ไม้กวาด ของใช้ประจำบ้านที่ทุกบ้านจะต้องมี แต่จะมีใครคิดว่า แค่ไม้กวาด จะสามารถสร้างรายได้ และกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ทำรายได้เข้าประเทศได้ วันนี้ พามารู้จัก กับไม้กวาดดอกหญ้าแบรนด์ Baan boon บ้านบูรณ์ ไม้กวาดแนวดีไซน์ของผู้ประกอบการไทย ที่ส่งออกไปขายประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ
จุดเริ่มต้นของ “ไม้กวาด Baan boon บ้านบูรณ์” เกิดขึ้นมาจาก “นายสมบูรณ์ วิวัฒนานุกูล” เดิมทำไร่ข้าวโพดอยู่ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย และวันหนึ่งนักธุรกิจจากไต้หวันได้ตั้งโรงงานผลิตไม้กวาดที่ภาคเหนือของไทยและต้องการวัตถุดิบ ต้นข้าวฟ่างพันธุ์พิเศษ สำหรับทำไม้กวาดโดยเฉพาะ คุณสมบูรณ์ เลิกปลูกข้าวโพด หันมา ปลูกข้าวฟ่าง ทำไม้กวาดส่งผู้ผลิตไต้หวัน เช่นเดียวกับ ชาวไร่ที่เชียงรายที่หันมาปลูกข้าวฟ่างให้กับผู้ผลิตชาวไต้หวัน
จนกระทั่ง เมื่อ 2 ปีต่อมา ลูกค้าชาวญี่ปุ่นผ่านมาเจอต้นข้าวฟ่าง ที่คุณสมบูรณ์ ตากไว้อยู่ริมถนน จึงติดต่อให้คุณสมบูรณ์ช่วยผลิตไม้กวาดให้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “สมบูรณ์ผลคราฟท์” โรงงานผลิตไม้กวาดบ้านบูรณ์ Baan boon ไม้กวาดดอกหญ้าจากธรรมชาติที่เน้นการใช้งาน
30 ปี “สมบูรณ์คราฟท์” เป็นมากกว่าไม้กวาด
บูรณิตา วิวัฒนานุกูล (ตูน) ทายาทรุ่น 2 เล่าว่า พ่อสมบูรณ์ ได้เริ่มส่งออกวัตถุดิบข้าวฟ่างสำหรับการทำไม้กวาดไปยังไต้หวันเมื่อปี พ.ศ. 2527 และหลังจากนั้นได้รับการถ่ายทอดเทคนิคการผลิตจากทางไต้หวัน ก่อนจะมาเปิดโรงงานสมบูรณ์คราฟท์ ผลิตไม้กวาดส่งออกให้กับประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2529 หลังจากที่ผลิตให้กับผู้นำเข้าญี่ปุ่น ทำให้ได้รับการถ่ายทอดเทคนิคการผลิตไม้กวาดจากประเทศญี่ปุ่น และก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตไม้กวาดส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิตาลี สวีเดน ฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ
สำหรับการทำไม้กวาด ของ “สมบูรณ์ผลคราฟท์”เป็นงานฝีมือทุกขั้นตอน ดังนั้น แต่ละชิ้นต้องใช้เวลา ซึ่งบางครั้งเจอปัญหาเราไม่สามารถทำตามออเดอร์ ตามเวลาที่กำหนดได้ แต่ลูกค้าก็เข้าใจว่าเป็นงานแฮนด์เมดที่ต้องใช้มือทำในเกือบทุกขั้นตอน ซึ่งด้วยเป็นงานคราฟท์ เหมาะกับแรงงานภาคเหนือ มีจุดเด่นทางด้านงานฝีมืออยู่แล้ว เพราะคนเหนือจะใจเย็นทำงานฝีมือออกมาได้ดี เป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าพึ่งพอใจกับผลงานไม้กวาดของบ้านบูรณ์
ปรับตัวบ้านบูรณ์ หลังเจอวิกฤต
หลังจากที่ผู้ผลิตไต้หวันได้มีการย้ายการผลิตไปประเทศจีน เพราะได้ค่าแรงที่ต่ำกว่า ทำให้สามารถทำราคาที่ต่ำกว่าของเรามากกว่าครึ่งหนึ่ง ไม้กวาดของบ้านบูรณ์เลยกลายเป็นสินค้าราคาแพง หลายคนหันไปซื้อไม้กวาดจากประเทศจีน จากยอดสั่งซื้อ 5 ตู้คอนเทนเนอร์เหลือแค่ตู้เดียว ทำให้ทาง สมบูรณ์ผลคราฟท์ ต้องเริ่มทำไม้กวาดแบบอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการถักให้เบี้ยว หรือ การออกแบบสีสันให้น่าสนใจ เริ่มมีขนาดให้ลูกค้าได้เลือก หรือ พัฒนามาทำเป็นแปรง เป็นต้น และเริ่มออกร้านในงานแสดงสินค้ามากขึ้น เช่น งานแสดงสินค้า ส่งออก BIG&BIH ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากเดิมส่งออกแต่ประเทศญี่ปุ่น เป็นหลัก เราก็เริ่มมีลูกค้าหลายประเทศเพิ่มขึ้นมา
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ยอดการสั่งซื้อในต่างประเทศเริ่มลดลง ซึ่งปกติลูกค้าในประเทศแถบยุโรป ไม่นิยมใช้ไม้กวาด จะใช้เครื่องดูดฝุ่นมากกว่า แต่ซื้อไม้กวาดไปเป็นของแต่งบ้าน และใช้เมื่อจำเป็น พอลูกค้าต่างประเทศเริ่มลดลงทำให้ต้องหันมาทำตลาดในประเทศ และเริ่มเปิดตลาดในประเทศให้คนไทยได้รู้จักไม้กวาดของบ้านบูรณ์ ในช่วงโควิดที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งลูกค้าคนไทยให้การตอบรับดีมาก หลังจากได้มีการแนะนำผ่านช่องทาง อินสตราแกรม ลูกค้าเข้ามาซื้อจนสินค้าบางรุ่นหมด
บ้านบูรณ์ไม่ได้เน้นแค่ดีไซน์
ออกแบบเหมาะกับผู้ใช้งาน
ในส่วนขนาดไม้กวาดที่ใช้กันทั่วไป ทางหน้าเพจ Baan boon แจ้งไว้ คือ มี 2 ขนาดสำหรับไม้กวาดใช้ภายในบ้าน คือ ขนาด 85 เซนติเมตร และ 92 เซนติเมตร นำหนักโดยรวมของทั้ง สองรุ่น เจ้าของตั้งใจออกแบบให้ใกล้เคียงกัน ให้กวาดมือเดียว ได้ความรู้สึกเบา และสบาย และได้องศาไม้กวาดที่ขนานไปกับพื้นเพื่อช่วยทุ่นแรง และที่ต้องมี 2 ขนาดนี้ เพราะความสูงผู้ใช้ที่มีความสูงเกิน 165 เซนติเมตร ถ้าใช้ขนาด 92 เซนติเมตร ลดปัญหาจากการปวดหลัง เมื่อก้มกวาด
แม้ว่าจะเป็นเพียงไม้กวาด แต่ทางบ้านบูรณ์เองไม่หยุดพัฒนารูปแบบ เพื่อให้ไม้กวาดไม่ได้เป็นเพียงแค่ไม้กวาดที่ต้องหลบๆ ซ่อน เมื่อใช้เสร็จอีกต่อไป แต่ทุกบ้านสามารถนำไม้กวาดแขวนหรือ วางไว้ตรงมุมไหนของบ้านได้ โดยจะมีการออกแบบเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ออกมาทุกๆ 3 เดือน และเพื่อให้ทุกคนที่เยี่ยมชมไม้กวาดที่โชว์รูม สมบูรณ์คราฟท์ รู้สึกได้ถึงความสวยงาม เหมือนกับการชมนิทรรศการ “สุนทรียภาพของงานฝีมือ” สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการช้อปปิ้งไม้กวาด ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
สร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชน
สำหรับไม้กวาด บ้านบูรณ์ ได้ผ่านการทำงานมากว่า 30 ปี ภายใต้การบริหารงานของ พ่อสมบูรณ์ และในขณะนี้ เป็นช่วงการส่งต่อการทำงานให้กับทายาท ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาบริหารกิจการต่อ อย่างไรก็ดี “คุณตูน” บูรณิตา ยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งที่ พ่อสมบูรณ์ ทำมา ไมว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับชุมชน ในกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวฟ่าง วัตถุดิบหลักในการทำไม้กวาด หรือ กลุ่มแรงงาน ซึ่งงานทุกชิ้นต้องใช้ทักษะแรงงานฝีมือด้านหัตถกรรมของชุมชน การทำงานกับชุมชนทั้งสองกลุ่ม พ่อสมบูรณ์ทำมาได้ดี เพราะพ่อจะต้องอาศัยความเข้าใจ และเคารพในวิถีชีวิตของชุมชนมาตลอด พอถึงรุ่นของเราก็ต้องดำเนินต่อโดยไม่ลดความสำคัญของส่วนใดเลย
นอกจากการทำงานที่เกื้อกูล ซึ่งกันและกันแล้ว ในวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ทางเรามีความตั้งใจไม่ปรับลดพนักงาน รวมถึงแรงงานด้านการผลิต เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของคนทำงานด้วย การเริ่มต้นทำแบรนด์ บ้านบูรณ์ จึงมีส่วนสร้างงานในชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
ในส่วนของแผนการตลาด และการสร้างแบรนด์ เป็นสิ่งที่คุณตูน คาดหวัง เพราะการสร้างแบรนด์ช่วยมันอาจจะต้องใช้เงิน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการทำธุรกิจ เพราะในอนาคตอาจจะมีคนที่ทำสินค้าใกล้เคียงกับเรา แต่ถ้าเรามีแบรนด์สร้างการจดจำให้กับลูกค้าในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในครั้งต่อๆไป เพราะตลอดระยะเวลาที่ “พ่อสมบูรณ์” ทำไม้กวาดลูกค้าชื่นชอบในสินค้าของเรา ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพราะลูกค้าพึ่งพอใจและกลับมาซื้อซ้ำ
ความสำเร็จ ของไม้กวาดบ้านบูรณ์ ในครั้งนี้ เกิดจากทักษะและประสบการณ์ของผู้ผลิตที่ทำงานมากว่า 30 ปี สร้างชื่อสินค้างานคราฟท์จากประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แม้จะเป็นเพียงแค่ไม้กวาดที่ใครหลายคนมองข้าม แต่สำหรับบ้านบูรณ์ ผสมผสานความคิดรังสรรค์ผลงานไม้กวาดธรรมดา จนสร้างชื่อเสียงให้หลายประเทศรู้จักอีกหนึ่งงานคราฟท์จากประเทศไทย
ติดต่อ https://www.baanboonbrooms.com/
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด