หลังจากที่ประเทศไทย และทั่วโลก ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การค้าการขายต้องหยุดชะงัก หลายๆธุรกิจ ต้องสะดุดไม่สามารถเดินในเส้นทางปกติได้ และด้วยเหตุนี้ ทำให้เห็นการปรับตัวของผู้ประกอบการ หลายธุรกิจได้รับอานิสงส์ จากการหันไปทำตลาดออนไลน์ และหลายแบรนด์น้องใหม่แจ้งเกิดบนโลกออนไลน์แบบเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
โควิด คลี่คลายแบรนด์โด่งดังบนออนไลน์
เตรียมหันมาขอพื้นที่แจ้งเกิดบนห้างดังฯ
ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย หลายธุรกิจที่เคยแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ได้ขอชิมลางลงมาโลดแล่นบนเส้นทางออฟไลน์กับเค้าสักครั้ง รวมถึงกางเกงยีนส์ แบรนด์ Bearbeary ที่แจ้งเกิดมาจากตลาดออนไลน์ แบบ 100% และประสบความสำเร็จสร้างยอดขายหลักหลายสิบล้านบาทบนโลกออนไลน์ พอโควิด-19 คลี่คลายขออาศัยฐานลูกค้าที่มีอยู่บนโลกออนไลน์มาแจ้งเกิดบนโลกออฟไลน์ ผ่านห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ที่สำคัญกว่านั้น คือ การเป็นกางเกงยีนส์แบรนด์คนไทยแบบ 100% และการวางตำแหน่งสินค้าที่ต้องไปแข่งกับแบรนด์ดังระดับสากลที่แจ้งเกิดมานานบนห้างสรรพสินค้า ซึ่งถ้าไม่มั่นใจในคุณภาพจริงโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จและต้องม้วนเสื่อกลับบ้านมีสูง
มารู้จัก Bearbeary ยีนส์แบรนด์ไทย
กล้าการันตีลูกค้าต้องกลับมาซื้อซ้ำ
ครั้งนี้ มารู้จักกางเกงยีนส์น้องใหม่แบรนด์ไทย Bearbeary ผ่านการบอกเล่าของ นายธีรพงษ์ ฟองสมุทร์ ประธานกรรมการ บริษัท สตรอรี่เทรดดิ้ง จำกัด เจ้าของแบรนด์ Bearbeary กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์แบรนด์ Bearbeary เริ่มขึ้นเมื่อปี 2560 โดยเริ่มจากความต้องการจะทำกางเกงยีนส์ที่สวมใส่สบายออกมาเอาใจคนที่ชื่นชอบการสวมใส่ยีนส์ เพราะคนที่ชอบยีนส์จะทราบดีว่าการสวมยีนส์จะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวอึดอัด พอได้รู้จักกับนวัตกรรมผ้ายีนส์ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจนได้เนื้อผ้าไลคร่า ตัดสินใจทำยีนส์ที่สวมใส่สบาย คุณภาพดีออกมาขายให้กับคนรักยีนส์ได้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
โดยเริ่มจากผลิตกางเกงยีนส์สำหรับผู้หญิงออกมาเปิดตลาดก่อน เพราะตลาดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นผู้หญิงตลาดกว้างกว่า ตลาดผู้ชาย และผู้หญิงเปิดรับแฟชั่นใหม่ได้เร็วกว่าผู้ชาย ซึ่งการออกแบบ และลองผิดลองถูกอยู่เป็นปีกว่าจะได้กางเกงยีนส์ตัวแรกออกมาเป็นต้นแบบในการผลิตขายให้กับสาวๆ ที่ชื่นชอบยีนส์ได้สวมใส่ และไม่ผิดหวังเพราะจากการเปิดตัวบนโลกออนไลน์แบรนด์น้องใหม่กางเกงยีนส์ในราคาหลักเกือบ 2,000 บาทไปจนถึงเกือบ 3,000 บาท ก็มีลูกค้ามาอุดหนุนจากการบอกต่อของผู้เคยได้สวมใส่ ทำให้ประสบความสำเร็จ ภายในระยะเวลา1-2 ปี หลังจากเปิดตัวบนโลกออนไลน์
รับอานิสงส์โควิด เติบโตเร็วเกินเป้าตั้งไว้
ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์ จากโควิด-19 ด้วย ที่ดันตลาดออนไลน์ให้เติบโตในช่วงนั้น เพราะถ้าไม่ใช่ช่วงโควิด การแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ อาจจะไม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก ไม่คิดว่าจะมีคนตอบรับในสินค้าแบรนด์น้องใหม่ได้เร็ว เพราะการแข่งขันในตลาดแฟชั่นยีนส์ผู้หญิงมีสูงมาก มีจ้าวตลาดที่ราคาของเราก็ไม่ได้ถือว่าถูกกว่ายีนส์ในคุณภาพเดียวกันในตลาดเดียวกัน แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าสุดท้ายลูกค้าไม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ มากกว่าคุณภาพที่สมราคา
หลังจากที่ประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ ตั้งใจที่จะเปิดตลาดออฟไลน์เพื่อให้ลูกค้าที่ยังไม่เคยรู้จักเราทางออนไลน์ได้มารู้จักสัมผัสของจริง เพราะมั่นใจว่าคนที่ชวนชอบสวมใส่ยีนส์และได้เคยสัมผัสหรือสวมใส่ยีนส์ Bearbeary จะต้องกลับมาซื้อซ้ำ โดยเลือกขายผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเครือเซ็นทรัล เริ่มจากวางขายในห้างโรบินสัน และเซ็นทรัล 15 สาขา และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มหลังจากได้มีการเจรจาพูดคุยข้อตกลงกับทางห้างฯ
โควิด-19 คลี่คลายฉุดยอดขายออนไลน์ลดลงฮวบ
นายธีรพงษ์ กล่าวถึงในส่วนของการทำตลาดออนไลน์ ก็ยังเป็นช่องทางหลักอยู่ในช่วงนี้ เพราะเราเพิ่งเริ่มที่นำสินค้าเข้ามาวางขายในห้างสรรพสินค้าเพียงไม่กี่เดือน ต่อไปการขยายตลาดในช่องทางออฟไลน์เพิ่มมากขึ้น สัดส่วนการขายในช่องทางออนไลน์ กับออฟไลน์ก็น่าจะอยู่ในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน แต่ตอนนี้ออนไลน์อยู่ในสัดส่วน 80% อย่างไรก็ดี การขยายตลาดออนไลน์ไม่ได้ชะลอ ยังคงขยายตลาดออนไลน์เพิ่ม เพราะเชื่อว่ายังไงตลาดออนไลน์ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก เพราะที่ผ่านมาสินค้าของเรายังไปไม่ได้ทุกแพลตฟอร์ม ยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มที่เรายังไม่เคยนำสินค้าของเราไปขายอย่างจริงจัง
ถ้าถามว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ทำให้ยอดขายออนไลน์ของเราลดลงหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าลดลงไปบ้าง เพราะช่วงโควิด ทำงานที่บ้านลูกค้ามีเวลาเลือกสินค้าผ่านออนไลน์ แต่พอโควิดคลี่คลาย ห้างสรรพสินค้าเปิด ลูกค้าหันไปเดินชอปปิ้งดูของจริง มากกว่าการซื้อทางออนไลน์ แต่ลูกค้าของเราที่เคยซื้อออนไลน์ ก็ยังคงเชื่อใจและเลือกซื้อทางออนไลน์เหมือนเดิม แต่ออฟไลน์เหมือนเปิดลูกค้าใหม่ และ ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าเดิมที่เคยรู้จักแบรนด์ของเราทางออนไลน์มาก่อน พอมาเจอเราในห้างฯ ยิ่งมั่นใจและกล้าที่ซื้อมากขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ไม่ได้กระทบตลาดออนไลน์ของเรามากนัก แต่ที่เลือกขายเพิ่มช่องทางออฟไลน์ เพราะต้องการได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่อยากสัมผัสของจริง มีพื้นที่ให้ลูกค้าได้ไปเลือกและลองสวมใส่สินค้าจนกว่าจะพอใจก่อนตัดสินใจซื้อ
แผนการตลาดหลังลุยตลาดออฟไลน์
นายธีรพงษ์ กล่าวถึงแผนการตลาดหลังจากลุยเปิดตลาดในห้างสรรพสินค้าว่า มีแผนที่จะเปิดตัวกางเกงยีนส์ผู้ชายและของเด็กรวมถึงเสื้อและกระเป๋าของคุณสุภาพสตรี เพราะหลังจากเปิดตัวกางเกงยีนส์ผู้หญิงไป สาวๆ อยากจะให้แฟนได้สวมใส่กางเกงยีนส์ที่สวมใส่สบายแบบตัวเองบ้าง ก็เลยเตรียมจะเปิดตัวกางเกงยีนส์ผู้ชายในเร็วๆนี้
สำหรับในกระบวนการผลิต จะว่าจ้างโรงงานผลิตแต่แบบทั้งหมดยังคงเป็นของเรา ซึ่งการออกแบบเป็นหน้าที่ของทีมออกแบบที่เป็นดีไซน์เนอร์ของเรา ในส่วนของการทำธุรกิจ สิ่งที่เราที่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล มาตั้งแต่ต้น เพื่อสร้างสมดุลในการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมและสังคม เราจึงปลุกฝังค่านิยมให้กับพนักงานทุกคนว่า “เราต้องทำงานให้มีคุณภาพที่ดีที่สุด” และใช้วัตถุดิบที่ดี คงทนและใช้ได้นานเพื่อลดการใช้แล้วทิ้ง รวมถึงการรับฟังเสียงของลูกค้า โดยสมการในการออกแบบสินค้าของ Bearbeary คือ แพทเทิร์นที่เป็นเอกลักษณ์ (คำนวณจากสรีระของคนไทย) ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสิ่งทอ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและมีคุณภาพ และไม่ใช่แค่ คงทน สวมใส่สบายอย่างเดียวยังต้อง ใส่แล้วดูดี สวย สะดุดตา และ “คุ้มค่า” สวมใส่ได้หลายโอกาสอีกด้วย อีกทั้งสามารถตอบโจทย์และสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้ และต้องนึกเสมอว่าต้องทำสินค้าให้ “ดีเหนือความคาดหมายของลูกค้า”
โดยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ประกอบด้วย MATERIAL จาก LYCRA® เส้นใยสังเคราะห์ที่มีความยืดหยุ่นสูงยืดได้ดีกว่าเส้นใย SPANDEX ปกติถึง 500% และไม่เสียรูปทรงเมื่อใช้งานหรือซักด้วยเครื่องซักผ้า และการตัดเย็บที่มีความปราณีต และมีมาตรฐาน ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยและช่างฝีมือที่มีความชำนาญ เป็นมืออาชีพ และFITTING เนียบ เป๊ะ ทุกมุมมอง ทุกการเคลื่อนไหว กางเกงต้องเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตลุกนั่งสบาย เข่าไม่ตึง ไม่รัดจนดูไม่สวย โอบกระชับเอว พอดีกับรูปร่าง เบา นุ่ม สบาย จนลืมไปเลยว่าใส่กางเกงยีนส์อยู่
ติดต่อ Facebook : Bearbeary
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
