ขนมกล้วย ขนมเผือก ขนมมัน และขนมชั้น ขนมไทยสูตรขนมนึ่งที่หลายคนคิดถึง และอยากจะชิม โดยเฉพาะถ้าเป็นการทำสดใหม่พร้อมเสิร์ฟด้วยแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครอยากจะพลาดชิมแน่นอน!
เหตุผลของคนในยุคนี้ที่ต้องมี “อาชีพที่สอง” หากไม่มองที่เรื่องของเศรษฐกิจปากท้องเป็นหลักแล้ว คุณคิดว่ายังมีอะไรอีก? ที่ทำให้คนอยากลุกขึ้นมาหยิบจับงานอย่างอื่นทำเพิ่มเติม ซึ่งสำหรับสาวแบงก์คนเก่งรายนี้ “ณัฏฐา ชูสูรย์” อาจมีเหตุผลแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างค่อนข้างมากอยู่ หลังจากที่ตรวจพบว่าตนเองป่วยเป็น “โรคมะเร็ง” ช่วงปลายปี2563 และต้องรับมือกับการรักษาว่าหนักหน่วงสุดๆ แล้ว แต่ในระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกันก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกครั้ง จากการสูญเสียคุณแม่ไปอย่างกะทันหันด้วย
“คืออาชีพที่สองมันเกิดขึ้นมา เพราะว่าหนึ่งตัวเองป่วยด้วยโรคมะเร็งมันก็หดหู่ และก็พอมา “แม่” เสียชีวิตด้วยโควิด-19 อีกคือ จริงๆ เสาร์-อาทิตย์เราจะทำกับข้าวให้แม่กิน อร่อยไม่อร่อยเราไม่รู้หรอกแต่คือ เราก็จะทำให้แม่เรากิน เราก็จะดูในยูทูบบ้างเพื่อเรียนรู้สูตรอาหารต่างๆ แล้วก็มาทำตาม แต่พอแม่เสียชีวิตแล้วเราก็ป่วยด้วยมันก็ยิ่งจิตตกเข้าไปใหญ่ ซึ่งเราก็คิดว่าเราเป็นแบบนี้ไม่ได้ เราต้องหาอะไรมาทำเพื่อจะทำให้ตัวเรา เหมือนยกตัวเองขึ้นมา เหมือนฉุดตัวเองขึ้นมา ประมาณนั้น”
“ขนมไทย” ช่วยบำบัด
คุณณัฏ เล่าให้ฟังอีกว่า การทำขนมไทยมีจุดประสงค์หลักจริงๆ คือต้องการบำบัดตนเองให้คลายจากภาวะต่างๆ ลงไป เบี่ยงเบนความสนใจเพื่อไปจดจ่ออยู่กับการทำขนมแทน โดยจุดเริ่มต้นมาจากเห็นพี่สาวซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกันมีการเปิดสอนทำขนมไทยอยู่แล้ว เป็นการแนะแนวอาชีพการแปรรูปผลผลิตเกษตรให้กลุ่มแม่บ้านโดยร่วมกับทาง กศน. ทำอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ตนเองรู้สึกสนใจก็เลยติดต่อขอไปเรียนรู้ด้วย ซึ่งวิธีการก็คือว่าจะแชทคุยกันผ่านทาง Messenger ของเฟซบุ้กมีอะไรก็ถาม-ตอบกันไปมาอยู่ในนั้น จนกระทั่งพอเริ่มมีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้วพี่สาวก็เลยให้สูตรขนมไทยเพื่อมาลองทำดู เป็นสูตรขนมนึ่ง 4 อย่าง ที่เขาสอนให้ทำขายกันอยู่มี ขนมกล้วย ขนมเผือก ขนมมัน(มันเทศ-มันม่วงญี่ปุ่น) และขนมชั้น ซึ่งพอเวลามาลองทำดูเองบ้างก็พยายามค้นหาเทคนิคใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย ไปดูของหลายๆ เจ้าที่เขามีการสอนทำเอาไว้ในยูทูบ นำมาลองปรับตามเพื่อให้ขนมออกมาเป็นรสชาติที่เราคุ้นเคย อร่อยเหมือนของเจ้าดังๆ ซึ่งเป็นต้นตำรับ พอทำแล้วคนในบ้านก็ช่วยกันชิมช่วยกันคิดปรับปรุงจนได้ออกเป็น “สูตร” ที่เฉพาะของเราเองด้วย
ขนมไทย “สูตรขนมนึ่ง” ที่ใครๆ ก็ทำได้
สำหรับขนมไทย “สูตรขนมนึ่ง” ที่คุณณัฏทำอยู่นี้เจ้าตัวบอกด้วยว่า ความแตกต่างออกไปที่นอกเหนือจากสูตรหลักที่ให้มาคือว่า เรื่องการใส่เครื่องแบบไม่หวงของเลยที่ใส่เข้าไปในขนม อย่างขนมกล้วย ขนมเผือก ก็จะเน้นความเป็นรสชาติของวัตถุดิบหลักชนิดนั้นๆ มากกว่าจะเติมแป้งแทนเข้าไปช่วยเพิ่มปริมาณ ได้กินกล้วยแบบเน้นๆ หรือว่าเผือกที่ใส่ลงมากกว่า ตามความชอบแบบที่เราเองชอบกินด้วย เป็นตัวกำหนดเรื่องปริมาณของวัตถุดิบหลักที่ใส่เข้าไปในขนม แต่ก็จะพยามยามคงคุณภาพและรสชาติแบบต้นตำรับเอาไว้
“จริงๆ ขนมของเราไม่ไหวาน เพราะเราเน้นเพื่อสุขภาพ ใส่เครื่องเยอะเครื่องแน่น กินไปกัดไปฟักทองก็ฟักทองเต็มๆ เลย
มีความรู้สึกว่าเราได้กินตัววัตถุดิบนั้นๆ แบบเต็มๆ คำไปเลย เผือกก็เป็นเผือกจริงๆ ไม่ใช้เป็นแบบผงสำเร็จรูปมาทำอย่างเด็ดขาด แต่ว่าก็มีผสมแป้งเข้าไปบ้างตามสูตรเพื่อให้ขนมขึ้นรูปได้ง่าย”
ทำแจกจนได้ฟีดแบ็คเป็น “ออเดอร์”
เนื่องจากเจ้าตัวมีงานประจำทำอยู่ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) สำนักงานใหญ่ ดังนั้นการทำขนมในระยะแรกๆ ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องขายเพื่อการสร้างรายได้เป็นหลัก หากแต่เป็นการทำด้วยใจ เพื่อต้องการจะให้ขนมเป็นสื่อในการใช้บำบัดตนเองมากกว่า ขนมที่ทำได้หลังจากที่มีการปรับสูตรต่างๆ จนออกมาเป็นรสชาติที่ทุกคนในบ้านมั่นใจแล้วว่า อร่อย ก็จะนำมาแจกให้เพื่อนที่ทำงานได้ลองชิมกัน เริ่มต้นจากแผนกที่ตนเองสังกัด(สำนักสื่อสารองค์กรฯ) ก่อนก็ปรากฏว่า พอใครได้ชิมแล้วต่างชื่นชอบในรสชาติบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขนมอร่อย” ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้สำหรับคนทำได้เป็นอย่างมาก จนเกิดความมั่นใจและเป็นที่มาของการเปิดรับพรีออเดอร์จากที่ทำงานด้วย ใครสนใจอยากจะชิมต้องสั่งจองล่วงหน้าก่อน
ลูกค้าตอบรับดีมากๆ แต่ต้องขอ “ทำแค่พอไหว” ก่อน!!
จากขนมไทยสูตรขนมนึ่ง 4 อย่าง ซึ่งตอนหลังก็เริ่มประยุกต์เพิ่มเติมในเรื่องของวัตถุดิบหลักที่ใช้ให้มีความหลากหลายขึ้น
เช่น ฟักทอง อัญชัน มันม่วงญี่ปุ่น ฯลฯ และทุกครั้งก็จะได้รับการตอบรับจากคนชิมเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ยังคงทำแจกด้วยเหมือนเดิมเวลาลองทำสูตรใหม่ๆ เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการเปิดรับพรีออเดอร์ด้วย ทุกเย็นของวันศุกร์ก่อนเลิกงานใครอยากจะชิม ขนมไทย home made by NUT ก็สั่งจองเอาไว้ก่อนได้ โดยมีนัดหมายกันคือเช้าวันจันทร์ทำงานขนมไทยที่สั่งไว้ก็จะมาเสิร์ฟให้ถึงที่ นอกจากนี้ก็ยังมีออเดอร์ที่เกิดจากการบอกต่อกันเป็นผลตอบมา เริ่มมีการสั่งแบบเป็นกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาล (ปีใหม่) เข้ามาด้วย รวมถึงลูกค้าทางไกลจากต่างจังหวัดก็สนใจโทรเข้ามาสอบถามเพื่ออยากจะสั่งขนมด้วย แต่เพราะเป็นของ “ขนมสด” ทำแบบโฮมเมดไม่มีการใส่สารกันบูด เน้นทำเสิร์ฟแบบสดใหม่ส่งตรงถึงคนกิน จึงไม่สามารถตอบรับคำสั่งซื้อของลูกค้าจากทางไกลได้ และด้วยกำลังการผลิตเองซึ่งอาศัยช่วงเวลาวันหยุดงานตามราชการ จะเน้นทำในวันอาทิตย์ จับจ่ายซื้อของเองมาทำเพื่อเตรียมขนมให้พร้อมส่งในเช้าวันจันทร์ โดยแต่ละครั้งจำนวนสูงสุดที่พอทำได้ไหว คือ 4 ถาดหรือประมาณ 144 ชิ้น จำเป็นต้องจำกัดจำนวนในการรับออเดอร์ด้วย ขณะที่ราคาขนมไทยจำหน่ายอยู่คู่ละ15 บาท หรือ7.50 บาท/ชิ้น เท่านั้น
“คือเนื่องจากขนมเป็นขนมสด ไม่สามารถจัดส่งแบบทางไกลได้ เพราะเราไม่ได้ใส่สารกันบูด แล้วของทุกอย่างที่เวลาเราเลือก
เราเลือกเหมือนทำกินเอง เรากินแบบไหนคนที่ซื้อเราก็จะได้แบบนั้น ไม่หวงเครื่องใส่เต็มที่ มะพร้าวอ่อนก็ใส่ให้เต็มที่เลย แต่ว่าเราก็พยายามควบคุมเรื่องรสชาติและคุณภาพให้มันคงที่ ทำกี่ทีก็ออกมาเป็นคุณภาพแบบเดียวกันทุกครั้ง”
สิ่งที่ได้รับแบบเต็มๆ ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกเลยคือ ความสุขในใจที่เกิดขึ้นมา เพื่อเป็นความหวังในการใช้ชีวิตต่อไป กลายเป็นอีกเป้าหมายที่มีความหมายสำคัญกับชีวิตมากกว่า ทุกเช้าตื่นมาได้มีความหวังว่าจะต้องทำขนม เสียงตอบรับจากคนกิน คำชมที่ชมมาว่าขนมอร่อยจังเลย และการที่มีคนสนใจอยากจะซื้อขนมของเรา สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันคือกำลังใจที่ดีมากๆ คุณณัฏบอกด้วยว่าตนเองยังมีหน้าที่ดูแลน้องแทนแม่ต่อไป จึงจำเป็นจะต้องอยู่อย่างมีความหวังและเพื่อต่อสู้กับโรคภัย ที่ยังดูเหมือนว่าก็ไม่ค่อยจะลดราวาศอกให้ด้วย เพราะมีการตรวจพบใหม่และต้องรับมือในการรักษาต่อไปอย่างไม่ตระหนกให้มากนัก โดยในอนาคตหากเป็นไปได้หลังจากที่เกษียณแล้วก็มีแผนว่าจะทำร้านขนมเปิดจำหน่ายเป็นอาชีพด้วย แต่ว่าสำหรับตอนนี้ทำแค่พอทำได้ไหวก่อนยังไม่รีบเร่งที่จะเติบโต และหากมีคนที่สนใจเรียนรู้เรื่องขนมไทยซึ่งตนเองทำอยู่อยากไปทำเป็นอาชีพก็ยินดีจะสอนให้ด้วย
สอบถามเพิ่มเติมโทร.062-6969-359
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
