AgrowPlus ผู้ให้บริการนวัตกรรมธุรกิจการเกษตรในรูปแบบ B2B2C4E หรือ Business-to-Business-to-Customer ตัวกลางสำคัญในการเชื่อมต่อธุรกิจทางการเกษตรระหว่างเจ้าของธุรกิจ กับ เจ้าของธุรกิจ สู่ผู้บริโภค เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมบริษัทในเครือ ประกอบด้วย บริษัท อะโกรว์แล็บ จำกัด หน่วยวิจัยและเทคโนโลยี ในรูปแบบของโรงงานผลิตพืช (Plant Factory) และการปลูกพืชในโรงเรือน (Greenhouse), บริษัท เธอร์บาลิสต้า จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกกลางแจ้งมาตรฐานออร์แกนิค บริษัท อะโกรว์ฟาร์ม จำกัด จัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร และ บริษัท อโกรว์แคร์ จำกัดจัดจำหน่ายผลผลิตแปรรูปทางการเกษตร เช่น ยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง เป็นต้น
AgrowPlus โมเดลทำธุรกิจการเกษตรครบวงจร
โดย บริษัท อะโกรว์พลัส จำกัด ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อโมเดลการทำธุรกิจทางการเกษตรครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งในระดับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการร่วมพัฒนาธุรกิจ การต่อยอดทางธุรกิจ การร่วมลงทุน ไปจนถึงผู้บริโภครายย่อย โดยมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับการเกษตรแบบเดิมให้กลายเป็นเกษตรสมัยใหม่ นำเทคโนโลยีทางวิศวกรรมเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่าย
นายตะวัน น้อยมีธนาสาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อโกรว์พลัส จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ เปิดเผยถึงที่มาของ AgrowPlus ว่า เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แนวโน้มจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นจากในอดีต รวมถึงประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารของโลก ประกอบกับ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 สิ่งที่คนทั้งโลก ต้องเผชิญ คือ สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกต้องหยุดชะงัก อีกทั้งระบบห่วงโซ่การผลิตทั่วโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทั่วโลกเกิดความกังวลเรื่องการขาดแคลนอาหาร ยกตัวอย่างเช่น อินโดนีเซีย จำกัดเรื่องการส่งออกปาล์ม อินเดีย จำกัดการส่งออกน้ำตาล และข้าวสาลี มาเลเซีย จำกัดการส่งออกไก่ อาร์เจนติน่า จำกัด การส่งออกถั่วเหลือง บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในการเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศไทยให้ดีขึ้น สร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและยารักษาโรคด้วยวัตถุดิบทางการเกษตร ซึ่งเป็นที่มาของ AgrowPlus และบริษัทในเครือทั้งหมด
โดยการทำงานของ AgrowPlus และบริษัทในเครือ ทำงานอยู่ภายใต้การบริหารงานแบบ 4E ก็คือ 4E-Marketing 5.0 ได้แก่ Experience: สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า Exchange: สร้างความคุ้มค่าให้ลูกค้ายอมรับในผลิตภัณฑ์ Everywhere: ทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากทุกที่ และ Evangelism: สร้างลูกค้าขาประจำเพื่อให้เกิด Brand Loyalty โดยAgrowPlus ต้องการที่จะยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิม ที่ต้องเพาะปลูกตามวิถีธรรมชาติ ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ด้วยการนำเกษตรกร เข้าสู่ยุค “เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร” หรือที่ภาครัฐ เรียกว่า “เกษตร 4.0” การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรมาใช้ในภาคการเกษตร และเปลี่ยนวิถีการเกษตร เข้าสู่ “วิถีเกษตรแม่นยำ” ตั้งแต่เริ่มต้นเพาะปลูกจนกระทั่งถึงการเก็บเกี่ยว ทำให้สามารถควบคุมปริมาณและคุณภาพของผลิตผลทางการเกษตรได้ดีขึ้น และยังเป็นการยกระดับผลิตผลทางการเกษตร ให้เข้าสู่ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organic) และมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP) ตอบโจทย์ในเรื่องมาตรฐานวัตถุดิบทางอาหารที่ดี และปลอดภัย
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขายผลิตผลทางการเกษตรได้มากขึ้น ราคาดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น ฐานะความเป็นอยู่ย่อมดีขึ้น เป็นภาระของภาครัฐน้อยลง และในมุมของ ภาคธุรกิจ ทั้งรายย่อย และรายใหญ่ ที่ต้องนำผลิตผลทางการเกษตร มาเป็นวัตถุดิบในการผลิต และแปรรูป ในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ ตอบโจทย์ นโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ตั้งเป้าหมายว่า “ครัวไทยสู่ครัวโลก” และสุดท้ายในมุมของ กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจเพื่ออนาคต หรือเรียกว่า New S-Curve อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ประกอบด้วย การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) และ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
ดึง “วิลลี่ – เสนาหอย” มาร่วมอะโกรว์พลัส
แบบอย่างให้คนรุ่นใหม่หันมาทำเกษตร
นายตะวัน กล่าวถึงที่มาของการดึงนักแสดงชื่อดัง มาร่วมในกลุ่มAgrowPlusและบริษัทในเครือในครั้งนี้ ว่าเริ่มมาจากโดยส่วนตัวผมได้ทำธุรกิจการเกษตร ชื่อ อะโกรว์แล็บ มาตั้งแต่ปี 2559 และ เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้พบกับ คุณวิลลี่ แมชอินทอช และ คุณหอย “เกียรติศักดิ์ อุดมนาค” ทั้งสองคน ได้หันมาทำไร่ปลูกผักปลอดสารพิษ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วินฟารม์” จนวันนึง เราได้คุยเรื่องเกษตรแนวปลอดสารพิษ
โดยทั้งสองคน สนใจเรื่อง Plant Factory ของหน่วยงานนึง ที่กำลังจะดำเนินการก่อสร้าง ในระหว่างที่ได้คุยกันไป คุยกันมาก็เลยพากันไปดูการเพาะปลูกแบบ Plant Factory หรือ โรงงานผลิตพืช ที่ AgrowLab ที่เป็นการเพาะปลูกระบบปิด ควบคุมทุกอย่างด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผลิตผลทางการเกษตรที่ได้ เป็นไปตาม มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP) ซึ่งเป็นระบบการปลูกพืชแบบใหม่ของประเทศไทย ได้เชิญให้ทั้งสองคนมาทำงานร่วมกับทีมของ AgrowPlus ด้วยชื่อเสียงของทั้งสอง จะทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่หันมาทำเกษตรมากขึ้น ซึ่งเราพร้อมจะเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้การทำเกษตรนวัตกรรมง่ายขึ้น และสร้างรายได้ที่ยั่งยืน
ด้านวิลลี่ และ เสนาหอย เล่าถึงที่มาของการร่วมทำงานกับ AgrowPlus ครั้งนี้ ว่า ด้วยต้องการที่จะต่อยอดการทำเกษตร “วินฟาร์ม” มีเพื่อนนักแสดง และคนรู้จัก พอเห็นเราทำเกษตรและได้ผลผลิตสามารถขายได้ ทุกคนก็อยากจะทำบ้าง แต่ที่ผ่านมา เราไม่มีประสบการณ์ มากพอที่จะให้ความรู้ใครได้ และเราเองก็อยากจะยกระดับวินฟาร์ม ให้ได้มาตรฐานมากกว่านี้ มีเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยให้การทำเกษตรของเราง่ายขึ้น และถ้าวันนั้น ทำวินฟาร์มได้มาตรฐาน และประสบความสำเร็จมากกว่านี้ เราก็พร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ และเป็นแบบอย่างการทำเกษตรนวัตกรรมให้กับทุกคน ซึ่งการที่เราเป็นคนในวงการบันเทิงการทำอะไรก็จะเป็นที่ถูกจับตามองของคนทั่วไป และพร้อมที่จะทำตาม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นได้ เราก็พร้อมที่จะเป็นแบบอย่าง ถ้าจะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งถิ่นฐาน และหันมาทำเกษตรมากขึ้น โดยการทำงานของอะโกรว์พลัส จะทำแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ เกษตรกรที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษากับทีมงานของเราได้ ซึ่งสามารถหาคำตอบให้กับเกษตรกรคนรุ่นใหม่ต้องการทำการเกษตรนวัตกรรมแบบ4.0 ได้แบบไร้ขีดจำกัด
หนุนเกษตรกรปลูก กระเพรา โหระพา แบบอินทรีย์ เพื่อการส่งออก
สำหรับ การดำเนินงานในกลุ่ม AgrowPlus ครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 50-55 ล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 80-90% เป็นงบลงทุน ที่ใช้เพื่อการวิจัย ค้นคว้า พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตร ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทในกลุ่ม Agrow เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ ส่วนกลุ่มเป้าหมายของ AgrowPlus กลุ่มเกษตรกร ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ประกอบการที่ต้องการผลิตผลทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบ และผู้บริโภค ทุกเพศ ทุกวัย โดยสิ่งที่ต้องการจะส่งเสริมเกษตรกร คือ การปลูกพืชผักปลอดภัยไร้สารพิษ และสารเคมีตกค้าง จนสามารถส่งออกไปขายต่างประเทศ และแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มจากพืชง่ายอย่าง กระเพรา โหระพา ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถส่งออกได้
ในส่วนแผนการตลาด และช่องทางการเข้าถึงลูกค้า บริษัทฯเลือกใช้ช่องทางผ่านทั้ง Online และ Offline Marketing โดยวางแผนการตลาดผ่านแนวคิด 4E + Marketing 5.0 มาไว้ร่วมกัน Marketing 5.0 มีองค์ประกอบหลัก คือ Data Driven: ข้อมูล เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยทำให้การตัดสินใจแม่นยำ ถูกต้องมากขึ้น Agile: การตลาดที่พร้อมปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว Predictive: การวิเคราะห์ ติดตามการเปลี่ยนแปลง ประเมินและคาดการณ์ความเป็นไปได้ และContextual: เข้าใจบริบทของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายแบบไหน Augmented: เสริมประสิทธิภาพ
นายตะวัน เล่าว่า ที่ผ่านมา มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ผ่านอะโกรว์แล็บ แล้ว กว่า 400-500 ไร่ ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ โดยพืชที่ปลูก ทั้งที่เป็นสมุนไพร และ พืชผัก ผลไม้ ฯลฯ ตั้งเป้าไว้ว่า จากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ทำให้เกษตรกรได้รู้จัก เรามากกว่านี้ และเกษตรกรคนรุ่นใหม่ได้มีทางเลือกในการทำการเกษตร และหันกลับไปสืบทอดการทำเกษตรต่อจากครอบครัว
ประธานกรรมการบริหาร AgrowPlus มองการแข่งขันในธุรกิจนี้ ว่า ทุกธุรกิจ ทุกวงการ ล้วนแข่งขันกันอย่างรุนแรงเป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจการเกษตร และในแต่ละประเทศ ก็ต้องยอมรับว่า ทุกธุรกิจย่อมมีกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับผู้นำ ถามว่า เราจะไปแข่งขันกับเค้าเหรอ หรือเราจะแข่งขันแบบให้ตายกันไปข้างนึงเหรอ ถ้าเรามองแบบนั้น เรียกว่า ไม่ใช่การแข่งขันที่ดีในเชิงธุรกิจ เพราะว่าการดำเนินธุรกิจแบบสู้กันไปสู้กันมา มันมีฝ่ายแพ้กับฝ่ายชนะ ที่เรียกว่า “Win-Lose Solution” นั่นไม่ใช่แนวทางของเรา แต่แนวทางธุรกิจของกลุ่ม Agrow คือ เราพร้อมเดินทางบนถนนเส้นทางเดียวกัน เป็นมิตรกับทุกคน เพื่อร่วมกันยกระดับธุรกิจของประเทศ เพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดโลกดีกว่า ว่ากันง่ายๆ ก็คือ เน้นการแข่งขันทางธุรกิจในรูปแบบ “Win-Win Solution”
ในส่วนของรายได้ ตั้งแต่ปี 2563-ปัจจุบัน กลุ่ม Agrow เน้นเรื่องการวิจัย ค้นคว้า พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการวางโครงสร้างของกลุ่ม ในปี 2565 จึงยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายรายได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้กลุ่มลูกค้าและพันธมิตรของเราเติบโตขึ้นอย่างมาก และคาดว่าภายในปีนี้กลุ่มลูกค้าจะเติบโตขึ้น 200% และเราคาดว่างบการลงทุนที่ได้ลงทุนไป จะคืนทุนได้ภายในกลางปีหน้า สำหรับการวางเป้าหมายรายได้ ตามแผนธุรกิจของกลุ่ม Agrow จะแจ้งอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2566 อย่างไรก็ดี ปัจจุบันพืช กัญชา และกัญชง กำลังอยู่ในกระแสความต้องการของตลาด และมีการปลดล็อกให้มีการปลูกได้อย่างเสรี AgrowPlus ในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการปลูกครบวงจร ได้ให้มุมมองกับพืชทั้ง 3 ก. นี้ไว้ ดังนี้ เนื่องจากพืชทั้ง 3 ชนิด นี้ เป็นกลุ่มพืชที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ และยังโอกาสทางธุรกิจอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ ด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงด้านการส่งออก
สำหรับ AgrowLab ทำธุรกิจวิจัย ค้นคว้า พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านการเกษตร ออกแบบ รับเหมาก่อสร้าง และติดตั้งระบบต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Plant Factory (โรงงานผลิตพืช) และ Greenhouse (โรงเรือนกรีนเฮาส์) นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบที่สามารถสนับสนุนภาคเกษตรแบบ Outdoor (กลางแจ้ง) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีม AgrowLab มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ร่วมกับพันธมิตรทางวิชาการ และพันธมิตรทางธุรกิจ หลายราย ซึ่งนี่คือ จุดแข็งของ AgrowLab เกษตรวิทยาศาสตร์ (Agriculture Science) กับ เกษตรอินทรีย์ (Organic) มันเจอกันได้ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว เมื่อ AgrowLab มีจุดแข็งแบบนั้น บวกกับเราทำงานอยู่ในแวดวงของสื่อสารมวลชน นั่นเป็นจุดแข็งของเรา จึงเริ่มต้นปรึกษาหารือกัน โดยการร่วมมือกัน AgrowLab สนับสนุนเรื่อง นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร ส่วน AgrowPlus จะเป็นทีม Business Matching ในรูปแบบ B2B2C4E และร่วมกันสร้างกลุ่ม Agrow ขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจการเกษตรแบบครบวงจร
สนใจติดต่อ Facebook:AgrowPlus
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager