ยกระดับอาหารไทย จากห่อหมกใบตอง สู่ ห่อหมกพุดดิ้ง เตรียมโกอินเตอร์ขายทั่วโลก

ห่อหมกพุดดิ้ง เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบของห่อหมก ให้มีความทันสมัย ในแพคเกจจิ้งที่ออกแบบมาเพื่อให้สะดวกต่อการเก็บรักษา การขนส่งเดินทางและการรับประทานห่อหมก สร้างแรงจูงใจให้วัยรุ่น คนรุ่นใหม่หันมาสนใจอาหารไทยโบราณอย่างห่อหมกมากยิ่งขึ้น

จากห่อหมกใบตองตลาดสด สู่ โรงงานผลิตห่อหมก

นายชวินบุตร ทรัพย์ภิญโญชัย เจ้าของห่อหมกพุดดิ้งแม่ประไพ และCo-founder บริษัทเอสทีเฮลตี้โฟรเซ่นฟู้ด จำกัด เล่าถึงที่มาของห่อหมกพุดดิ้ง เริ่มมาจากเดิมครอบครัวเปิดร้านอาหารเล็กที่ตลาดน้อย และ พ่อจะเข็นห่อหมกขายในตลาดน้อย นับจนถึงปัจจุบันผ่านมาเกือบ 40 ปี ด้วยรสชาติห่อหมกที่เป็นเอกลักษณ์ จนเป็นที่ติดใจของลูกค้าที่ชิมห่อหมกของคุณพ่อ หรือ จะรู้จักกัน ในชื่อของ "ห่อหมกเฮียฮ้วง ตลาดน้อย"

หลังจากที่ เฮียฮ้วง ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตลง “ชวินบุตร” หรือ“ต้น” ได้มาทำกิจการห่อหมกต่อ ซึ่งการเข้ามาทำห่อหมก ของคุณต้น ในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเปลี่ยน เพราะ “ชวินบุตร” ได้นำแนวคิดใหม่ เพื่อให้ห่อหมกสามารถตอบโจทย์คุณรุ่นใหม่ได้ รวมถึงการนำอาหารไทยโบราณเปิดตลาดบนโลกดิจิทัล อย่างเต็มรูปแบบ

“ในช่วงที่คุณพ่อได้เข็นรถขายห่อหมก เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของลูกค้า จะมีลูกค้าประจำ และขาจรแวะเวียนกันมาอุดหนุนเป็นจำนวนมาก ชื่อ “ห่อหมกเฮียฮ้วง ตลาดน้อย” เป็นที่รู้จักจากการบอกต่อหลายคนต้องการห่อหมกของพ่อไปฝากให้ญาติต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศบ้าง แต่พ่อก็จะบอกว่าไม่ได้ เพราะว่า ห่อหมกของพ่อทำจากกะทิสด ไม่สามารถเก็บได้นาน ต้องกินแบบสดๆ ใหม่ๆ แบบวันต่อวัน ตลอดเวลาผมและครอบครัวเราก็คิดวางแผนมาตลอดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถส่งห่อหมกของพ่อไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศได้ ตอนนั้น ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก รู้จักแค่การทำฟรีดดรายหรือ อาหารแช่แข็ง แต่ปัญหาของอาหารแช่แข็ง คือ เมื่อไปอุ่นรสชาติจะไม่เหมือนทำใหม่ๆ”

นวัตกรรมถนอมอาหาร ระบบ Blast
เปลี่ยนอาหารบ้านๆโกอินเตอร์

นายชวินบุตร เล่าว่า เขาได้ใช้เวลาศึกษา หาวิธียืดอายุห่อหมก โดยทำอย่างไรให้ห่อหมกสามารถอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เมื่อเวลานำไปอุ่นมีรสชาติเหมือนทำใหม่ จนได้มารู้จักกับนวัตกรรมถนอมอาหาร ระบบ Blast chiller and shork freeze ช่วยให้อาหารสด ทั้งสีสัน รสชาติ กลิ่น เนื้อสัมผัส และคุณค่าของสารอาหาร ที่ยังคงอยู่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ภายใต้มาตรฐานการผลิตในระบบโรงงาน และได้ผ่านมาตรฐานอย. และ GMP CODEX ซึ่งเป็นมาตรฐานอาหารสากลส่งออกที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ทั้งนี้ การยกระดับอาหารไทยโบราณอย่างห่อหมกในครั้งนี้ เป้าหมาย คือ เราต้องการจะเป็นผู้ผลิตอาหารแปรรูปในอนาคตของไทยที่มีความร่วมสมัย และมีการพัฒนาต่อยอด อย่างยั่งยืน

โดยจุดเด่นของห่อหมกพุดดิ้ง แม่ประไพ การออกแบบอาหารไทยออกมาในสไตล์โมเดิร์น ซึ่งมาจากการคัดเลือกวัตถุดิบ ที่คัดสรรอย่างดี ไม่ใส่แป้ง ไม่ใส่ผงชูรส และไม่ใส่สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย แต่ด้วยนวัตกรรมระบบ Blast ช่วยให้ห่อหมกยืดอายุได้นานกว่า 2 เดือน โดยที่ไม่ต้องแช่แข็ง ทำให้รสชาติของห่อหมกเมื่อนำมาอุ่นจะยังคงรสชาติเหมือนทำใหม่ๆ

โควิด ทำแผนส่งออกพับไปก่อน

ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวห่อหมกพุดดิ้งไปในปี 2562 แต่เจอสถานการณ์โควิดทำให้แผนการบุกตลาดในต่างประเทศ ของห่อหมกพุดดิ้งต้องหยุดชะงักลงไป หลังจาก ได้มีการออกบูทที่ประเทศจีน เพียงครั้งเดียว ตอนนี้ แผนการทำตลาดต่างประเทศ มุ่งเป้าไปที่ตลาดในกลุ่ม CLMV เพราะกินอาหารคล้ายใกล้เคียงกับประเทศไทย และส่วนหนึ่งมาจากคนไทยหิ้วไปฝากเพื่อนญาติ ในต่างประเทศเท่านั้น

นอกจากนี้ หลังจากปรับรูปแบบห่อหมกมาอยู่ในรูปแบบของพุดดิ้งในถ้วย และช่วยยืดอายุการเก็บรักษา ได้มีการแผนบุกตลาดออนไลน์อย่างเป็นทางการ นอกจากการขายผ่านช่องทางโซเชียลฯ และ มีการนำมาขายผ่านแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส ทั้ง Shopee และ Lazada และออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลักของห่อหมกพุดดิ้งในขณะนี้ เพราะช่วยกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ และในส่วนของตลาดออฟไลน์ ได้มีการนำสินค้าไปวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และเตรียมนำเข้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่นด้วย อยู่ระหว่างการพูดคุย

สำหรับยอดขายห่อหมกพุดดิ้ง ปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 500,000 บาท ปีหนึ่งประมาณ 6,000,000 บาท เพิ่มขึ้นจากในอดีตที่ทำห่อหมกใบตองขายที่ตลาดน้อย เดือนหนึ่งประมาณ 200,000 บาท หรือ ยอดขายประมาณวันละ 10,000 บาท ถ้าผ่านสถานการณ์โควิดได้บุกตลาดออนไลน์และออฟไลน์ มากขึ้น คาดว่ายอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาทต่อเดือน

ห่อหมกพุดดิ้ง เป็นอย่างไร

สำหรับที่มาของ การใช้ชื่อ “ห่อหมกพุดดิ้ง” คุณชวินบุตร เล่าว่า มาจากลักษณะ สีสันสวยงาม หรูหรา น่ารับประทานอยู่ในถ้วยพุดดิ้ง รสชาติ กลมกล่อม น้ำเนื้อสัมผัส น้ำห่อหมกหวานชุ่ม เนื้อกะทิเด้งๆ นุ่ม เหมือนเนื้อพุดดิ้งเด้งๆ นุ่มๆ น้ำหวาน แต่รสชาติของห่อหมกจะยังคงรสชาติเหมือนห่อหมกกระทงใบตองที่สมัยที่ขายตลาดน้อย ความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ พริกที่นำมาใช้ทำห่อหมก เลือกใช้พริก 3 สัญชาติ คือ ไทย จีน และอินเดีย ซึ่งพริกทั้ง 3 แบบ มีความเผ็ดที่แตกต่างกันออกไป เช่น พริกอินเดีย ได้ชื่อว่าเป็นพริกที่เผ็ดมาก เป็นต้น

ชวินบุตร เล่าว่า ห่อหมกพุดดิ้งแม่ประไพ มีรสชาติให้เลือก เช่นเดียวกับห่อหมกใบตอง คือ ห่อหมกปลาช่อน ห่อหมกเนื้อปู ห่อหมดกัญชาปลากะพง ห่อหมกเนื้อกุ้ง ห่อหมกปลากะพง ซึ่งรสชาติของห่อหมกมีทั้งที่เป็นแบบดั้งเดิม และรสชาติใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และหลังจากปรับเป็นห่อหมกพุดดิ้ง ทำให้ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่มากขึ้นด้วย เพราะด้วยแพคเกจจิ้งทันสมัยรับประทานง่าย จากในอดีต ลูกค้าของห่อหมกกระทงใบตองจะเป็นลูกค้าอายุ 30 ปีขึ้นไป ตอนปรับใหม่ นำมาใส่ถ้วย ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ซื้อเลย เขากลัวว่าจะไม่เหมือนเดิม เราก็ต้องอธิบาย แต่พอลูกค้าได้ชิมเห็นว่าเหมือนเดิมทุกวันนี้ไม่มีใครหันไปซื้อห่อหมกกระทงใบตองอีกเลย แต่ก็ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่เขายังติด และชื่นชอบความหอมของกระทงใบตอง ก็ยังซื้อห่อหมกกระทงใบตองอยู่ ซึ่งเราก็มีให้ลูกค้าที่มากินที่ร้าน

ติดต่อ FB:ห่อหมกพุดดิ้งแม่ประไพ

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด