xs
xsm
sm
md
lg

“RRABICA EZAN” แบรนด์กาแฟสดอาราบิก้าอีสานเจ้าแรก! ที่ยืนหยัดมานานกว่า 17 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เกษตรเพื่อชีวิตสู่เกษตรเพื่อธุรกิจ รู้จัก RRABICA EZAN แบรนด์กาแฟสดอาราบิก้าอีสานเจ้าแรก! ที่ยืนหยัดมานานกว่า 17 ปี ผลผลิตจากเทือกเขาภูหลวงที่ความสูง 760 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เข้ม! ผสมกับใครก็ได้”

เข้ม!แต่นุ่มต้องยกให้กาแฟ RRABICA EZAN
คุณสายพิน พงษ์สมร เจ้าของแบรนด์ RRABICA EZAN เล่าให้ฟังว่า จากความชอบได้พัฒนามาสู่ธุรกิจในที่สุด ย้อนกลับไปเมื่อปี2548 ตอนนั้นตนเองเพิ่งออกจากงานประจำมา สิ่งที่นึกได้และมันเริ่มวนเวียนอยู่ในหัวมาแล้วก่อนหน้า ก็คือว่าเรื่องของ “กาแฟ” ด้วยตลอดเวลาที่ยังทำงานอยู่บริษัทใหญ่(ซีเกทเทคโนโลยี) ในแผนกของHR มีโอกาสได้ดูแลต้อนรับแขกชาวต่างชาติที่มาดีลงานกับบริษัทอยู่บ่อยครั้ง และหนึ่งในสถานที่ได้รับความสนใจคือการ พาไปจิบกาแฟ ขึ้นดอยทางภาคเหนือไปดูถึงแหล่งผลิตซึ่งเป็นต้นทางของวัตถุดิบที่สำคัญด้วย จากการที่ต้องรับบทเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวและข้อมูลต่าง ๆ(ล่ามแปล) ตามที่คนปลูกบอกและคนที่ไปดูอยากจะรู้ นานครั้งเข้าก็เริ่มเกิดการซึมซับโดยไม่รู้ตัว มาหวนคิดขึ้นได้อีกทีคืออยากจะลองปลูกกาแฟบนแผ่นดินอีสานลองดูสักตั้ง ซึ่งเมื่อได้โอกาสเป็นอิสระจากงานประจำมาแล้วต้องทำเลย!


จากกาแฟ “คาติมอร์” สายพันธุ์แกร่ง!
กาแฟที่เลือกนำมาลงปลูกครั้งแรก หลังจากที่มีการศึกษามาแล้วพบว่า “คาติมอร์” เป็นสายพันธุ์ซึ่งน่าจะเหมาะสมพื้นที่ทางภาคอีสานมากที่สุด ด้วยคุณสมบัติเด่นจากการเป็น “พันธุ์ลูกผสม” ที่มีครบทั้งรสชาติของกาแฟอาราบิก้าและความแข็งแรงทนทานต่อสภาวะต่าง ๆ ได้ดีกว่า ประกอบกับพื้นที่ปลูกที่เลือกอยู่ในเขตเทือกเขาภูหลวงมีพื้นที่คาบเกี่ยวอำเภอต่าง ๆ ได้แก่ สูงเนิน ปากช่อง วังน้ำเขียว ซึ่งสภาพเป็นป่าดิบแล้ง ที่มีความสูง760 เมตร เหนือจากระดับน้ำทะเล มีการเข้าไปร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ บ้านดงมะไฟ ซับภู และหนองสาหร่าย เป็นต้น เพื่อทำแปลงปลูกกาแฟร่วมกัน ในรูปแบบของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ช่วงแรกที่เริ่มทดลองสายพันธุ์มีจำนวน17 ไร่ หลังจาก5 ปีผ่านไปเริ่มเห็นผลผลิตกาแฟที่ชัดเจน สามารถปลูกได้! และพร้อมเดินหน้าการทำธุรกิจกาแฟตามที่ได้มีการศึกษาเตรียมการต่าง ๆ รอเอาไว้แล้ว การขยายแปลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ผลิตขึ้นอีกกว่า 400 ไร่จำเป็นต้องมี “แหล่งน้ำ” สำหรับต้นกาแฟที่เพียงพอด้วย ดังนั้นในเวลาต่อมาได้เกิดทั้งความร่วมมือกับภาคส่วนหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้าง “ฝาย” เพื่อกักเก็บน้ำใช้ทำการเกษตรสำหรับชุมชนโดยรอบด้วย และอีกด้านหนึ่งคือการส่งเสริมปลูก “กาแฟ” เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่! เพื่อทดแทนรายได้จากพืชไร่มันสำปะหลังหรือข้าวนาปีที่ชาวบ้านทำแล้ว กี่ปี ๆ ความคืบหน้าในการลืมตาอ้าปากได้นั้น เรียกว่าแทบริบหรี่เต็มที เพิ่มทางเลือกโดยการปลูกและแปรรูปเป็น “กาแฟกะลา” ส่งขายได้ทั้งปี โดยให้ราคาในการรับซื้อคือ 100 บาท/กก.

จากแหล่งปลูกบนเทือกเขาภูหลวงที่ความสูง 760 เมตร เหนือจากระดับน้ำทะเล
สู่การพัฒนาแบรนด์กาแฟ “RRABICA EZAN”
“ช่วงระยะเวลาปลูก 5 ปีที่ยังไม่มีผลผลิต เราขาดความรู้ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ได้มีความรู้ทางด้านธุรกิจ เรามีแต่ความรู้เรื่องการทำงานที่เป็นระบบ เราก็ไปเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจตั้งแต่การทำแฟรนไชส์ การคิดต้นทุน การส่งออก การคิดต้นทุนสินค้า การสร้างแบรนด์ การจดลิขสิทธิ์ เราเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมด”

กาแฟอาราบิก้าอีสาน สายพันธุ์คาติมอร์ (ลูกผสมพันธุ์แกร่ง!)

กาแฟกะลา จากการแปรรูปเบื้องต้นที่รับซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่ส่งเสริมราคากิโลกรัมละ 100 บาท
โดยในช่วงเวลานั้นมีโครงการของภาครัฐ “ไทยเข้มแข็ง” ที่สนับสนุนทุนให้พร้อมกับมีพี่เลี้ยงอย่าง สสว. และ ม.ธรรมศาสตร์ เข้ามาช่วยดูและคิดให้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ถ้าเม็ดออกมาจะต้องชื่อนี้ มีคอนเซ็ปต์นี้ โดยมีที่ปรึกษาตอนนั้นคือ คุณสายชลจาก “บ้านไร่กาแฟ” ที่เข้ามาติวเข้มให้ เพื่อการแจ้งเกิด “อาราบิก้าอีสาน” ขึ้นมา โดยใช้คอนเซ็ปต์จากท่านอาจารย์วิทวัส ม.ธรรมศาสตร์ สร้างแนวคิดการทำกาแฟอีสาน รสชาติจะนิ่ม ที่มีความเหมือนกาแฟบ้านไร่ฯ ได้เป็นสูตรกาแฟมาจากโครงการที่เป็นความช่วยเหลือของภาครัฐ

กาแฟสดอาราบิก้าอีสาน (แบบเม็ด) ที่ครบสูตรรสชาติความเข้มตามสไตล์ของ RRABICA EZAN
“หลังจากเราพัฒนาชุมชน มีกาแฟแล้ว เราต้องมาสร้างแบรนด์ให้มันเป็นอินเตอร์ นี่ก็คือเป็นโครงการของภาครัฐอีกว่า ก็เลยคิดออกมันเป็นโครงการอีสาน อิโคโนมี ครีเอทีฟ สมัยนั้น ม.ธรรมศาสตร์ เอาเข้ามา หนึ่ง อาราบิก้า คือ สายพันธุ์กาแฟ สอง ปลูกที่อีสาน จำง่าย ๆ เลยอาราบิก้าสายพันธุ์กาแฟ อีสาน คือ ปลูกในอีสาน เรามีจดลิขสิทธิ์ทางการค้าเอาไว้สำหรับคำว่า RRABICA EZAN” ที่เขียนเป็นภาษาแบบสเปน แต่เวลาอ่านเป็นภาษาไทยเราอ่านว่า อาราบิก้าอีสาน ได้”

กาแฟมผสมกระชาย แจ้งเกิดในช่วงโควิดที่กำลังได้รับความสนใจจากตลาดอินเดีย
กาแฟรสเข้ม! จากแผ่นดินที่ราบสูง
หลังจากได้สูตรกาแฟมาแล้วโดยความช่วยเหลือของภาครัฐ ผ่านกระทรวงอุตสาหกรรมต่อมาพอเริ่มทำการตลาดก็ได้เข้ามารับความช่วยเหลือผ่านโครงการของ กระทรวงพาณิชย์ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่เริ่มต้นจากการตลาดแบบออฟไลน์ก่อนและพอมีกระแสในเรื่องของ “ตลาดออนไลน์” เกิดขึ้นก็ได้เข้าไปเชื่อมต่อการตลาดเพิ่มอีกช่องทางหนึ่งด้วย มีการพัฒนาเรื่อง “การรีแบรนด์” การทำคอนเท้นต์ และส่งเสริมการตลาดผ่านออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างกรณีของโลโก้ที่เป็นรูป “แคน” จากเริ่มต้นเลยจะเป็นกลม ๆ แบบแข็ง ๆ แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการ “ต้นกล้าTO GO” ซึ่งจะช่วยดูแลในเรื่องของการรีแบรนด์ให้ด้วย ในระยะทุก ๆ 5 ปี เพื่อให้มีความสอดคล้องหรือช่วยส่งเสริมกับธุรกิจเพิ่มมากขึ้น จนปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าโลโก้รูป “แคน” มีลักษณะของความพลิ้วไหวที่บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ของความเป็นแบรนด์กาแฟที่เด่นชัดมากขึ้น เป็นการรีไวซ์เพื่อให้ดูดีขึ้นด้วย รวมถึงรูปแบบการตลาดก็มีขยายสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ และมีหน้าร้านที่เปิดจำหน่ายกาแฟแบบนั่งทานในร้านได้ ภายใต้แบรนด์ RRABICA EZAN ด้วย

ลูกค้าที่มาร่วมงาน SMART SME EXPO 2022 ให้ความสนใจแวะชิมกาแฟ RRABICA EZAN อยู่ไม่ขาด
แตกไลน์ธุรกิจต่อจากแนวคิด “กาแฟเม็ดเดียว”
ปัจจุบันการเปิดดำเนินธุรกิจในนามของบริษัท PIN CAN โดยมีสินค้าภายใต้แบรนด์ RRABICA EZAN ได้แก่ เม็ดกาแฟสด สูตรคั่ว 3 ระดับที่รวมอยู่เป็นรสชาติเดียวกัน เพื่อรองรับสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์และร้านกาแฟ มีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า2 ตัน/เดือนขึ้นไป และมีการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนทั้ง4 ภาคทั่วประเทศ รวมถึงมีการจำหน่ายไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV อย่างเช่นที่ แขวงคำม่วน สปป.ลาว และที่เขมร บันเจียรเมียรเจย และในอีก2 เดือนจะมีที่พระตะบองด้วย ล่าสุดยังได้มีการแตกไลน์กลุ่มสินค้าใหม่จากแนวคิด “กาแฟเม็ดเดียว”พัฒนาสู่กาแฟผงสำเร็จรูปพร้อมชง(Instant coffee) กาแฟสูตรผสมกระชายและกาแฟสูตรผสมจมูกข้าว(ไม่ใช้ครีมเทียม) เป็นแบบ3 in 1 สูตรเพื่อสุขภาพด้วย และตอนนี้ได้รับความสนใจจากอินเดียมีการสั่งซื้อ “กาแฟผสมกระชาย” เพื่อไปทำการตลาดต่อซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง อย. แล้ว และในอนาคตที่นอกจากมีแพลนเรื่องการส่งออกด้วยเพื่อบุกตลาดต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น แล้ว ไม่แน่ว่าคอกาแฟอาจจะได้ชิมรสชาติเข้มข้นของ RRABICA EZAN ที่การเข้าถึงได้ง่ายขึ้นผ่านเทคโนโลยีใหม่ อย่าง ตู้กดกาแฟอัตโนมัติ (แบบกดเลือกเมนูได้) ซึ่งเบื้องต้นมีการพูดคุยกันเพื่อติดต่อทาบทามโดยนักพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังที่เป็นเจ้าตลาด ตู้กดกาแฟฯ อยู่ในขณะนี้

สอบถามเพิ่มเติมโทร.089-626-2543

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น