xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) พุงกาง ไก่เกาหลีสัญชาติไทย เริ่มต้นจากทุน 5,000 สู่แฟรนไชส์ 22 สาขา ในเวลา 6 เดือน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พุงกาง ไก่เกาหลี” จากร้านอาหาร Delivery ไก่เกาหลีสัญชาติไทย อาชีพเสริมในคอนโดฯหนุ่ม ม.6 ผู้กล้าเปลี่ยนความชอบสู่ธุรกิจที่ใช่! เริ่มต้นจากทุน 5,000 บาท แต่ขยายสู่แฟรนไชส์ 22 สาขาได้ ในเวลาเพียง 6 เดือน!!

เริ่มต้นจากครัวในคอนโดฯ
“หมี” นายอินทนนท์ เสาร์สูงยาง ปัจจุบันอายุ 26 ปี เป็นเจ้าของแบรนด์ “พุงกาง ไก่เกาหลี” ร้านไก่ทอดสไตล์เกาหลี แฟรนไชส์น้องใหม่!ที่มีสาขาแล้วทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดกว่า 22 สาขา บอกกับเราว่า เขาเองเรียนจบมามีวุฒิแค่ ม.6 เป็นเด็กต่างจังหวัดมาจาก จ.หนองคาย แต่อาศัยความขยันมีมานะในการทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างไม่เคยย่อท้อ อีกอย่างหนึ่งคือเป็นคนชอบทำอาหาร และทำงานในร้านอาหารมาโดยตลอด จนกระทั่งก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญงานประจำในสนามบินเริ่มจะมีความไม่แน่นอนเพราะผลกระทบจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้น แต่ว่าในระหว่างนั้นเขาเองก็ทำงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดควบคู่ด้วยตอนช่วงที่ว่างอยู่ ไม่เคยปล่อยเวลาและไม่ได้ทำงานอยู่แต่เพียงที่เดียว ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วมันก็ใช้ได้จริง ๆ การพยายามสร้างอาชีพเองขึ้นมารองรับ ไก่เกาหลี จากการคิดค้นหาสูตรขึ้นมาเป็นของตนเอง ลองผิดลองถูกจนได้รสชาติที่ใช่! พอลองขายก็จะเก็บฟีดแบ็คของลูกค้านำมาพัฒนาต่อ กลายเป็นทางเลือกใหม่ในวันนี้ที่แม้สถานการณ์ “โควิด-19” จะไม่แน่นอนแต่ว่าที่แน่ ๆ คือเขามีอาชีพใหม่! แล้วที่กล้าบอกลางานประจำเพื่อมาเดินหน้าต่ออย่างเต็มตัว

“ก็คือเราเริ่มต้นจากที่ไม่ต้องมีหน้าร้านเลย เพราะว่าDelivery ทุกวันนี้คือสมัครง่ายแล้วก็อีกอย่างก็คือเราไม่ต้องมีหน้าร้าน เราไม่ต้องไปลงทุนให้มันมาก ไม่ต้องเยอะ พอได้ฐานลูกค้ามาเราก็ขยับขยายออกมาได้ ไปทีละ step อย่างเช่นตอนนี้ เรามีหน้าร้านแล้ว พอเราได้ฐานลูกค้าหน้าร้านเพิ่มขึ้น เราจะเข้าไปอยู่ใน Shop หรือเป็นในห้างฯ เราก็สามารถไปได้ เพราะอย่างน้อยจะมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ เขาจะตามเราไป เราก็จะมีทั้งกลุ่มลูกค้า Delivery กลุ่มลูกค้าที่มาจากหน้าร้านด้วย แล้วก็พอเราขยับขยายไปข้างในห้างฯ มันก็จะมี ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถนั่งทานได้เย็นสบาย อะไรแบบนี้ครับ”

ทอดสดใหม่เพื่อส่งให้กับลูกค้าแต่ละออร์เดอที่สั่งมาเลย
ไก่เกาหลีสัญชาติไทย สไตล์ร้าน “พุงกาง ไก่เกาหลี”
และด้วยแนวคิดอย่างที่หมีบอกไว้ แม้ทุกวันนี้การมีหน้าร้าน(สาขาหลัก)ซึ่งตั้งอยู่ในThe Paseo Mall ลาดกระบัง แต่ว่าจุดเน้นก็ยังคงเป็นการขายผ่านDelivery อยู่ที่ต่างขึ้นมา คือ เมนูอาหาร มีหลากหลายกว่าตอนที่ทำขายอยู่ในคอนโดฯ และจากจุดเด่นของร้านหมีบอกว่าคือเรื่อง “แป้งกับซอส” ที่คิดค้นสูตรขึ้นมาเฉพาะของที่ร้าน “พุงกาง ไก่เกาหลี” โดยก่อนหน้านั้น ตัวเขาเองต้องลองผิดลองถูกมากับการหา “สูตรแป้ง” ที่ทอดแล้วไก่ออกมาดีที่สุด และต้องเข้ากับซอสได้มากที่สุดด้วย ใช้เวลานานกว่า1 เดือนหมดแป้งไปเป็นสิบยี่ห้อเลย จนกระทั่งพอได้สูตรแป้งขึ้นมาแล้วก็มาลองทำดูให้คนอื่น ๆ ช่วยกันชิมช่วยกันติ มีการโพสต์ผ่านโซเชียลฯ เริ่มจากในกลุ่มก่อน เพื่อให้มีลูกค้าสั่งเข้ามาตั้งเป้าไว้ได้วันละ1 กล่องก็ยังดี ลูกค้าสั่งมาเลยนะเราจะทำให้ลูกค้าใหม่เลย ทอดให้ใหม่ ตอนนั้นพอมีคนสั่งมาก็ทอดให้ใหม่ ๆ เลย และพอไปส่งแล้วก็กลับมาซื้อไก่ใหม่เพื่อจะทำให้ลูกค้าที่สั่งต่อ จะทำแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับขอฟีดแบ็คจากลูกค้าด้วย รสชาติเป็นยังไงบ้าง วันต่อมาก็จะเอามาโพสต์ลงโซเชียลฯของตัวเอง พอลูกค้าบอกว่าอร่อยนะปากต่อปาก ทีนี้คนก็เริ่มมาเรื่อย ๆ จากตอนแรกคือขับไปส่งเองเลย เลิกงานมาทอดวันละ 3 กล่องก็ออกไปส่งเอง จนลูกค้าถามว่าไม่ลง Delivery เหรอ มาส่งเองแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือ ขับรถมาไกล(ไป-กลับกว่า 20 กม.) แต่ด้วยความอยากได้ลูกค้าและอยากได้เงินด้วย อยากได้รายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องอดทน อดทนอย่างนั้นอยู่สักประมาณ 2-3 เดือนที่จะได้ฐานลูกค้าจากตรงนั้น พอเปิด Delivery ลูกค้าก็กลับมาสั่งเขารู้แล้วว่า เรามี Delivery ก็จะเข้ามาสั่งของเราเองเลย โดยที่เราเองไม่ต้องวิ่งออกไปแล้วแต่เราอาจจะบอกว่าลูกค้าอาจจะมีค่าเซอร์วิสด้วยนะ ราคาอาจจะแพงกว่า แต่ลูกค้าก็ยอมเพราะว่าถ้าอาหารเราอร่อย ลูกค้ายังไงเขาก็ซื้อ

ขยับขยายสู่การมีหน้าร้านด้วย ซึ่งร้านอยู่ในศูนย์อาหารของเดอะพาซิโอ มอลล์ ลาดกระบัง เพื่อรองรับลูกค้านั่งทานที่ร้านได้
“ตอนที่อยู่ในคอนโดฯ พื้นที่มันจำกัด ข้อจำกัดคือมันโดนตีกรอบไว้ มันก็ทำอะไรมากไม่ได้ ตอนนั้นจำได้มีแค่เมนูไก่อย่างเดียว เมนูไก่ทอดอย่างเดียวก็ทำส่ง ๆ แค่นี้ และก็มีหัวไชเท้าดองแค่นี้ที่กินคู่กับไก่ครับ พอขยับออกมาปุ๊บเมนูเราก็เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นตัวเลือกให้ลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น หลัก ๆ ก็คือจะเป็นตัว “ไก่ทอดเกาหลี” ก็จะขายเป็นชุด 6 ชิ้น, 8 ชิ้น, 10 ชิ้น, 12 ชิ้น (มากสุด) แล้วก็เราจะมีจัดเซ็ตโปรโมชั่นบ้าง และก็ตัว “ซอส” เราก็จะมี Recommend เป็นตัวต้นตำรับกับซอสกาลิค ตัวนี้ลูกค้าจะสั่งค่อนข้างเยอะ และก็จะมีซอสที่เป็นเผ็ดเลยก็มี เราได้ลูกค้าหลายกลุ่มคือคนชอบกินเผ็ด ไม่กินเผ็ด ก็มีให้ลูกค้าได้เลือก มีข้าวญี่ปุ่น มีกิมจิ มีหัวไชเท้าดอง และก็มีพวก Appetizer ให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลาย ข้าวตอนนี้เราก็ค่อย ๆ เพิ่มมี ข้าวไก่เกาหลี ข้าวหมูทอดกระเทียม อะไรแบบนี้ครับเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลายมากขึ้น”

เซ็ตนี้เป็นซอสเผ็ดที่ชิมแล้วเด็ด!มาก แป้งกรอบกินอร่อยเพลิน
อิ่มอร่อยสุดคุ้ม! ในราคาเลือกได้แบบเซ็ตหรือเดี่ยว
สำหรับราคาอาหารของร้าน “พุงกาง ไก่เกาหลี” ก็จะมี เริ่มต้นที่ 119 บาทจนถึง 299 บาท โดยมีทั้งแบบเป็นเซ็ตเป็นไก่แยกบ้าง มีเมนูข้าว มีให้ครบทุกอย่างเลยที่คุณลูกค้าต้องการ


“ชื่ออะไรคนกินแล้วแบบอิ่ม! กินแล้วแบบกินแล้วพุงกาง กินแล้วมันคุ้มอะไรแบบนี้ “พุงกาง ไก่เกาหลี” กินแล้วอิ่ม! ทุกวันนี้ก็ใช้ชื่อนี้มาตลอดเลย”


สู่ธุรกิจแฟรนไชส์ 6 เดือนขยายกว่า 22 สาขา!!
เจ้าของร้าน “พุงกาง ไก่เกาหลี” ยังบอกด้วย ถ้านับอย่างจริง ๆ จัง ๆ ที่เริ่มขายมา ก็คือตั้งแต่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 28 มาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ5-6 เดือน ยังไม่ถึงปี แต่ว่าพอได้ออกสื่อต่าง ๆ ไปมีการเข้ามาขอทำคอนเท้นต์มากขึ้น ก็ทำให้เริ่มมีคนสนใจในแนวทางการทำอาชีพเสริมแบบเรา คงไปโดนใจกลุ่มคนที่ทำงานประจำแล้วอยากมีรายได้เสริม มีการติดต่อมาขอซื้อแฟรนไชส์เพื่อจะทำแบบนี้

“ตอนนี้เราขยายไปทั้งหมด 22 สาขา ทั่วประเทศ แต่กรุงเทพฯ ประมาณ 18 สาขา แล้วก็ต่างจังหวัดจะมีหนองคาย อุดร โคราช ชลบุรี จะเป็นสาขาที่ต่างจังหวัด ส่วนในกรุงเทพฯ สามารถกดเพื่อค้นหาเจอได้เลยประมาณ 18 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล”


ไม่ต้องมีหน้าร้าน ขั้นต่ำขายได้ 5 หมื่น/เดือน!
จากประสบการณ์ที่ขายแบบไม่มีหน้าร้านมาก่อน คุณหมีแชร์ให้กับผู้ที่สนใจอยากจะทำธุรกิจนี้ว่า ถ้าคุณจะหาทำเล ควรมองว่ารอบ ๆ ข้างเป็นหมู่บ้านหรือเป็นคอนโดฯ หรือไม่ เอาง่าย ๆ ว่าพูดถึงเรื่องกลุ่มลูกค้า กำลังจ่าย คนซื้อในราคานี้ คุณก็ต้องดูก่อน บางพื้นที่ซื้อไปมันก็มีแบบเงียบบ้าง เพราะในพื้นที่ละแวกนั้นไม่มีหมู่บ้านเลย ปกติก็เงียบอยู่แล้ว คุณก็จะต้องไปหาทำเลใหม่ ซึ่งสำหรับการขายแบบ “ไม่มีหน้าร้าน” ถ้าพื้นฐานเลยของการขายผ่าน Delivery คืออยู่ที่ประมาณ 5 หมื่น/เดือน จะอยู่ประมาณนี้ ส่วนถ้าพูดถึงเรื่องของ “กำไร” ของแบรนด์นี้จะล็อคไว้ให้กับลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 20% ของราคาขายทั้งหมด ต้นทุนส่วน food cost ก็อยู่ที่ประมาณ 35% ทุกอย่างที่เป็นค่าใช้จ่ายหรือเป็นต้นทุนจะคิดอยู่ในราคาตามเมนูอาหารให้เรียบร้อย โดยจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เพราะว่าการทำอาหารเราอย่าไปคิดว่า ขายได้เท่านี้ กำไรเราต้องได้เพิ่มเท่านี้ แต่อย่าลืมว่ามันจะมี “ทุนแฝง”ด้วย ก็เลยจะต้องล็อคเป็นเปอร์เซ็นต์ บางคนได้กำไรมาก็เอาไปกินใช้หมด แล้วก็บอกไม่เห็นกำไร ที่จริงคือมีการล็อคเอาไว้ให้แล้วคุณจะต้องบริหารในส่วนนี้ต่อไปให้ได้


“ถ้ายอดขายสาขานี้ อยู่ที่ประมาณ 1 แสน 2 หมื่น โดยประมาณ(ต่อเดือน) จะต่างจากอยู่คอนโดฯ เพราะว่าคอนโดฯ ไม่มีหน้าร้านเนาะจะอยู่ประมาณ 5 หมื่น ถึง 6 หมื่น แต่ถามว่าเยอะมั้ยเยอะนะ ถ้าทำแบบทำงานประจำแล้วมาทำเสริมตรงนี้ ผมถือว่าเยอะนะ เยอะกว่างานประจำที่ทำอยู่อีก!”

มีบริการ Delivery เป็นจุดเน้นหลักของร้านที่ช่วยสร้างยอดขายดี
ต่อทุนจากเงิน 5,000 เป้าหมายเดือนละ 1 ล้าน/สาขา!
หลังจากทำควบคู่กับงานประจำที่ร้านฟาสต์ฟู้ด (ร้านพิซซ่า) มาได้สักระยะหนึ่ง จนกระทั่งธุรกิจนี้เริ่มเดินได้เองอย่างเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว จึงคิดว่าตัดสินใจลาออกมาเพื่อขับเคลื่อนต่อตรงนี้อย่างเต็มตัว จากเงินทุนเริ่มต้นคุณหมีบอกกับเราว่าเพียง 5,000 บาทเท่านั้น! ค่อย ๆ ทยอยซื้อค่อย ๆ ทำมาเริ่มจากเล็กผสมน้อยมาเรื่อย ๆ

“คือมันเพิ่งผมเรียกว่า มันเพิ่งเริ่มต้นมาระดับหนึ่งแล้วยังไม่ถึงที่สุด อย่างที่สุดของผมต้องไปอีก Level หรือไปอีก Step ซึ่งผมตั้งเป้าไว้ว่ายอดขาย เดือนหนึ่งผมจะทำให้ได้เดือนละ 1 ล้าน ซึ่งผมจะทำยังไงอันนี้ผมก็ต้องมานั่งคิด ทำเป็นการบ้านให้ตัวเอง ถ้าถึงในจุดนั้นปุ๊บโอเคนั่นคือเป้าหมายที่สูงสุด ทีนี้มันก็จะมีอีก Step แต่ว่าค่อย ๆ ไปทีละ step ดีกว่าไม่อยากไปคิดถึงไกลมากขนาดนั้น เราค่อย ๆ เดินเหมือนที่เราทำทุกวันนี้ ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว เวลาเราล้มมาก็ไม่ต้องเจ็บมาก”


สอบถามเพิ่มเติม โทร.080-056-6011



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น