ไอเดียหาทำมาก! สำหรับการนำเอาช็อกโกแลตมาผสมผสานเข้ากับอาหารไทยอย่างเช่น ช็อกโกแลตรสพริก รสต้มข่า รสมะม่วงพริกเกลือ จากแบรนด์ Siamaya Chocolate ที่ผุดไอเดียดึงเอาเอกลักษณ์ความเป็นอาหารไทยมาผสมเข้ากับช็อกโกแลต โดยใช้วัตถุดิบที่เป็นของท้องถิ่นในประเทศไทยตีตลาดทั้งไทยและต่างชาติ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลจากเวทีสากล
นายวีระศักดิ์ เชื้อสุวรรณ์Manager แบรนด์Siamaya Chocolate เล่าว่า จุดเริ่มต้นการสร้างแบรนด์นั้นเริ่มต้นด้วยผู้บริหาร 2 ท่านได้แก่ Neil Ransom - CEO และ Kristian Levinsen - COO ของแบรนด์ Siamaya Chocolate ที่คิดค้นการทำช็อกโกแลตรสชาติต่างๆ โดยเริ่มต้นทำเมื่อปี 2017 ซึ่งต้องการทำช็อกโกแลตจากเมล็ดโกโก้ของไทย พร้อมสร้างจุดเด่นและเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยการนำเอาอาหารไทยมาผสมผสานเข้ากับช็อกโกแลตให้กลายเป็นช็อกโกแลตรสชาติอาหารไทยที่แตกต่างและไม่มีใครเหมือน โดยเริ่มต้นเป็นช็อกโกแลตรสพริกในช็อกโกแลต 70% และ 85% รสมะพร้าว ช่วงแรกยังคงทำให้เพื่อนในกลุ่มลองชิมแต่กลับได้ฟีดแบกที่ดี จึงตัดสินใจออกบูธเพื่อโปรโมททดลองตลาดและได้ผลตอบรับค่อนข้างดี ทำให้เจ้าของแบรนด์ตัดสินใจจัดตั้ง บริษัท สยามมายา คราฟ จำกัด SIAMAYA CRAFT COMPANY LIMITED เป็นบริษัทที่ทำช็อกโกแลตโดยใช้โกโก้ของไทย
ทั้งนี้ ไอเดียในการทำช็อกโกแลตรสชาติอาหารไทยอย่าง พริก มะพร้าว ต้มข่า แกงมัสมั่น มะม่วงพริกเกลือและอื่นๆ นั้น เกิดจากการที่เจ้าของแบรนด์เล็งเห็นความสำคัญของอาหารและผลไม้ไทยที่สามารถนำมาต่อยอดเข้ากับช็อกโกแลต และสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่นโดยพริกที่นำมาเป็นส่วนผสมนั้นจะเป็นพริกป่นของไทย และรสชาติต้มข่านั้นถูกนำไปประกวดในเวทีสากลและได้รางวัลเหรียญเงินระดับเอเชียกลับมาเมื่อปี 2019 และส่งไปประกวดต่อเนื่อง เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าช็อกโกแลตของทางร้านเป็นช็อกโกแลตที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งการรับรู้รสชาติของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชอบส่วนตัว และอีกหนึ่งจุดแข็งของทางแบรนด์คือการเป็นช็อกโกแลตคราฟที่สร้างความแตกต่างและแปลกใหม่ให้กับช็อกโกแลตอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ช็อกโกแลตของทางแบรนด์มีทั้งหมดประมาณ 16 รสชาติ โดยแบ่งเป็นดาร์กช็อกโกแลตและช็อกโกแลตนม รวมถึงรสชาติตามเทศกาลต่างๆ ที่ทางแบรนด์รังสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกๆ เทศกาล ซึ่งช็อกโกแลตที่เป็นซิกเนเจอร์ได้แก่ ช็อกโกแลตรสมะม่วงพริกเกลือ รสมะพร้าว ต้มข่า ทุเรียน และรสชาไทย ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของทางแบรนด์จะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25-45 ปี โดยเน้นเป็นลูกค้าคนไทยเป็นหลักและลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งก่อนที่โควิด-19 จะระบาดทางแบรนด์ได้มีหน้าร้าน ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักและชื่นชอบสินค้าของทางแบรนด์เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีลูกค้ากลุ่มโรงแรมที่สนใจความเป็นไทย นำเอาสินค้าของทางแบรนด์ไปเป็นของที่ระลึกหรือนำไปขายให้ลูกค้า รวมถึงโรงแรมบางที่สนใจนำเอาช็อกโกแลตเพื่อผลิตเป็นขนมของตนเองก็มีเช่นเดียวกัน รวมถึงยังมีกลุ่มลูกค้าที่รับทำ OEM ให้อีกด้วย
สำหรับการตลาดนั้น ก่อนโควิด-19 ระบาดจะเน้นที่การออกบูธเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าได้รู้จักและสัมผัสกับประสบการณ์การกินช็อกโกแลตรสชาติไทยของทางแบรนด์ เปิดหน้าร้านในจังหวัดเชียงใหม่และการฝากในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ รวมไปถึงทำการตลาดออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้นและมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น หลังจากโควิด-19 ระบาดมากขึ้นนั้น ทางแบรนด์ได้หยุดพักการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าโรงแรม เพราะโรงแรมหลายแห่งต้องปิดตัวชั่วคราวหรือถาวรเนื่องจากไม่มีลูกค้า รวมถึงร้านฝากขายและหน้าร้าน ส่งผลให้ยอดขายตกไปจำนวนมาก ทำให้ต้องหันมาทำการแบบอีคอมเมิร์ซ โดยนำสินค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Shopee facebook และเว็บไซต์ พร้อมเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมทสินค้าตามสถานการณ์
ทั้งนี้ในส่วนของกำลังการผลิตในตอนนี้นั้น จะสามารถผลิตได้ประมาณ 12,000 บาร์ ต่อเดือน ทุกรสชาติรวมกัน และนอกจากจะวางขายในประเทศไทยแล้ว ยังมีการนำสินค้าไปวางขายในร้านอาหารของอเมริกาและสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ผลตอบรับจากลูกค้าคนไทยในช่วงนี้มีฟีดแบกที่ดีขึ้น ส่วนต่างชาตินั้นการกินช็อกโกแลตจะเป็นเรื่องที่ปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจอรสชาติที่แปลกใหม่และเป็นรสชาติแบบไทยๆ จึงทำให้ยิ่งชื่นชอบมากกว่าเดิม
นอกจากนี้การเก็บรักษาช็อกโกแลตนั้นทางร้านแนะนำว่าควรเก็บในอุณหภูมิที่ 15-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อเก็บในอุณหภูมิดังกล่าวดาร์กช็อกโกแลตจะสามารถเก็บได้นานถึง 2 ปี ส่วนช็อกโกแลตนมจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง รวมไปถึงการขนส่งให้ลูกค้าจะมีการเก็บอุณหภูมิของช็อกโกแลตเอาไว้ไม่ให้ละลาย ปัจจุบันสยามมายา ช็อกโกแลตได้รับมาตรฐาน อย. เป็นที่เรียบร้อย และมีราคาเริ่มต้นที่ 180 บาท ขนาด 75 กรัม และขนาด 20 กรัมในราคา 60 บาท ซึ่งตัวขนาด 75 กรัมลูกค้าจะซื้อมากกว่าขนาด 20 กรัม
ปัจจุบันสยามมายา ช็อกโกแลต มีวางขายในส่วนของออนไลน์ได้แก่ Line Official, Instagram, Website และShopee ส่วนในพื้นที่เชียงใหม่จะมีวางขายในห้างสรรพสินค้าได้แก่ ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ช็อปของแบรนด์เองอยู่ที่ประตูท่าแพเชียงใหม่ ส่วนในพื้นที่ กทม. จะวางขายใน กูร์เมต์ มาร์เก็ต, เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์, วิลล่า มาร์เก็ต, ร้านใบเมี่ยงและในไอคอนสยาม และนอกจากนี้ในส่วนของการเติบโตนั้นทางแบรนด์ให้ข้อมูลว่าสามารถเติบโตได้ประมาณ 30-50% ต่อปี
อย่างไรก็ตามในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการพัฒนาโปรดักส์ให้น่าสนใจ รวมถึงสร้างเครือข่ายช็อกโกแลตให้เติบโต โดยตั้งเป้าให้เป็นศูนย์เรียนรู้และที่ปรึกษาในด้านธุรกิจช็อกโกแลต เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจช็อกโกแลตมือใหม่และคนที่สนใจได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดและสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ในอนาคต ซึ่งสยามมายา ช็อกโกแลต ตั้งใจจะเป็นแฮนด์คราฟช็อกโกแลตของเชียงใหม่และขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังวางแผนต่อยอดไปในส่วนของการเป็นแลนด์มาร์คและศูนย์การเรียนรู้ เปิดโรงงานให้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบช็อกโกแลตเมื่อมาถึงเชียงใหม่แล้วนึกถึงช็อกโกแลตให้นึกถึงสยามมายา ช็อกโกแลตเป็นที่แรก โดยจะได้เห็นในเร็วๆ นี้
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Siamaya Chocolate
Instagram : siamaya_chocolate
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *