่อกำจัดหอยเชอรี่ศัตรูพืชในนาข้าวเกิดความเสียหาย โดยให้พันธุ์เป็ดแก่ชาวบ้าน 30 ตัว ต่อหลังคาเรือน ผลจากการเลี้ยงเป็ดมาทำให้หอยเชอรี่ลดจำนวนลง ชาวบ้านก็สามารถปลูกข้าวได้ดังเดิม แต่ผลพลอยได้จากการพันธุ์เป็ดมาเลี้ยงนั้น คือ มีไข่เป็ดมากเกินความต้องการจนชาวบ้านต้องนำไข่เป็ดมาแปรรูปเป็นไข่เค็ม
โดยการรวมกลุ่มภายในชุมชนและเป็นกลุ่มสมาชิก อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) หลังจากผ่านช่วงลองผิดลองถูกในปี พ.ศ. 2543 ทางกลุ่มได้พยายามพัฒนาทดลองหาสูตรไข่เค็มที่เหมาะสมผ่านการเรียนรู้และถ่ายทอดโดยสมาชิกในกลุ่มที่มีความรู้ที่เคยเป็นลูกจ้างร้านขายไข่เค็ม จึงได้นำความรู้ที่ตนได้รับมาสอนคนอื่นๆ ในกลุ่ม เมื่อกลุ่มเริ่มเข็มแข็งหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานเกษตรอำเภอ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น ได้เริ่มเข้ามาให้ความช่วยเหลือในช่วงปี พ.ศ. 2545 โดยเข้ามาให้คำแนะนำและพาไปศึกษาดูงานจนกลุ่มเริ่มเข้าใจกระบวนการทำงาน จนกระทั่ง พ.ศ. 2549 ทางกลุ่มได้ไปจดทะเบียนขึ้นเป็นวิสาหกิจชุมชน ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไข่เค็ม อสม. ไชยา มีสมาชิก 24 คน และสมาชิกผู้เลี้ยงเป็ด 14 ครัวเรือน
ทั้งนี้การผลิตของกลุ่มจะผลิตตามคำสั่งซื้อตามปริมาณไข่หรือวัตถุดิบที่มีและผลิตขายส่งลูกค้าทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด ไข่เค็มที่ทางกลุ่มขายเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทไข่เค็มพอกชนิดดิบ จากการศึกษาพัฒนาอย่างต่อเนื่องของวิสาหกิจชุมชนไข่เค็มไชยา อสม. จนทำให้ไข่เค็ม อสม. ไชยา มีเอกลักษณ์จนกลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวางและสามารถาร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ผู้บริโภคนิยมซื้อมารับประทานและซื้อเป็นของฝาก นั่นคือชุมชนใช้วิธีการเลี้ยงเป็ดแบบปล่อยทุ่งให้เป็ดหาอาหารกินเองตามทุ่งนาของชาวบ้าน อีกทั้งยังการปลูกข้าวชุมชนนั้นไม่ใช้สารเคมีทำให้เป็ดสามารถหากินเองได้โดยปลอดภัย ไข่เค็มจัดและไม่มีกลิ่นคาว ไข่แดงมีสีดงที่สวยงาม
นอกจากนี้ด้วยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ที่ดำเนินงานใกล้ชิดกับชุมชนมาอย่างยาวนานได้พบปัญหาสำคัญนั้นคือ การขนส่งไข่เค็มที่มีความบอบบางผ่านระบบขนส่ง ทำให้เกิดความเสียหายกับผลิตภัณฑ์ระหว่างกระบวนการขนส่ง ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และสนับสนุนชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเอง โดยนำองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างอัตลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อจำหน่ายเป็นสินค้าโดยผ่านระบบการขายและขนส่งของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จึงสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้มไข่เค็ม ที่สะดวกในการขนส่ง และสามารถปกป้องไข่เค็มให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์จนกว่าจะถึงมือผู้บริโภค โดยใช้วัสดุห่อหุ้มและบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากรออกแบบและพัฒนากล่องไข่เค็มให้เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มน่าสนใจต่อลูกค้า ออกแบบกล่องไข่เค็มโดยใช้รูปเป็ดเป็นสัญลักษณ์ แตกต่างจากกล่องไข่เค็มกล่องที่มีลักษณะคล้ายกันโดยทั่วไปของกลุ่มไข่เค็มในอำเภอไชยาซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่ จากการดำเนินโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ที่ผ่านมาได้เข้ามาสนับสนุนเรื่องการขนส่ง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น ให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ช่วยด้านการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ไข่เค็ม อสม. ให้มีเอกลักษณ์ สามารถขนส่งผ่านระบบไปรษณีย์ไทย อบรมเติมความรู้การหุ้มห่อ ขนส่งผ่านระบบไปรษณีย์ไทย
ตลอดขยายช่องทางการจำหน่ายกับกลุ่มไข่เค็ม อสม. อาทิ www.thailandpostmart.com ทำให้เกิดรายได้กับกลุ่มเป็นจำนวนมาก มีรายได้เพิ่มขึ้นก่อนร่วมโครงการ 100% ในการดำเนินโครงการ ตลอดจนผลักดันให้ทุกผลิตภัณฑ์ชุมชน เข้าสู่กระบวนการรับรองคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่น่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภค และต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไข่เค็มสูตรปกติ เป็นไข่เค็มสมุนไพร เพื่อคุณสมบัติของสมุนไพรเข้าไปสู่ไข่เค็ม เป็นความแปลกใหม่ ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของไข่เค็มอำเภอไชยา เชื่อมหน่วยงานภาคีเครือข่าย ขยายความรู้บรรจุภัณฑ์เส้นใยมะพร้าวเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นวัตถุที่หาได้ในท้องถิ่น
ต่อด้วย ปลาส้มแบรนด์ “สุขหล่ำ” วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำ จังหวัดอุดรธานี
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำ จ.อุดรธานี เกิดจากการรวมกลุ่มของสมาชิกในชุมชนหมู่ที่ 6 ชุมชนบ้านห้วยหมากหล่ำ จ.อุดรธานี ดำเนินการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนภายใต้การดูแลของสำนักงานเกษตรอำเภอโนนสะอาด และได้การรับรองกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 รหัสทะเบียน 4-41-05-04/1-0027 มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกลุ่มเพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้แก่สมาชิกกลุ่ม เนื่องจากชุมชนบ้านห้วยหมากหล่ำ มีฐานะยากจน ไม่มีพื้นที่ในการประกอบอาชีพ ดังนั้นหากเกิดการรวมกลุ่มและสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปจำหน่าย ก็สามารถที่จะสร้างรายได้เลี้ยงชีพแก่สมาชิกกลุ่มได้ และสามารถสร้างอาชีพพึ่งพาตนเองได้
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 วิสาหกิจชุมชนได้รับความรู้จากการอบรมการแปรรูปปลาส้ม จัดโดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้การสนับสนุนความรู้ ถ่ายทอดองค์ความรู้การแปรรูปปลาส้มจากปลาตะเพียนให้แก่สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และครู นักเรียน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไปรษณีย์ไทย บ้านห้วยหมากหล่ำ นอกจากนี้มีหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรมได้แก่ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ องค์การบริหารส่วนตำบลทมนางาม ครูนิเทศ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน 24 นักวิชาการประมง สำนักงานประมงอำเภอโนนสะอาด กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิต และส่งเสริมอาชีพให้มีความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ครูนักเรียน และชุมชนห้วยหมากหล่ำ เป็นกิจกรรมภายใต้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม "ไปรษณีย์เพิ่มสุข" กิจกรรมมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการแปรรูป ขั้นตอนการแปรรูปปลาส้ม และเทคนิคในการแปรรูปปลาส้มมีรสชาติที่อร่อย โดยคุณสุเพ็ญพรรณ ทองกลัด เจ้าของร้านปลาส้มสมหวัง ซึ่งเป็นร้านปลาส้มที่มีรายได้ที่จำหน่ายและฝากขายส่งผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทยมากกว่า 1,500 แพ็คต่อเดือน สมาชิกกลุ่มและครู นักเรียน ได้เรียนรู้ผ่านการฝึกปฎิบัติจริงทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกปลาที่จะนำมาแปรรูปปลาส้ม เทคนิคการขอดเกลือ ล้างปลาให้ไม่มีกลิ่นเหม็นคาว ตลอดจนการเก็บรักษาปลาส้ม เพื่อสามารถเก็บรักษาได้นาน และมีรสชาติเปรี้ยวพอดีสำหรับการบริโภค
ทั้งนี้มีการฝากขายร้านค้าในชุมชมใกล้เคียงและมีการจำหน่ายผ่านสื่อออนไลน์ผ่านเพจ ปลาส้ม กลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำ จากการดำเนินการของวิสาหกิจชุมชนที่ผ่านมา สมาชิกรู้สึกมีความสุขจากการแปรรูปและจำหน่ายปลาส้ม ได้รับคำชมจากผู้ซื้อ ชื่นชมรสชาติปลาส้มที่อร่อย จากการจำหน่ายงาน ดอกอ้อยบาน กลุ่มได้รับการติดต่อจากลูกค้า ขอราคาส่งจากกลุ่ม ทำให้กลุ่มกำลังใจในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
นอกจากมีความสุขที่ได้รับ กลุ่มมีความตั้งใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสามารถฝากขายได้ทั่วประเทศ มีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม และรักษารสชาติของปลาส้ม และมีมาตรฐานในการผลิต จากการประชุมสรุปการดำเนินงานของกลุ่ม มีมติของสมาชิกตั้งชื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ปลาส้ม แบรนด์ “สุขหล่ำ” ซึ่งมีคำว่า “สุข” มีความหมายมาจากความสุขที่กลุ่มได้รับจากลูกค้า ความสุขที่เกิดการทำรวมตัวของชุมชนและร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้กลับคืนมายังกลุ่ม ความสุขที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข ที่ร่วมดูแลและสนับสนุนกลุ่ม ความสุขที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์มอบให้กลุ่ม นอกจากนี้เป็นการพ้องเสียงมาจากคำว่า “เพิ่มสุข” เสมือนเป็นการเพิ่มความสุขที่ไปรษณีย์ไทยให้แก่ชุมชนบ้านห้วยหมากหล่ำ
นอกจากนี้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในการสนับสนุนทรัพยากร องค์ความรู้ ตลอดจน ช่องทางการจัดจำหน่ายปลาส้ม
แนวทางการเลี้ยงปลาเพื่อจำหน่าย โดยมีนักวิชาการประมงปฏิบัติการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี นักวิชาการเกษตรชำนาญการ องค์การบริหารส่วนตำบลทมนางามให้ความรู้ และรองผู้กำกับ สภ.โนนสะอาด ครูและนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไปรษณีย์ไทย (บ้านห้วยหมากหล่ำ) ครูนิเทศ กก.ตชด.24 ผู้สนใจเลี้ยงปลาชุมชนเข้าร่วมการประชุม
อบรมพัฒนาอาชีพการทำปลาส้มและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยมีนักวิชาการเกษตรชำนาญการองค์การบริหารส่วนตำบลทมนางาม นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ องค์การบริหารส่วนตำบลทมนางามให้ความรู้ และครู นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไปรษณีย์ไทย (บ้านห้วยหมากหล่ำ) ครูนิเทศ กก.ตชด.24 และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำเข้าร่วมอบรม
สนับสนุนพันธุ์ปลา ให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไปรษณีย์ไทย (บ้านห้วยหมากหล่ำ) เพื่อเลี้ยงปลาเพื่อจำหน่ายและเป็นอาหารกลางวันให้แก่นักเรียน
ช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำจำหน่ายผ่านร้านค้าในชุมชมใกล้เคียงและสื่อออนไลน์ผ่านเพจ Facebook “ปลาส้ม กลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำ”
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *