อดีตสาวแบงก์หันมาต่อยอดธุรกิจครอบครัว เปลี่ยนวัตถุดิบเกษตรที่มีสู่ขนมเบเกอรี่ จนขายดีมากช่วงโควิดที่ผ่านมา ก่อนมาจับทำ “ป๊อปคอร์น” ด้วย ใช้เวลาเพียง 1 เดือน สร้างยอดขายผ่านออนไลน์หลายแสนบาท/เดือน!!
อดีตสาวแบงก์สะใภ้เมืองจันทน์ “อิง-ปวิตรา จันทร์เรือง”เล่าให้ฟังว่า พื้นเพเดิมตนเองเป็นสาวกาฬสินธุ์ แต่มาพบรักกับหนุ่มเมืองจันทน์ โดยการชักนำของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก่อน ซึ่งหลังจากเรียนจบด้านบริหาร(MBA) ก็ทำงานธนาคารมากว่า 10 ปี ขณะที่สามีเองก่อนนี้ก็ทำงานด้านวิศวกรรมโรงงาน(จบวิศวะเคมี) จนเมื่อถึงวันหนึ่งตัดสินใจกลับมาช่วยที่บ้านบริหารงาน “สวนทุเรียน” ด้วยเป็นลูกคนเดียว เมื่อทั้งสองคนเริ่มมีลูกด้วยกันอิงจึงตัดสินใจเปลี่ยนจากงานประจำไม่ทำแล้ว! หันมาสร้างธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตนเองขึ้นมาทดแทน
จากวิกฤต! เกิดอาชีพสร้างรายได้
อิง เล่าว่า ช่วงโควิดในระลอกแรกสุดเลย ที่บ้านพบเจอกับปัญหาว่า “ทุเรียนทอด” ซึ่งเป็นสินค้าแปรรูปที่ทำควบคู่มากับสวนทุเรียนตลอดนั้น ขายดีมาก ๆ ถูกสั่งจองหมดเกลี้ยงจนไม่มีของในสต็อกเหลืออยู่เลย จากปรากฏการณ์ที่ผู้คนซึ่งตอนนั้นตื่นตระหนกและเกิดการกักตุนของ ไม่น่าเชื่อว่าทุเรียนทอดราคา 1,200 บาท/กก. จะขายได้หมดเกลี้ยงและแถมของยังไม่พอขายด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนั้นที่บ้านเองก็มีกล้วยซึ่งประสบปัญหาเรื่องราคาตกต่ำอยู่ ก็เลยคิดดัดแปลงนำมาแปรรูปทำ “กล้วยตาก”ลองดู ใช้ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ ในช่วงแรก ๆ ก็ทำแจกฟรีให้ชิมก่อน จนเริ่มมีออร์เดอจากเพื่อน ๆ ที่เห็นโพสต์ในเฟซบุ้ก อยากจะชิมด้วย ตั้งแต่นั้นก็เกิดการขายกล้วยตากอย่างจริงจังขึ้นมาและปัญหาเดิมอีก คือกล้วยเริ่มไม่พอ! จึงลองพลิกแพลงวัตถุดิบทำเป็น “คุกกี้กล้วยตาก” ดูบ้างปรากฏว่า การตอบรับก็ดีมาก ๆ อีก โดยเฉพาะช่วงปีใหม่-เทศกาลมียอดสั่ง แตะหลักแสนบาท! ต่อเดือนเลยทีเดียว และตอนหลังยังเพิ่มสูตร “สตรอเบอรี่อบแห้ง” รวมถึงมีทำมินิ “ชีสทาร์ท” เป็นไส้ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าเลือกชิมได้หลากหลายอีกด้วย
ป๊อปคอร์นพรีเมียมก็มา!
สำหรับ “ป๊อปคอร์น” อิงบอกว่ามาจากความชอบของสามี(คุณณัฐ) เป็นคนชอบกินป๊อปคอร์นอยู่แล้ว ซึ่งก็เคยลองทำเองมาก่อนแต่สรุปคือยากและจุกจิกปวดหัวมาก ไม่คิดว่าจะทำอีกเลยจนกระทั่งอยู่ ๆ มาวันหนึ่งเห็นจากโซเชียล ฯ มีการเปิดคอร์สสอนอยู่ ตอนที่สมัครเรียนเป็นช่วงเดือน มี.ค. และพอเรียนเสร็จกลับมาลองทำดูเอง ใช้เวลาอยู่ 1 เดือน ทำแล้วทิ้ง ทำแล้วทิ้ง อยู่อย่างนั้นก่อนจนกระทั่งได้สูตรที่นิ่งแล้ว พอลองทำจริงและเปิดขายควบคู่กับขนมต่าง ๆ ด้วยก็ปรากฏว่าขายดีเลย! ตั้งแต่เริ่มเปิดวันแรกลูกค้าก็ให้การตอบรับที่ดีมาตลอด
การผลิตเน้นคุณภาพต้องมาก่อน ใช้วัตถุดิบพรีเมียม(เกรดนำเข้า) ทุกอย่าง
ป๊อปคอร์นที่อิงผลิตนั้น เจ้าตัวให้ความสำคัญเรื่อง “คุณภาพ” ต้องมาก่อนเพราะด้วยราคาขายที่ตั้งไว้ ค่อนข้างเป็นอีกกลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ดังนั้นการคัดสรรวัตถุดิบที่ใช้ตั้งแต่ ข้าวโพด คือเป็นเกรดนำเข้าจากต่างประเทศ(USA) แล้วต้องมาทำการคัดอีกทีก่อน หลังจากที่อบหรือป๊อปออกมาแล้วจะต้องมีการแกะกากออกทุกเม็ด และคัดไซส์ต้อง “กลมใหญ่” เท่านั้น ไม่ได้ตามนี้ไม่ผ่าน อย่างเม็ดข้าวโพด 1 กระสอบพอคัดแล้วจะได้เป็น “ป๊อปคอร์น” ที่ผ่านการเลือกแล้วเหลือเพียงแค่ 50% เท่านั้น จากนั้นไม่ว่าจะเป็น “ถั่ว” ได้แก่ อัลมอนด์(นำเข้า) และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ต้องเป็นแบบคัดพรีเมียมเต็มเมล็ดเท่านั้น และไซส์ต้องจัมโบ้อย่างเดียว เนยที่ใช้ก็ต้องเป็นเนยแท้(วิปครีม) เท่านั้น และคาราเมลจะใช้สูตรน้ำตาลทรายแดงกรองแบบละเอียดมากวนทำซอสที่เน้นเนื้อต้องเนียนสมูทเท่านั้น ฯลฯ ทุกอย่างอิงบอกว่าจะเลือกใช้แต่ของคุณภาพจริง ๆ ซึ่งป๊อปคอร์นที่ทำอยู่จะมี2 รสชาติหลัก ๆ คือ “รสชีส” เป็นแบบชีสล้วน ๆ ไม่มีการผสมอย่างอื่นเข้าไป จะมีผงชีสให้สำหรับการเชคก่อนทานด้วย กับ “รสคาราเมล” มีทั้งแบบป๊อปคอร์นล้วน ๆ สำหรับคนไม่ชอบทานอย่างอื่นเลย และการมิกซ์ “ถั่ว” อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงฯ แบบจัดเต็มมากรวมถึงยังมี “ทุเรียนทอด” ด้วย
การตลาดขายผ่านออนไลน์เป็นหลัก มีราคาให้ทั้งส่งและปลีก
พอเริ่มขายดีอิงบอกว่าก็เปิดเพจชื่อ : English’s bake เพื่อเป็นช่องทางหลักในการค้าขายและสื่อสารกับลูกค้า มีการอัปเดตสินค้าให้เห็นถึงความใส่ใจ คุณภาพ และการสร้างความเชื่อมั่น อย่างเช่นกรณี หากส่งสินค้าไปถึงมือผู้รับแล้วแต่ปรากฏของหรือบรรจุภัณฑ์บุบเสียหายไม่ตรงตามสเป็กที่ตกลงซื้อขายกันไว้ ทางร้านเองก็จะรับเคลมคืนให้กับลูกค้าใหม่ และจากการไม่เน้นเรื่อง “แบรนด์” เป็นของตัวเองแต่จะเปิดโอกาสให้กับลูกค้าสามารถสั่งเพื่อไปทำการตลาดได้เองเลย ดังนั้นกลุ่มลูกค้าหลักจึงเป็นร้านกาแฟและแม่ค้าออนไลน์ที่มาสั่งเพื่อไปทำตลาดต่อเองมากกว่า ซึ่งพบว่าเขาสามารถทำราคาจำหน่ายได้สูงอย่างไม่น่าเชื่อ อันนี้คือเป็นความตั้งใจที่อิงบอกว่าอยากจะทำการตลาดในรูปแบบนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากการผลิตที่เน้นความสดใหม่ คือ ลูกค้าต้องสั่งจึงจะผลิตให้เท่านั้น เป็นแบบออร์เดอต่อออร์เดอจะไม่มีการสต็อกสินค้าอย่างเด็ดขาด การผลิตโดยใช้เครื่องจักรมาตรฐานอุตสาหกรรม และผลิตโดยโรงงานที่ผ่านGMP กับ อย. รองรับมาตรฐานแล้ว มีราคาส่งให้กับลูกค้าที่สั่งขั้นต่ำ คือ 1 ลัง หรือ 24 กระปุกขึ้นไป เป็นเรทราคาที่ค่อนข้างเอื้อให้สำหรับแม่ค้าที่จะนำไปขายต่อในราคาที่ตั้งใหม่เองได้ตามพอใจ มีราคาปลีกสำหรับคนสั่งไปทานเองหรือซื้อฝาก ในราคาต่อ 1 กระปุก 129 บาท หรือแบบถุง 500g ราคา 390 บาท(รสชีส) และสำหรับสูตรเพิ่มถั่วหรือทุเรียนทอดด้วย จะบวกเพิ่มอีกราว 10-20 บาท พบว่าส่วนหนึ่งที่ขายดีขึ้นเรื่อย ๆ นั้นคือมาจากการที่ลูกค้าชอบแล้วมีการบอกต่อ ๆ กันให้ด้วย
อิงบอกว่าถึงตอนนี้ “ป๊อปคอร์น” กลายเป็นสินค้าที่ขายดีของร้าน มียอดสั่งซื้อนำหน้าขนมต่าง ๆ อยู่พอสมควรเลย ส่วนขนมตอนนี้ก็มีอยู่ 7 ชนิดให้กับลูกค้าได้เลือกตามเทศกาลต่าง ๆ ที่เหมาะกับการเป็นของฝาก อย่างช่วงธันวา-มกราที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายต่อเดือนได้สูงสุดถึง3 แสนกว่า! เลยทีเดียว คิดเป็นเฉพาะยอดสั่งป๊อปคอร์นอย่างเดียวราว2 แสนบาท
ส่วนนอกนั้นแต่ละเดือนยอดสั่งซื้อรวมของร้านไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาทมาตลอด อย่างช่วงที่มีออร์เดอเข้ามาเยอะ ๆ ก็จะเปิดโรงงานผลิตเพื่อให้ทันความต้องการกันแทบไม่มีวันหยุดเลย แต่ถ้าช่วงไหนที่พอซา ๆ หน่อยก็ปิดเสาร์-อาทิตย์เพื่อให้คนงานได้พักบ้าง ซึ่งจากกำลังการผลิตสูงสุดต่อวันคือ 200 กระปุก เพราะป๊อปคอร์นต้องใช้ระยะเวลาในการอบค่อนข้างนานกว่าจะได้คุณภาพครบตามสเป๊กมาตรฐาน ดังนั้นก็จะต้องบอกให้ลูกค้ามีการสั่งออร์เดอไว้ล่วงหน้าก่อน แล้วพอผลิตเสร็จแบบ “ทำใหม่” ให้ตามที่สั่งเท่านั้น ทางร้านก็จึงจะรีบทำการจัดส่งให้กับลูกค้าทันที
สอบถามเพิ่มเติมโทร.086-713-3343
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager