“ตอนนั้นลาออกเงินเดือนก็เพิ่งจะขึ้นมา แบบก้าวกระโดดเลย 4-5 หมื่นบาท หลังกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว แต่ว่าก็ต้องเลือกกลับบ้านและมาสานต่องานเกษตรที่เริ่มเอาไว้ก่อนหน้า ก็ปรากฏลงล็อคกันพอดีมีส่วนที่ขายได้ 3-4 วันเท่ากับกับเงินเดือนที่ได้แล้ว"
พี่ต๋อย-ลัดดาวัลย์ พุ่มจันทร์ เจ้าของสวนมะนาวภูนิตา จ.สระแก้ว บอกกับเราว่า หากนับเวลามาถึงตอนนี้กว่า10 ปีแล้วที่ตัดสินใจเลือกมาเป็นเกษตรกร จากไฟที่เริ่มจุดติดมาครั้งทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่น เคยถูกส่งตัวไปเพื่อเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น นานกว่าครึ่งปีโดยบริษัทที่ไปเรียนรู้งานจะตั้งอยู่ในเขตของการเกษตรกรรม ซึ่งทำให้ได้เห็นและเกิดความสนใจอย่างมาก การเกษตรของบ้านเขาที่มีระบบจัดการแปลงผลิต การจัดการเรื่องน้ำ การใช้เทคโนโลยีช่วยทุ่นแรงฯลฯ เขาสามารถทำการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่คนทำงานมีน้อยและอยู่ท่ามกลางข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคในการผลิตหลาย ๆ อย่าง จนรู้สึกอินและอยากจะทำการเกษตรที่สำเร็จแบบคนญี่ปุ่นบ้าง ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนไม่เคยคิดชอบหรืออยากทำเกษตรมาก่อน แต่ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ลองปลูกผักด้วย และพอกลับไทยมาแล้วถึงขั้นไปสมัครเรียนต่อที่ มสธ.(ป.ตรี) ด้านการจัดการธุรกิจเกษตร ควบคู่กับทำงานด้วย ในช่วงนั้นทั้งเรื่องงานและเงินเดือนก็ขึ้นมาจากเดิมแบบก้าวกระโดดเลย แต่ว่าในใจก็ยังอยากจะทำการเกษตรอยู่ไม่หยุด ก็ไปศึกษาดูงานตามที่ต่าง ๆ ด้วยและเรียนไปด้วยจนกระทั่งจบใน3 ปีครึ่ง ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำจริงในเวลาต่อมา
การผลิต “เลือกพืชที่คืนทุนได้เร็ว”
พี่ต๋อย เล่าว่า ตอนที่ไปดูงานก็พยายามจะหาพืชอะไรบ้างที่ สามารถคืนทุนได้เร็ว ระยะเวลาในการผลิตสั้น ตอนแรกก็ลอง “เมล่อน” ก่อนเคยเห็นที่ญี่ปุ่นมาใช้ระยะเวลาผลิตไม่นาน รสชาติดีขายราคาแพง ก็สั่งซื้อเมล็ดพันธุ์มาลองปลูกตอนนั้นใช้สถานที่บ้านเพื่อนที่ระยองทำดู เพราะยังทำงานบริษัทอยู่ที่ จ.ระยอง อยู่และจนพบว่า เมล่อนไม่เวิร์ก ทำยากไป ไม่เป็นอย่างที่วาดฝันเอาไว้ ไป ๆ มา ๆ เลยไปเจอข้อมูลว่า “มะนาว” เป็นพืชน่าสนใจปลูกเพียง7 เดือน ให้ผลผลิตได้! เพราะแต่ก่อนจะต้องเป็นปี จึงอยากจะรู้ว่ามันทำได้จริงไหม? ก็ไปเจอกับนักวิชาการเจ้าของสวนที่ จ.ชลบุรี ปลูกมะนาวสายพันธุ์ลูกผสม “พิจิตร1” เลยเป็นที่มาของการนำพันธุ์กลับมาลองปลูกที่บ้านอีกอย่างแถวบ้าน(อ.วังน้ำเย็น) ตอนนั้นก็ยังไม่เห็นมีการปลูกมะนาว อยู่ก่อนเลยเพราะยังไม่มีพันธุ์มากนัก ซื้อมากิ่งละ100 บาทตอนแรก 6 ต้นก่อน ลงปลูกในวงบ่อซีเมนต์มีการผสมดิน/วัสดุปลูกตามสูตรทุกอย่าง แล้วให้พ่อกับแม่ช่วยดูให้ผ่านไป2 สัปดาห์ ใบถูกหนอนมารุมกินจนโกร๋นหมดต้น พ่อเลยพูดว่ามันจะไปไหวรึ! เพื่อลบคำสบประมาทให้ได้เพราะที่บ้านก็ไม่ค่อยอยากให้มาทำการเกษตรสักเท่าไร ไปขอคำแนะนำวิธีการจัดการจากนักวิชาการมาลองใช้ดู ปรากฏว่าคราวนี้รอดแล้ว! และพอครบ7 เดือนมะนาวก็เริ่มออกดอกขาวโพลนเต็มต้นไปหมด พอ 8 เดือนก็เริ่มติดลูก สรุปชุดนั้นสร้างความฮือฮาไปทั้งหมู่บ้านทั้งเรื่องของผลผลิตที่ติดดกเป็นพวงเลย และก็พอขาย “ผล” ได้เงินมาอีกกว่าหมื่นบาทด้วย
พอเห็นแล้วว่ามันทำได้ จากนั้นก็เลยไปซื้อพันธุ์มาปลูกเพิ่มอีก 200 ก่อนแล้วก็ 100 ต้น แยกเป็น2 ชุดอายุปลูก และพอมะนาวเริ่มโตพอให้ผลผลิตได้ก็ขายทั้ง “ลูก” กิโลละ 100 บาทบ้างหรือขึ้นอยู่กับช่วงราคาถูก-แพงในตอนนั้น และแบ่งโซนสำหรับการทำกิ่งพันธุ์ขายโดยวิธีการตอนกิ่งด้วย เทียวไป-กลับในช่วงวันหยุดงานเสาร์-อาทิตย์เพื่อมาทำสวนอยู่นานสักพัก ทั้งที่ใจอยากจะลาออกมาทำแล้วแต่ว่าที่บริษัทยังไม่อยากจะให้ออก จนสุดท้ายคือต้องตัดสินใจแล้วจริง ๆ เพราะว่า ”แม่” เริ่มป่วยและต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล ไม่มีคนดูแล กับตอนนั้นพอไปกลับ “สระแก้ว-ระยอง” บ่อย ๆ เข้าก็เริ่มจะไม่ไหวเรื่องค่าน้ำมัน สรุปก็เลยคิดว่างั้นลาออกมาทำสวนไปด้วยพร้อมกัน
ผลผลิตจะต้องมี“มากกว่า1 อย่าง” สามารถต่อยอดได้
แต่ว่าก่อนหน้านั้นก็ได้มีการเตรียมการสำหรับ อาชีพเกษตร ไว้บ้างพอสมควรโดยพี่ต๋อยเล่าว่า เริ่มมีการทำเรื่องของตลาดออนไลน์ เช่น เปิดเว็บไซต์ของตนเองเพื่อที่จะขายของผ่านช่องทางนี้ด้วย และจนมาถึงในยุคของเฟซบุ้คก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ‘สตอรี่’ ต่าง ๆ ช่วยในการบอกเล่าเพื่อการนำเสนอขายสินค้าควบคู่มา ตอนนั้นพอลาออกมาก็เป็นจังหวะที่ตลาดมะนาวกำลังบูมซึ่งก่อนหน้า ก็ได้มีการตอนกิ่งขยายพันธุ์มะนาวไว้บางส่วนแล้ว และพอมาเริ่มเปิดขายอย่างเต็มตัวไม่น่าเชื่อว่า 3-4 วันก็ได้จับเงินหมื่นหลายหมื่นแล้ว ซึ่งเทียบกับเงินเดือนที่ได้อย่างสบาย ๆ เลย พี่ต๋อยพูดว่า “รู้งี้ตัดสินใจลาออกมาตั้งนานแล้ว” และก็ยังคงรายได้ดีแบบนั้นมาอีกเรื่อย ๆ จากการขายทั้งกิ่งพันธุ์และก็ผลมะนาว
พี่ต๋อยบอกด้วยว่า หลักของการทำเกษตรที่ตนเองจับทางได้อีกอย่างคือว่า ต้องสามารถต่อยอดจากการผลิตพืช1 ชนิด ผลผลิตที่ได้จะต้องมีมากกว่า1 อย่างเสมอ และนอกจากมะนาวแล้วอีกตัวอย่างพืชที่ทำเงินให้อย่างดี พี่ต๋อยก็ยังมี “สะเดา” พันธุ์ทะวายและก็สะเดาดำ หลังจากที่ไปซื้อพันธุ์ดีมาปลูกปรากฏว่าก็ขายได้ทั้ง “ดอก” รวมไปถึง “กิ่งพันธุ์” มีการสั่งจองกันแบบข้ามปีเลยก็มี พืชอีกชนิดที่สร้างชื่อให้กับสวนมะนาวภูนิตาฯ ด้วยก็คือ “กระเจียว” พันธุ์กินดอกซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่พี่ต๋อยบอกว่า นำมาต่อยอดในเรื่องของสตอรี่เพื่อสร้างการรู้จักที่มากขึ้น จากแต่เดิมชาวบ้านปลูกกันมานานแล้วและพอถึงหน้าฤดูกาลก็เก็บดอกขายส่งให้กับพ่อค้าที่มารับ แต่พอพี่ต๋อยเริ่มมีสตอรี่ต่าง ๆ ที่บอกเล่าถึงที่มาที่ไปของพืชนี้การโชว์ให้เห็นถึงวิธี การผลิตและผลผลิตที่ออกมา สร้างการรู้จักและนำมาสู่การสั่งซื้อพันธุ์ไปปลูกจากทั่วทุกสารทิศมาจนถึงทุกวันนี้ หรือแม้แต่พืชอื่น ๆ ที่รู้สึกว่าสนใจก็เลยหาพันธุ์มาปลูกลองดู อย่างเช่น หญ้าหวานอิสราเอล(เลี้ยงปศุสัตว์) ฝรั่งแตงโม (ซี-กัวปาล่า) อ้อยคั้นน้ำ “สุพรรณบุรี50” และไม้ผลราคาดีอย่าง “แบล็คเบอร์รี่-ราสเบอร์รี่” ก็มีปลูกได้กินทั้ง “ผล” ขายด้วยและยังสามารถต่อยอดเรื่องการขายพันธุ์ดีได้อีก เป็นต้น
ต้องวางแผนเรื่องการผลิตก่อน ดูแนวโน้มเรื่อง “ราคา” ควบคู่
การเกษตรแน่นอนว่าเราไม่สามารถคาดการณ์เรื่อง “ดินฟ้าอากาศ” เพื่อให้เป็นไปอย่างที่เราอยากจะให้เป็นได้ แต่การผลิตก็จะต้องดำเนินไปและก่อเกิดการสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องให้ด้วย พี่ต๋อยบอกว่าดังนั้นที่สวนของตนเองก็จะมีทั้งพืชที่เป็นแบบ “ฤดูกาล” ด้วยถึงเวลาก็มีผลผลิตจากอันนี้ หรือว่าถ้าเป็นการบังคับให้ออกนอกฤดูกาลด้วย ก็อย่างเช่น มะนาวที่สามารถทำได้ แต่ว่าการลงทุนก็ย่อมสูงกว่าในช่วงของฤดูกาลปกติ อาศัยว่ามีหลาย ๆ อย่างสลับต่อเนื่องกันไปในการผลิตตลอดทั้งปีแทน รวมถึงก็ยังมี “ผัก” ที่ปลูกในแปลงอิฐบล็อกด้วย อันนี้คือจะผลิตตามสั่งเลยเพราะจะมีพี่สาวที่มารับไปขายตลาดอยู่แล้ว เป็นคนออร์เดอมาว่าช่วงไหนให้ปลูกผักอะไรบ้าง ก็จะผลิตส่งให้ ซึ่งผักเองก็จะมีหน้าหรือว่า “ฤดูกาล” ของราคาถูกแพงด้วย หากมีการวางแผนผลิตให้ดี ๆ ก่อนราคาและก็รายได้ รับรองว่าไม่ธรรมดาเลย อย่างเช่นช่วง “กินเจ” ก็เป็นอีกนาทีทองของราคาผักที่ได้ เป็นต้น
ทำเกษตรแบบมีรายได้ทุกวัน หรือถ้าไม่ได้ก็ต้องมีอีกอย่างแทน
บนพื้นที่ผลิตทั้งหมดรวมกว่า 30 ไร่ แถมยังมีแหล่งน้ำเป็นของตนเองพร้อมเลยสำหรับการผลิตตลอดปี พี่ต๋อยบอกต้องยกความดีนี้ให้ “พ่อ” ได้มองการณ์ไกลไว้ให้ด้วยการขุดบ่อใหญ่(4 บ่อ) เพื่อช่วยเก็บน้ำฝนไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี พ่อบอกว่า “น้ำคือชีวิต” ทำให้ไม่ต้องเดือดร้อนในการผลิตทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเกษตร และตั้งแต่ออกจากงานมาทำเกษตรพี่ต๋อยยืนยันด้วยว่า มีเงินเข้ามือมาทุกวันซึ่งแทบไม่มีวันไหนที่ไม่มี“รายได้” เลย! ไม่เคยรู้สึกว่าผิดหวังเสียใจที่เลือกมาเดินทางนี้ กลับคิดเสียอีกว่าถ้ารู้อย่างนี้ตัดสินใจลาออกมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าก็ต้องมีบ้างที่ล้มเหลวไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่ทำจะสำเร็จสวยหรูไปเสียทั้งหมดเพียงแต่ว่าไม่ท้อและพยายามคิดเพื่อไปต่อข้างหน้าเสมอ กับต้องมีองค์ความรู้ด้วยจะต้องใช้ควบคู่เสมอ
จนมาล่าสุดอยู่ ๆ มี “พิซซ่า”ขายอยู่ในสวนด้วย! ซึ่งพี่ต๋อยก็เล่าถึงที่มาให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า เป็นเพราะโควิดฯ ที่ผ่านมาทำให้กระทบกันไปหมด ทั้งคนมาเที่ยวที่สวนไม่ได้เหมือนปกติและต้นไม้จากเคยขายดีขายได้ทุกวัน ก็ชักจะเริ่มดร็อป ๆ ลงไป ดังนั้นก็เลยมองหาว่าอะไรที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน คำตอบมันก็คือของกิน เพราะต้นไม้ไม่จำเป็นต้องปลูกทุกวันก็ได้ แต่คนต้องกินอาหารทุกวัน ส่วนหนึ่งในการเลือกทำพิซซ่าเพราะลูกค้าที่เคยมาเที่ยวสวนกัน มักจะถามหาของกินด้วยที่ไล่เรียงไปตั้งแต่เรื่องน้ำ-เครื่องดื่ม ดังนั้นพอมาเห็นว่าพิซซ่า(ซื้อแฟรนไชส์มา) มันเป็นของกินที่เขาสามารถสอนวิธีการทำเพื่อสามารถเปิดร้านขายได้ โดยไม่ต้องใช้ทักษะในการปรุงเองเพราะเขาจะมีสูตรมาตรฐานไว้ให้พร้อม ก็เลยลองเอามาทำดูอีกอย่างก็พอมีที่ทำหน้าร้านเป็นแบบบรรยากาศพิซซ่าในสวนได้ จากทีแรกก็แอบหวั่น ๆ ว่าบ้านเราอยู่บ้านนอกไกลจากเมืองด้วยจะขายได้ไหม แต่ปรากฏเปิดขายวันแรกก็ขายดีเลย (ได้กว่า50 ถาด) จากนั้นคนที่เคยกินแล้วก็กลายเป็นลูกค้าประจำกันมาด้วย บางเดือนยอดขายได้เป็นแสน! เลยก็มี จนตกใจพอมาย้อนดูตัวเลขแล้ว กลายเป็นว่าก็ลงล็อคพอดีอีกช่วยสร้างรายได้ให้อีกทางในช่วงที่อาจจะยังไม่มีการขายต้นไม้หรือผลผลิตเกษตร ก็ยังมีรายได้จากขายอาหารสลับกันไปพลาง ๆ ก่อนได้ มีวันที่ได้มากบ้างน้อยบ้างแต่ว่าก็ยังได้เรื่อย ๆ อยู่ แล้วตอนนี้ก็มีคนมาช่วยเพิ่มขึ้นแล้วทั้ง “ลูกชาย” ที่มาช่วยส่งพิซซ่าให้ และก็สามีที่ตอนนี้ก็มาช่วยกันดูแลเรื่องงานสวนต่อไป ส่วนลูกสาวที่เคยมาช่วยบ้างตอนนี้ก็เรียนจบแล้วและเริ่มทำงานตามสิ่งที่เขาเรียนมา ถือว่าชีวิตก็ลงตัวด้วยดีทุกอย่าง
ในอนาคต พี่ต๋อยเผยเรื่องแผนต่อยอดการผลิตโดยเฉพาะ “แบล็คเบอร์รี่-ราสเบอร์รี่” เป็นพืชที่ตนเองมองว่าทำได้ไม่ยากเลย
เรื่องการปลูกและผลผลิต ไวมากและก็ติดผลดีและดกมาก ๆ ด้วย ก็เลยอยากจะเห็นการปลูกที่สามารถส่งผลผลิตขายในห้างฯ อย่างเช่น โลตัส แม็คโคร ที่มีสาขากระจายอยู่ตามท้องที่ต่าง ๆ ได้ แต่ว่าราคาจำหน่ายก็อาจจะเหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อระดับกลางขึ้นไป ส่วนเกษตรกรก็มีบทบาทในการเป็นผู้ผลิตพืชที่สามารถสร้างความคุ้มค่าให้ได้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังรอดูเศรษฐกิจและอะไรต่าง ๆ ให้พร้อมก่อน และถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำพืชตัวนี้ไปต่อในทิศทางที่คิดเอาไว้ด้วย
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 093-623-5199
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *