“น้ำพริกแกงคั่ว แกงส้ม พริกเผา แกงเขียวหวาน และพริกเผา(เผ็ด) ทำขายมากว่า 22 ปีแล้ว ลูกค้าใกล้-ไกลรู้จักกันดีในชื่อ “น้ำพริกแม่พนอ” ส่วนน้ำแกงนี้เพิ่งทำเพิ่มขึ้นมาใหม่! แบบปรุงสำเร็จ ง่าย คนทำกับข้าวไม่เป็นเลยก็แกงส้มให้อร่อยได้!”
กว่า 22 ปีแล้วอย่างที่ป้าเปี๊ยกหรือ “นางพนอ ใส่นิยม”บอก หลังการได้รับสนับสนุนจากทางภาครัฐ ช่วงนั้นกำลังมีการขับเคลื่อนโครงการ “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” เกิดขึ้นมา เพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ มีการผลิตสินค้าและจำหน่ายให้เกิดการสร้างรายได้ ทางตำบลสวนส้ม พช. และสำนักงานเกษตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จึงเข้ามาสนับสนุนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรในหมู่ 5 ตอนนั้นรวมตัวกันได้ 20 คน มีการลงหุ้นคนละ100 บาท และทางราชการก็มีงบให้ด้วยส่วนหนึ่ง หลังการประชุมกันแล้วทุกคนเห็นว่าควรจะผลิตสินค้าจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีอยู่ อย่าง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ทุกบ้านต่างก็มีปลูกติดไว้แต่ส่วนพริก หอม
กระเทียมนั้นก็มีการซื้อจากแหล่งอื่นบ้าง โดยนำมาแปรรูปเป็น “น้ำพริกแกง” ของคู่ครัวที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จากเดิมที่ต้องซื้อเขาแต่พอเราผลิตใช้เองได้ก็เริ่มต้นการขายภายในกลุ่มเองก่อน จนไป ๆ มา ๆ คนในละแวกเริ่มรู้ว่ามีการผลิตน้ำพริกฯ ก็เกิดการสั่งซื้อด้วย นานวันเข้าไม่ใช่แค่ภายในชุมชนแต่ยังกระจายไปตามที่ต่าง ๆ กลายเป็นอาชีพสร้างรายได้ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงปัจจุบัน
ต่อยอดจากน้ำพริกแกงสู่ “น้ำแกงส้ม” ปรุงสำเร็จ
เริ่มจากการเปิดตัวในชื่อของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านคลองสำโรงก่อน ลูกค้า “น้ำพริกแกง” จะรู้จักกันในชื่อนี้มีการนำสินค้าไปออกร้านตามงานต่าง ๆ ที่ทางราชการจัดและชวนให้กลุ่มไปร่วมด้วย รวมถึงต่อมายังมีหน้าร้านเองเปิดขายน้ำพริกอยู่ในตลาดหน้าเมือง จ.สมุทรสาคร และที่บ้านของป้าเปี๊ยกเองซึ่งลูกค้าสามารถแวะเวียนเข้าไปซื้อได้ตลอด จนกระทั่งมีโอกาสได้รับเลือกเป็น “อาสาพิทักษ์ภูมิปัญญาไทย” ของ ก.พาณิชย์ ป้าเปี๊ยกบอกว่าเขาให้สิทธิ์ในการจดทะเบียนการค้าได้ฟรี ก็เลยมีแบรนด์หรือชื่อการค้าว่า “น้ำพริกแม่พนอ” เป็นของตัวเองที่เกิดขึ้นมาด้วย และจากที่มีโอกาสได้ไปดูงานกับทาง ธ.ก.ส. จัดขึ้นทำให้ได้ไปเห็นตัวอย่างของการต่อยอดผลิตภัณฑ์กลับมา จนเกิดไอเดียพัฒนาสินค้าใหม่ “น้ำแกงส้ม”แบบปรุงสำเร็จ โดยมีลูกสาวที่เข้ามาช่วยดูแลเรื่องการตลาดในส่วนของการแตกไลน์สินค้าใหม่นี้ ป้าเปี๊ยกบอกว่าในส่วนของตลาดน้ำพริกแกงไม่ห่วงแล้วเพราะมีลูกค้าประจำที่ซื้อกันมานานอยู่มากพอ แต่ส่วนของน้ำแกงส้มที่เพิ่งทำเพิ่มขึ้นมาใหม่ดูแล้วก็น่าจะเป็นตลาดอีกคนละกลุ่มกัน เช่นคนเมืองที่ไม่ค่อยมีเวลาแต่ว่าก็อยากจะปรุงอาหารทานเองด้วย สะดวกและง่ายกว่า ตัวนี้ก็จะตอบโจทย์ได้
อร่อยเด็ดตำรับพื้นบ้านแท้ๆ ง่ายใครทำก็อร่อย!
จากจุดเน้นด้านการผลิตเดิมคือ น้ำพริกทุกชนิดจะไม่มีการใส่สารกันบูด และไม่มีการใส่ผงชูรสเลย สำหรับการทำน้ำแกงส้มแบบปรุงสำเร็จนี้ ป้าเปี๊ยกบอกว่าก็จะเป็นสูตรแบบพื้นบ้านที่เน้นรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของ จ.สมุทรสาคร คือจะไม่มีการใส่กระชายอยู่ในสูตรน้ำแกง(แต่สูตรของถิ่นอื่นจะมีใส่กระชายด้วย) ส่วนนอกนั้นเรื่องความเข้มข้นของน้ำแกงก็ไม่ต่างหรือด้อยไปกว่าแหล่งอื่นเลย ปลาที่ใช้โขลกทำน้ำพริกเครื่องแกงก็สั่งทำสดใหม่โดยเฉพาะ จากนั้นกระบวนการบรรจุภัณฑ์ซึ่งทางกลุ่มฯ ได้รับการสนับสนุนในเรื่องของโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานรับรอง GMP และ อย. หลาย ๆ หน่วยงานโดยเฉพาะสหกรณ์ฯ จังหวัดที่เข้ามาช่วยดูแลด้วย น้ำแกงส้มแบบปรุงสำเร็จที่ได้สามารถอยู่ในขวดบรรจุและมีอายุการเก็บรักษาได้นานถึง 1 ปี ภายใต้อุณหภูมิห้องปกติ สินค้าได้รับการรับรอง อย. ทุกชนิด ดังนั้นลูกค้าที่ซื้อน้ำแกงแบบขวดไปปรุงต่อ จึงเพียงใส่น้ำแกงลงในหม้อแล้วตั้งไฟไว้ให้น้ำแกงเดือด จากนั้นก็สามารถเติมผักและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่ชอบใส่ลงไป แล้วรอให้ทุกอย่างสุกดีแล้วจึงค่อยยกหม้อแกงลงจากเตาได้ ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการปรุงแล้ว โดยน้ำแกง 1 ขวดจะทำได้ 1 หม้อหรือเท่ากับได้แกงส้มที่ปรุงเสร็จพร้อมเสิร์ฟแล้ว 2 ชาม คนทำไม่ต้องเพิ่มหรือเติมเครื่องปรุงรสใด ๆ ลงไปอีกเพราะทุกอย่างปรุงมาให้ครบรส(เปรี้ยว-หวาน-เค็ม) ที่พอดี
และนอกจากน้ำแกงส้มก็ยังมีการแตกไลน์สินค้าอื่น ๆ เพิ่มเป็นกลุ่มของ น้ำพริกกะปิ น้ำจิ้มไก่(ทอด) น้ำจิ้มข้าวมันไก่ ฯลฯ ภายใต้แบรนด์ “แม่พนอ” ด้วย
สร้างงาน & รายได้หลักแสนต่อเดือน!
“อย่างเครื่องแกงเราไม่ห่วงแล้ว เพราะว่าเรามีลูกค้าเยอะแล้วในตลาด ทำมา22 ปีแล้ว ถ้านับแล้วเราทำเยอะกว่าใครเพื่อนใน จ.สมุทรสาคร ถ้าลงแข่งประกวดไม่แพ้ใครเลย ชนะตลอด เคยประกวดหลายรอบ ประกวดวิสาหกิจชุมชนเราก็ชนะ แม่บ้านเกษตรกรเราก็ชนะ รางวัลเยอะมากแต่เราไม่สามารถไปเขตได้ ปีนี้เขตเราได้ที่3 ซึ่งเวลาประกวดก็คือประกวดกลุ่ม เขาก็จะรวมหมด รายได้ การทำบัญชี การสามัคคี ฯลฯ รวมหมดแล้วเราก็เป็นทั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และกลุ่มสหกรณ์ฯด้วย”
ป้าเปี๊ยก บอกด้วยว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมาในขณะที่คนอื่น ๆ อาจจะได้รับผลกระทบเรื่องการขายของไม่ได้ แต่สำหรับที่กลุ่มฯ เองถึงแม้ระยะแรก ๆ ซึ่งมีการสั่งปิดตลาด ทำให้ไม่สามารถออกไปขายสินค้าได้ ลูกค้าที่เคยซื้อกันประจำก็ยังมาและซื้อของอยู่ตลอดเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนสถานที่เป็นบ้านของตนเองแทนเท่านั้น อย่างน้ำพริกแกง 5 ชนิดหลักจะขายอยู่ที่ราคา 120 บาท/กก. ซึ่งการผลิตจะเน้นสดใหม่ทำขายต่อครั้งก็ราว ๆ 200 กว่ากก. พอขายหมดก็ทำใหม่ หรือเฉลี่ย 1 สัปดาห์/ครั้ง โดยจะมีสมาชิกที่เป็นกำลังหลักในการผลิต 8 คน คอยช่วยกัน ในส่วนนี้ก็จะจ่ายเป็นค่าแรงให้วันละ 300 บาท/คน คนที่ไม่ได้มาทำแต่ยังถือหุ้นในกลุ่มอยู่ พอครบปีก็จะมีจ่ายปันผลให้ เพราะจากรายได้ขายน้ำพริกต่อเดือนเป็นเงินค่อนข้างดีทีเดียว ไม่ต่ำกว่าแสนบาทขึ้นไป ดังนั้นคนที่มาช่วยทำก็ยังมีโบนัส “เงินหมื่น” ให้อีกต่างหากทุกปี และมีการหักจากรายได้ส่วนหนึ่ง(5 หมื่นบาท) เพื่อเข้าบัญชีกองกลางทุกปีด้วย สำหรับเป็นสวัสดิการ เช่น พาสมาชิกไปศึกษาดูงานตามที่ต่าง ๆ เป็นต้น ในส่วนของ “น้ำแกงส้ม”และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “แม่พนอ” ที่ทำเพิ่มใหม่มีการทำตลาดผ่านออนไลน์อีกช่องทางหนึ่ง ดูแลโดยลูกสาวที่ทำควบคู่กับงานประจำอย่าง “น้ำแกงส้ม” ก็จะขายอยู่ที่ราคา 45 บาท/ขวด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มาจากการสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ก็เห็นว่าขายได้อยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 086-787-2667
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *