ทองดี ขาวใหญ่ และทับทิมสยาม ก็มีเน้นปลูกกันที่นี่ เรื่องรสชาติที่ได้ไม่ด้อยกว่าแหล่งต้นทางพันธุ์ที่มาแน่นอน ด้วยสภาพอากาศ-ดินและน้ำ (ติดลำน้ำปิง) ทำให้จากที่เคยสงสัยกันว่าปลูกแล้วจะดีไหม? แต่สรุปพอใครได้ชิมแล้วก็จะสั่งซื้อมาเรื่อย ๆ เลย!
มีโอกาสได้คุยกับ ผู้ช่วยฯศรายุทธ อินราง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ถึงเรื่องของ “ส้มโอ” ที่ปลูกกันในแหล่งใหม่ว่ามี ข้อดี-ข้อด้อย แตกต่างจากแหล่งเดิมที่มาของสายพันธุ์เป็นอย่างไรบ้าง? เพราะเห็นมีผลผลิตพันธุ์การค้าทั้งนั้นเลยไม่ว่าจะเป็น ขาวใหญ่(สมุทรสงคราม) ทองดี(นครปฐม) รวมถึง ทับทิมสยาม(ปากพนัง-นครศรีธรรมราช) อีกด้วย! ที่ปลูกได้อยู่ในเขตนี้ ซึ่งแต่เดิมทีพืชเศรษฐกิจประจำถิ่นของทางนี้มันก็น่าที่จะเป็นเรื่องของ ลิ้นจี่ ลำไย แต่เหตุไฉนจึงกลายเป็นว่าส้มโอก็มีปลูกกันอยู่ไม่น้อยเลย ในห้วงช่วงกว่า 5-7 ปีผ่านมานี้ เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าส้มโอจะกลายพืชเศรษฐกิจใหม่แทนที่ของพืชเจ้าถิ่นเดิมที่เราคุ้นเคยกันไปเสียแล้ว!
“ส้มโอพันธุ์การค้า” พืชทางเลือกใหม่! เกษตรกรเมืองจุน
ผู้ช่วยฯศรายุทธ เล่าว่า ย้อนไปช่วง 5-7 ปีก่อนได้มีชาวบ้านรายหนึ่ง เป็นผู้นำพันธุ์ส้มโอเศรษฐกิจเข้ามาลองปลูกในพื้นที่นี้ แล้วปรากฏว่าได้ผลดีมากทั้งเรื่องของ “รสชาติ” ซึ่งจากแต่ก่อนก็กลัวกันว่ามันจะได้หรือ รสชาติออกมาจะสู้ของที่อื่นได้ไหม ก็สรุปว่าได้และแถมก็ดี(กินอร่อย-หวาน) ไม่แพ้ของที่ปลูกทางแหล่งอื่นเช่นกัน ตอนนั้นเป็นที่ฮือฮากันและขายดีมาก ๆ เลย ทำให้เกิดความสนใจและนำมาสู่การปลูกส้มโอ เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกตัวใหม่เพิ่มขึ้นมาในพื้นที่นี้อีกด้วย เพราะกล่าวสำหรับพืชหลักดั้งเดิมอย่าง ลิ้นจี่ ลำไย หรือว่านาข้าว(นาปี) เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าราคาที่ได้ บางปีเอาแน่เอานอนแทบไม่ได้เลย การลงทุนสูงแต่พอเวลาขายผลผลิตกลับมีปัญหาสารพัด อย่างปีนี้สถานการณ์ของ “ลำไย” เรียกได้ว่าเกษตรกรสุดช้ำกันเลย การมีพืชตัวใหม่เข้ามาเพิ่มเติมก็จะได้ช่วยเสริม ๆ กันไปบ้าง สำหรับตนเองก็เพิ่งจะปลูกมาได้3 ปีมีหลายพันธุ์ ขาวใหญ่ ทองดี และทับทิมสยาม ที่นี่สามารถปลูกและให้ผลผลิตได้ดี
ดินปลูกใหม่แถมน้ำท่าอุดม ส่งให้ส้มโองามดี ติดผลดก รสชาติอร่อยไม่แพ้ใคร!
ด้าน นายสมบูรณ์ คำติ๊บ เจ้าของสวนส้มโอที่หมู่ 1 ตำบลลอ ก็เล่าให้ฟังด้วย ก่อนจะปลูกส้มโอตนเองก็เคยไปดูงานที่กลุ่มส้มโอเวียงแก่น จ.เชียงราย และซื้อกิ่งพันธุ์ดีนำกลับมาปลูกด้วย เห็นว่าราคาตอนนั้นมันน่าสนใจย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตนเองก็พอมีพื้นที่อยู่บ้างก็เลยแบ่งจากการทำนาบางส่วนมาทำสวนส้มโอ ขณะเดียวกันก็มี “ลำไย” กว่า 20 ไร่ที่ทำอยู่เดิมด้วย ที่ดินอยู่ใกล้แหล่งน้ำ(แม่น้ำปิง) จึงมีข้อดีคือน้ำท่าไม่ขาดตลอดทั้งปีใช้วิธีติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์เป็นพลังงานหลักในการจ่ายน้ำเข้ามายังแปลงได้อย่างสะดวก แต่ข้อเสียที่ต้องทำใจคือว่าถ้าปีไหนน้ำมากเกิดน้ำท่วม ซึ่งท่วมนานกว่าครึ่งเดือน ก็มีเสียหายถึงขั้นทำให้พืชที่ปลูกอยู่ตายไปและต้องมีการปลูกซ่อมใหม่ก็ทำมาแบบนี้ และด้วยความใหม่ของพื้นที่นี้อย่างไรก็ไม่ทราบได้สำหรับพืชนี้ ปรากฏว่าส้มโอที่ปลูกอยู่ทั้งขาวใหญ่ ทองดี และทับทิมสยาม สามารถเจริญเติบโตดีมากทั้ง ๆ ที่การดูแลก็มีเพียง ใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอก-ปุ๋ยหมักเสริมให้บ้าง ไม่ได้บำรุงดูแลอะไรมากนัก พอช่วงสักปีที่3 เริ่มติดผลได้แล้วแต่ว่าก็ยังจะไม่เน้น จนเมื่อปีที่แล้วมาถึงปีนี้ที่เริ่มมีการไว้ผลอย่างจริงจังมา ปีนี้ที่ถือว่าเต็มที่เลยคือ 8 ไร่ แต่หากรวมทั้งหมดที่ทยอยขยายพันธุ์เองปลูกเพิ่มมาก็ร่วม ๆ15 ไร่แล้ว และยังมีของญาติ ๆ กันอีกปลูกมาไล่เลี่ย นับรวมกันแล้วก็มีเป็นหลักร้อยไร่ขึ้นไป
พี่สมบูรณ์ ยังบอกด้วย หลังจากเริ่มแน่ใจแล้วว่าผลผลิตพร้อมเก็บเกี่ยวได้ ก็ลองส่งไปให้ญาติที่อยู่ทั้งทางไกลและใกล้ได้ช่วยชิมดูกันก่อน กระทั่งทุกคนตอบรับกลับมาว่า รสชาติได้! อร่อย กินไปคือไม่ติดขมเลย หวานกำลังดี(เปรี้ยวอมหวาน) แต่ส่วนที่ยังด้อยไปบ้างคือ เรื่องสี อย่างเช่นพันธุ์ทับทิมสยามซึ่งแหล่งเดิมของพันธุ์นี้เลยคือ ปากพนัง-ภาคใต้ รสชาติความหวานผ่านได้สบาย แต่ว่า “สี” ยังสู้ของทางต้นตำรับเดิมไม่ได้ และลูกก็ยังเล็กกว่าอยู่บ้าง ทั้งนี้สันนิษฐานเองว่าอาจจะเพราะต้นยังใหม่อยู่ด้วย(อายุไม่มาก) และคนปลูกเองก็ยังต้องพัฒนาฝีมือสำหรับพืชนี้ไปอีก อย่างน้อย ๆ เพิ่งเริ่มต้นแต่ทว่าพอมีใครได้ชิมแล้วก็เกิดการสั่งซื้ออีกเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ
ปีนี้ผลผลิตทุกอย่างขายยาก! ราคาก็ไม่ได้! ยังดีว่าช่วงนี้ทางการเข้ามาช่วย
สำหรับที่มาของราคาขายสุดน่ารัก! (กล่องละ100 เดียว) ที่ต้องบอกเลยว่าผู้บริโภคที่ชื่นชอบส้มโออยู่แล้วควรจะรีบสั่งซื้อกันรัว ๆ เลยช่วงนี้ เพราะราคา 100 บาท/กล่อง แถมไม่มีค่าส่ง(ส่งฟรี) ด้วย! เลือกได้อยากชิมส้มโอพันธุ์อะไร ทองดี ขาวใหญ่ ทับทิมสยาม และมีอย่างน้อย ๆ ใน 1 กล่องต้องได้ 2-3 ผลขึ้นไป(ขึ้นกับขนาด) แต่ว่าก็เป็นลูกที่มีขนาด 2 กก.ขึ้นไป/ผล ทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องว่าจะไม่คุ้มค่าเพราะส่งตรงจากสวนเอง อย่างไรคุณภาพที่ได้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน ปีนี้ในส่วนของพี่สมบูรณ์เองขอแค่ขายหมดสัก 4 ตันพอแล้ว! แค่นี้เจ้าของก็พอใจได้ทุนคืนค่าปุ๋ย-ยามาก่อนแล้ว รอบหน้าค่อยว่ากันใหม่อีกที
เพราะช่วงก่อนที่จะมาขายในราคา 100 บาท/กล่องนี้ ส้มโอปีนี้แปลกมาก ๆ ต่างจากปีที่แล้วพ่อค้าจะเข้ามาซื้อเหมาสวนไปจนหมด แต่ปีนี้เงียบผิดปกติมาก ยังดีที่ว่ามีโครงการช่วยเหลือจาก กรมการค้าภายใน ก.พาณิชย์ ร่วมกับทาง ไปรษณีย์ฯ เข้ามาช่วยสนับสนุน “กล่อง” สำหรับการส่งให้กลุ่มเกษตรกรเจ้าของผลผลิต ใครมีช่องทางการขายออนไลน์ได้อันนี้ดีมาก ๆ เพราะว่าเขาจะยกเว้นค่าจัดส่ง(ส่งฟรี) ให้ด้วย ทำให้เจ้าของสวนสามารถขายของได้ง่ายขึ้น ช่วยทยอยผลผลิตที่ยังมีอยู่ให้ขายออกได้เรื่อย ๆ แล้วก็รู้สึกว่าคนซื้อเองก็ให้การตอบรับที่ดีด้วย มีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลา 1-2 วันหรือไม่เกิน 3 วันของก็ไปส่งถึงคนกินได้เลย ซึ่งตอนนี้ก็ยังเหลือระยะเวลาอีกถึง สิ้นเดือนกันยายนนี้ ที่โครงการความช่วยเหลือก็จะสิ้นสุดลง
ในฐานะของ “ผู้บริโภค” คนหนึ่งเราเองก็รู้สึกได้ว่า ตั้งแต่เริ่มมีการค้าการขายผลผลิตจากเกษตรกร แบบส่งตรงถึงคนกินเองโดยตรง ผ่านระบบออนไลน์ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนี้ มันเวิร์ก!มากนะ เพราะเรารู้สึกว่าได้ของที่มีคุณภาพจริง ๆ อย่างผลผลิตเกษตรจะเห็นได้ชัดว่า มันสุกแก่เต็มที่อย่างได้รสชาติจริง ๆ(กรณีของผลไม้) ซึ่งคนขายเองย่อมไม่กล้าทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงแน่ ๆ คนซื้อจ่ายในราคาที่สวนเองก็พอใจในความคุ้มค่าที่ได้รับ เป็นระบบเศรษฐกิจใหม่ที่มันน่าจะเรียกได้ว่าเข้าท่ามาก ๆ อยู่พอสมควรเลย และหากในเรื่องของระบบโลจิสติกส์ที่ขนส่งของไปสู่ปลายทางของคนรับก็สามารถปรับเรท “ราคา” ที่ทำให้ชวนซื้อง่าย-ขายคล่อง กันไปพร้อม ๆ ด้วยไม่แน่ว่า ต่อไปสินค้าเกษตรไทยอาจไม่เจอปัญหาเรื่องตลาดและราคาตกต่ำซ้ำรอยกับอดีต อีกก็ได้นะ! พูดลอย ๆ เผื่อว่าผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จะรับไว้พิจารณา(อย่างเร่งด่วน)ต่อไป
สนใจสั่งซื้อส้มโอจากเกษตรกรสอบถามเพิ่มเติม โทร.093-518-8876
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
