จากคนช่างกินสู่ความใส่ใจ เมื่อวิศวกรโยธาหันมาจับมีดปอก “ผลไม้เรียง” ความสวยงามที่กินได้จริง เป็นของขวัญของฝากใช้สื่อแทนความรู้สึกห่วงใยถึงกัน เจ้าแรก! ขายดีมากว่า 4 ปีด้วยคุณภาพที่แตกต่าง
คุณโอ๋-ธัญญพัทธ์ ธิชาพงศ์พิศาลเจ้าของกิจการ “ผลไม้เรียง”ผลไม้ปอกพร้อมทานสุดพรีเมียม เล่าให้ฟังว่า ตนเองกับสามีเป็นวิศวกรทั้งคู่โดยก่อนหน้านี้อย่างตนเองก็เป็นวิศวกรโยธาเคยทำงานประจำ อยู่ในบริษัทเอกชนมา 10 กว่าปี ซึ่งปัจจุบันอายุ 40 ปีแล้ว แต่ด้วยเพราะมีความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเอง กอปรกับการเป็นคนช่างกินชอบสรรหาแต่ของอร่อยและชอบกินผลไม้มาก เคยเปิดร้านขายสลัดและโยเกิร์ตมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งมีโอกาสได้ไปพบผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือก็อยากจะเตรียมผลไม้เพื่อนำไปฝากท่าน ทำอย่างไรให้ได้รับความสะดวกสบาย ได้ทานของดี และมีความประณีต จึงเตรียมจากผลไม้ที่มีอยู่ในขณะนั้นปอกแล้วจัดเรียงใส่กล่องให้ แบบไม่มีเปลือกไม่มีเมล็ด เพื่อสะดวกในการทานได้เลย กลายเป็นว่ามันเป็นของที่ยังไม่มีการทำขายในตลาด ซึ่งท่านก็เลยบอกทำขายเลยสิ! ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ลองขายดูแล้วมันก็เปิดออร์เดอครั้งแรก ก็คือได้ออร์เดอเลย
“ชื่อ“ผลไม้เรียง” เพื่อนที่รู้จักในห้องเรียนธุรกิจก็เป็นคนตั้งให้ด้วยค่ะ ทำคือเราเรียงเป็นแถวเลย อาจจะเป็นเพราะเราเป็นวิศวกรหรือเปล่า เราจะรู้สึกว่าเราชินกับเรื่องกริด-ไลน์ เรื่องเส้น เราก็รู้สึกว่าอยากจะให้มันเป็นระเบียบ เรียบร้อย สวยงาม แล้วเราก็เลือกแต่ของที่ดีด้วย จัดอยู่ในแพ็คเกจจิ้งที่ดูแบบสวย เขาก็เลยรู้สึกว่าอันนี้มันคือคาแรคเตอร์ของแบรนด์นะ แล้วสุดท้ายมันก็คือกลับมาเป็นคาแรคเตอร์ของเรา ที่เราใช้ในการรันโปรดักส์อื่น ๆ ของที่ร้านด้วยค่ะ”
คุณโอ๋ เล่าให้ฟังอีกว่า ผลไม้เรียงจุดตั้งต้นเลยคือ เราจะอยากทำผลิตภัณฑ์ที่ให้ผู้รับรู้สึกว่า เขาเป็นคนพิเศษ เห็นถึงความตั้งใจผ่านผลิตภัณฑ์ ก็คือมีการเตรียมผลไม้อย่างประณีต พูดง่าย ๆ ว่าสวยจากที่เห็นด้วยตา แล้วก็รับรู้ไปถึงที่ใจ ทำให้เขารู้สึกว่ามีความพิเศษและสุดท้ายความรู้สึกนั้น ก็จะกลับเข้าไปหาผู้ให้ ก็คือทำให้ผู้ให้ถูกจดจำได้ แล้วก็เป็นการสื่อความรู้สึกถึงกัน
การคัดเลือกวัตถุดิบ-ผลไม้ ปกติก็จะดูจากฤดูกาลนั้น ๆ ก่อนว่า ผลไม้อะไรน่าสนใจ รวมถึงผลไม้อะไรที่มีตลอดทั้งปีด้วย เพื่อว่าจะได้เตรียมในการปอกหรือหั่นชิ้นอย่างไร เรียงอย่างไร ให้ดูว่าได้ทั้งประโยชน์ทั้งในตอนที่ทาน ให้เขาได้รสสัมผัสที่ดี ชิ้นพอดีคำ แล้วก็ได้รสชาติที่ถูกต้อง หรือแม้แต่เวลาที่จัดเรียงก็จะนึกไปถึงว่าผลไม้หลายชนิดที่ลงไปในกล่องเดียว มีการคิดไปถึงขนาดว่า ควรจะต้องมีสีอะไรบ้าง เพื่อให้รู้สึกเหมือนว่าเป็น “ของขวัญ” จริง ๆ ไม่ใช่แค่ผลไม้ที่ทานได้ ซึ่งทำให้ลูกค้ามากกว่าครึ่งของที่ร้านมีการสั่งไปเป็น “ของขวัญ” เป็น “ของฝาก”
“จริง ๆ เรามีผลไม้หลายสิบชนิดเหมือนกัน แต่เราก็จะดูว่าในฤดูกาลนั้น อะไรที่โดดเด่น เพราะว่าในฤดูกาลของเขารสชาติเขาก็จะโดดเด่น เป็นรสชาติที่ดี เราก็จะแบบแนะนำให้ลูกค้าด้วย ตอนนี้อะไรอร่อย แต่เขาก็จะเหมือนให้ข้อมูลกลับมาว่าสนใจตัวนี้ทำให้ได้ไหม จะมี custom-made เหมือนกันค่ะ พอตอนหลังก็มีนำผลไม้นอกมาใช้ด้วย ด้วยความที่เราต่อยอดว่าเราไม่ได้ทำแค่ผลไม้พร้อมทาน แต่ต่อยอดเป็นกระเช้าของขวัญอะไรอย่างนี้ ก็จะมีแบบrequest ว่าอยากฝากผู้ใหญ่มาก ๆ อยากได้เซ็ตที่พรีเมียมมาก ๆ ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่านอกจากผลไม้ไทยแล้ว ผลไม้นอกที่รสชาติดีตอนนี้มีอะไรบ้าง เราก็จะหามาเติมมาดู ให้มันตอบโจทย์ลูกค้า”
ราคาและช่องทางการจำหน่าย คุณโอ๋บอกว่า ราคาของที่ร้านในผลไม้1 ชนิดจะมีอยู่ประมาณ 5 ไซส์ ราคาเริ่มต้นจะมีตั้งแต่ 100 บาทจนสูงสุดก็คือไปถึง 4,000 บาท แต่ว่าถ้าหากเป็นแบบการต่อยอดเป็น “กระเช้าผลไม้” ก็มีแบบหลักหมื่นก็มี อยู่ที่ว่าลูกค้าสั่งให้ทำแบบพิเศษหรือพรีเมียมมาก ๆ หรือบางทีก็ให้งบมาก่อนเลยอยู่ที่ 1 หมื่นบาท เลือกผลไม้ให้เลย อย่างนี้เป็นต้น สำหรับช่องทางการจำหน่ายหลักของที่ร้าน คือ ออนไลน์ 90% ลูกค้าส่วนใหญ่จะทักมาในไลน์โอเอ หน้าร้านชื่อว่า @polamairiang แต่ว่าก็จะมีโปรโมตทั้ง ไอจี(polamairiang) เฟซบุ้ก(ผลไม้เรียงpolamairiang) มีขายทั้งผ่านพาร์ทเนอร์เดลิเวอรี่ต่าง ๆ โรบินฮู้ด ไลน์แมน ฯลฯ และอีกส่วนหนึ่งจะมีลูกค้าวอล์คอินเข้ามาสั่งที่ร้านโดยตรงด้วย คล้าย ๆ แบบอาหารตามสั่งก็มี แต่ว่าส่วนใหญ่จะทักในไลน์มาสั่งไว้ก่อนพอทำเสร็จแล้วก็เข้ามารับเองที่ร้านก็มี
“ในสถานการณ์โควิดมันเหมือนเป็น “โอกาส” ของเราเลยค่ะ เพราะว่าเอาจริง ๆ ช่วงนั้นลูกค้าเกินครึ่งคือ ส่งโรงพยาบาล
ก็กลายเป็นว่าเป็นของที่เหมือนส่งให้กับคนรับ แล้วเขาทานได้จริง ทานได้เลย เหมือนเราเคยเข้าโรงพยาบาลมีคนเอากระเช้าผลไม้มาให้แบบเงาะทั้งเปลือก หรืออะไรอย่างงี้ค่ะ สุดท้ายคนเยี่ยมได้ทาน คนป่วยเอ๊ะยังไง แต่อันนี้คือเหมือนกับว่าคนที่เขารับเขาได้ทานจริง ๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นของที่เหมือนที่บอกว่า มันแทนความรู้สึกจริง ๆ มันแทนความรู้สึกห่วงใย แล้วมันรับได้ทันทีเลยผ่านรสชาติ ผ่านคุณภาพของอาหาร ผ่านแพ็คเกจจิ้งหน้าตาที่เราจัดไปให้ ใส่กล่องสวยงามผูกโบว์อย่างเงี้ยค่ะ”็
“ผลไม้เรียง” บอกต่อโดย Celebrity คุณโอ๋เล่าให้ฟังด้วย มีคนแซวเหมือนกันว่า ผลไม้เรียงเป็นผลไม้ดาราหรือเปล่า เพราะเห็นมีดารา/คนดังหลาย ๆ คนมีการรีวิวสินค้านี้ให้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือว่าตนเองทำแบบตรงไปตรงมาเลย มีการทักไปในช่องข้อความ บอกว่าเรามีผลิตภัณฑ์แบบนี้ เหมือนเราส่งของฝากเนื้อฝากตัวกับผู้ใหญ่ โดยจะรู้สึกวางใจแบบนั้นเลย ไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะต้องลงหรืออะไรให้เรา แต่จากความตั้งใจที่เวลาผู้ใหญ่ได้รับของฝากที่นำไปมอบให้ ถ้ารู้สึกประทับใจก็จะถ่ายรูปลงใน เฟซบุ้ก ไอจี ของท่านเองอยู่แล้ว เราก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่าด้วยตัวโปรดักส์เขาต่อของเขาอยู่แล้ว แต่ว่าเหมือนกับว่าเวลาที่เราทักแบบ celeb หรือดารา ไปแล้วแต่ละคนคือเขาน่ารักมาก แล้วก็คือเหมือนกับให้ความช่วยเหลือ ก็เลยทำให้ผลไม้เรียงเป็นที่รู้จักมี awareness ผ่านช่องทาง IG ของคนที่เขาลงให้ แล้วหน้าที่เราก็คือ คงคุณภาพ คงการบริการ ถือเป็นการบ้านที่เราจะต้องทำต่อ
การพัฒนาต่อ สู่การส่งออก โดยคุณโอ๋ได้พูดถึงกำลังการผลิตของร้านว่า ก็คือตามกำลังคนเลยเพราะว่าเป็นของแฮนด์เมด เป็นของที่ต้องประดิดฯ เหมือนกับอาหารตามสั่ง แต่ว่าก็มีรายได้ maintain ร้านได้ รายได้ถือว่าก็ค่อนข้างโอเค แล้วยังมองถึงเรื่องการต่อยอดธุรกิจไปกว้างกว่านั้น ก็คือมีการตั้งเป้าไว้ในปีนี้ ตั้งใจว่าจะทำผลิตภัณฑ์จากผลไม้ไทยแต่ว่าเป็นของที่เอาไปใช้ได้ในร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่ต่าง ๆ ด้วย เป็นตัวที่จะไปช่วยเติมว่าทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ผลไม้ของเราไปช่วยตอบโจทย์เขาทั้งในเรื่องต้นทุน และเรื่องรสชาติได้ จากความที่ตัวเองก็เป็นคนที่ concern เรื่องรสชาติมาก ถ้าหากทำแล้วสามารถ win win ได้ทั้งคู่ที่ทำให้ เขาได้โปรดักส์เพิ่มเติม แล้วทำให้เขาเองก็เติบโตเราเองก็เติบโต ตัวอย่างเช่น การทำเป็นน้ำผลไม้สด ผ่าน IQF แล้วแช่แข็ง นำไปใช้ในคาเฟ่แบบเก็บไว้ได้นานที่คุมทั้งต้นทุนและรสชาติได้ ส่วนต่างประเทศก็คิดเหมือนกันว่าเราอยากเติบโต ในลักษณะที่ว่าอยากทำให้ผลไม้ไทยเหมือนยกระดับมาตรฐาน มีการทำบางอย่างให้ถูกจดจำ เหมือนมะม่วง-ทุเรียน เพราะรู้สึกว่าประเทศไทยยังมีอีกหลายอย่างที่ควรจะแบบ from Thailand The Best ด้วย
คุณภาพที่แตกต่าง สร้างBrand Loyalty ในที่สุด“ถ้าถามว่าสร้างจุดต่างอย่างไร ก็คือส่วนหนึ่งโอ๋ว่าการเป็นเจ้าแรก ๆ ถือว่าเป็นจุดแข็ง คือคนก็จะจดจำเราได้ แล้วส่วนหนึ่งโอ๋ว่ามันเป็นเรื่อง Loyalty ด้วย คือลูกค้าซื้อเรายังเป็นลูกค้ากลุ่มเดิม ๆ ซื้อจากคุณภาพเดิม ๆ มีเซอร์วิสแบบนี้ แล้วเหมือนมีความไว้วางใจต่อกัน เพราะมองอีกแง่หนึ่งถ้ามันมีความคล้ายกัน เหมือนเราสบายใจที่จะซื้อกับใคร เขาก็จะซื้อกับคนนั้นด้วย กับส่วนหนึ่งจริง ๆ คือเราก็พัฒนาอยู่ตลอด เหมือนเรายังสนุกกับงานอยู่ เรารู้สึกว่าลูกค้าสัมผัสได้ แล้วก็เหมือน enjoy ไปกับเรา เวลาที่เราออกโปรดักส์ใหม่ ๆ ซึ่งจริง ๆ 3 ปีเข้าปีที่ 4 แล่วค่ะ ก็เลยจะเหมือนกับว่าเริ่มปอกผลไม้ก็เยอะแล้ว น่าจะเกือบ cover ทั้งหมดแล้ว มันก็เลยเป็นที่มาของการต่อยอด”
สอบถามเพิ่มเติมโทร.065-651-2444
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager