"บิ๊กป้อม” จี้ทุกหน่วยงานเร่งรัดแผนระยะเร่งด่วนสกัดน้ำท่วมซ้ำนิคมอุตสาหกรรมบางปูและพื้นที่โดยรอบ ขีดเส้นแล้วเสร็จภายในเม.ยนี้ พร้อมบูรณาการทุกหน่วยงานขับเคลื่อนแผนระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมบริเวณนิคมอุตสาหกรรมบางปู แบบยั่งยืน
เมื่อเร็วๆนี้ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง ประชุมร่วมกับ คณะทำงานบูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วมอุตสาหกรรมบางปูและพื้นที่โดยรอบ ครั้งที่ 1/2565 ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการเพื่อติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมอุตสาหกรรมบางปูและพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทานและนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและตัวแทนองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมด้วย จากนั้นนายสมเกียรติและคณะ ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางแผนการระบายน้ำ ณ สถานีสูบระบายน้ำฝน ซอย 9A ซึ่งหนึ่งในจุดรับน้ำในพื้นที่นิคม ที่จะระบายลงระบบคลองภายนอก และระบายออกสู่ทะเลทางคลองชายทะเลต่อไป
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า ตามที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และประธานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้สั่งการ เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2564 64 ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) บูรณาการหน่วยงานต่างๆ เร่งรัดทำแผนเร่งด่วนตามบัญชาของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ และพื้นที่รอบนอก และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการน้ำจังหวัด ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานบูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วมอุตสาหกรรมบางปูและพื้นที่โดยรอบ ขึ้นมา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนแผนงานทั้งระยะเร่งด่วน และระยะต่างๆให้เกิดเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และความชัดเจน รวมทั้งให้สอดรับกับนโยบายมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 จำนวน 13 มาตรการ ของรัฐบาล ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับจังหวัด/ท้องถิ่น ได้มีการเตรียมความพร้อมบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนให้เร็วยิ่งขึ้น และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการ
อาทิ การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก ปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ขุดลอกคูคลอง และกำจัดผักตบชวา เป็นต้น ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้ จึงได้เร่งรัดติดตามใน 3 เรื่องคือ 1. แผนการดำเนินการระบายน้ำในบริเวณพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู 2. แผนงานการขุดลอก การกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวาง เสริมแนวคันที่ลุ่มต่ำ ในบริเวณ คลองลำสลัด คลองหัวลำภู คลองหกส่วน และคลองธรรมชาติอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และ 3. แนวทางการบริหารจัดการน้ำ และแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลงสู่คลองชายทะเลพร้อมกำชับให้แต่ละหน่วยงานจัดทำแผนให้แล้วเสร็จภายในเดือน เมษายน นี้ ตามข้อสั่งการของ รองนายกฯ (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
“ท่าน พลเอกประวิตร มีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปูและพื้นที่โดยรอบอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบลุ่มต่ำน้ำท่วมถึง จึงมักมีปัญหาเพื่อฝนตกหนักเกิดการระบายน้ำไม่ทัน จึงทำให้เกิดน้ำท่วมบ่อยๆ ส่งผลกระทบต่อ บุคคลากร แรงงาน เครื่องจักรเครื่องมือ และ ยานพาหนะ ซึ่งปัจจุบัน มีแรงงานจำนวน มาก ทำงานใน 370 โรงงาน จึงสั่งการให้ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง เร่งลงพื้นที่ เพื่อติดตามการจัดแผนเผชิญเหตุและแผนเตรียมความพร้อมเฉพาะหน้าให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนเมษายน นี้ เพื่อรับมือช่วงฤดูฝนปี 65 ที่จะมาถึง ซึ่งคาดว่าฝนจะมาเร็วกว่าปีปกติ นอกจากนั้น ยังได้สั่งการให้เร่งรัดทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนระยะกลาง และระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาแบบยั่งยืนให้แล้วเสร็จโดยเร็วอีกด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบนิคม และปกป้องพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จากผลกระทบน้ำท่วม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่งของประเทศ” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าด้วยว่า ขณะนี้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีแผนดำเนินงานโครงการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจ และนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำให้เร็ว รวมทั้งเร่งรัดแผนงานโครงการต่างๆ ให้สามารถดำเนินการโดยเร็ว ทั้งการตัดยอดน้ำจากพื้นตอนบนเบนไปทิศทางอื่น ไม่ให้ปริมาณน้ำมากระทบกับพื้นที่เศรษฐกิจด้านล่าง การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำสู่คลองระบายน้ำสุวรรณภูมิและอ่าวไทยโดยเฉพาะพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ การแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ การวางระบบท่อลอดใต้ถนน (pipe jacking) เขื่อนป้องกันตลิ่ง การขุดลอกคลอง เป็นต้น
ด้านนายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมชลประทานได้วางแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูไว้5แนวทางคือ1.จัดหาเครื่องสูบน้ำทดแทนเครื่องเดิมที่มีอายุการใช้งานมากว่า10ปี2.จัดหาเครื่องเก็บขยะอัตโนมัติของสถานีสูบน้ำทดแทนของเดิม3.ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบควบคุมเครื่องสูบน้ำและระบบโทรมาตร 4.ปรับปรุงประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำเดิมและใหม่และ5.ปรับปรุงคลองชลประทานภายใต้แผนหลักการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างปี 2567"
"กรมชลประทานได้วางแนวทางป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลางและระยะยาว โดยในระยะเร่งด่วนได้เร่งทำการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสูบน้ำทั้งหมด ส่วนระยะกลางมีแผนปรับปรุงคลอง7สาย ตามแผนหลักการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้แก่ คลองพระองค์ไชยานุชิตคลองปีกกา คลองสำโรง คลองด่าน คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองอุดมชลขจร และคลองชวดพร้าว-เล้าหมู-บางพลีน้อย
นอกจากนี้กรมชลประทานยังมีแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่างบริเวณสะพานน้ำยกระดับสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ พื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร มีการขุดลอกคลองเพื่อเพิ่มความสามารถในการระบายน้ำของคลองต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความจุของบ่อหน่วงน้ำ เพิ่มกำลังการสูบน้ำของสถานีสูบน้ำเดิม สร้างสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ เพิ่มเติม เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากคลองขายทะเลลงสู่อ่าวไทยรวมทั้งพัฒนาระบบพยากรณ์ฝนและน้ำท่วม เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ติดตามสถานการณ์ล่วงหน้า และใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำท่วมแบบบูรณาการร่วมกัน เช่น เตรียมพร่องน้ำในคลองต่าง ๆ
ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำหรือแผนเผชิญเหตุ กรณีปริมาณน้ำฝนและน้ำเหนือไหลมาสมทบมากจนมีระดับความสูงกว่าระดับเฝ้าระวัง จะพร่องน้ำในคลองชายทะเล โดยสถานีสูบน้ำต่างๆ ซึ่งเป็นแก้มลิงออกสู่ทะเล ควบคุมให้อยู่ในระดับ ๐.๐๐ ม.รทก. มีตามแนวคันพระราชดำริจะควบคุมอาคารชลประทานไม่ให้น้ำหลากเข้าไปในกรุงเทพมหานคร(พื้นที่ชั้นใน) ส่วนกรณีคลองแสนแสบ คลองประเวศน์บุรีรมย์และคลองสำโรง มีระดับน้ำสูงกว่าระดับเฝ้าระวังจะประสานกับสำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อระบายน้ำผ่านแนวคันพระราชดำริ ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งได้เตรียมแผนพร่องน้ำในลำคลองต่างๆลงในช่วงที่คาดว่าจะเกิดฝนตกหนักขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอรับน้ำเพื่อระบายลงสู่ทะเล