xs
xsm
sm
md
lg

“ก๋วยเตี๋ยวมินิ” จิ๋วแต่แจ๋ว! หนึ่งเดียวในตลาดอ่างทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ร้านก๋วยเตี๋ยวลงทุนหลักร้อย! สร้างรายได้หลายพันบาทต่อวัน!! ไม่หวั่นทางเล็กแคบแค่ไหนก็ไปได้ ขวัญใจคนทำกินอิ่มจุใจจ่ายแค่ 30 บาท ใครๆ ก็เรียกหาแต่ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมินิ”

ก๋วยเตี๋ยวมินิ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เล็กที่สุดในโลก! ของเจ๊เป็ดคนสวย
เจ๊เป็ด หรือนางสาววิมนต์ พลหาญ เจ้าของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมินิ” เล่าว่าเริ่มอาชีพนี้มาตั้งแต่ปี 2561 ด้วยเงินลงทุนค่าทำร้านหรือว่าค่าต่อรถเข็นมินิคันนี้เพียง 700 บาทเท่านั้น จากเหล็กเก่าที่มีอยู่แล้วช่วยกันออกแบบเพื่อไปให้ช่างช่วยต่อเป็นรถออกมาให้ สำหรับใช้ตระเวนขายก๋วยเตี๋ยวให้กับแม่ค้าในตลาดโพธิ์ทองแห่งนี้ก่อน ซึ่งหลังจากที่ได้ไอเดีย (ได้ยินแม่ค้าพูดกัน) อยากจะมีอะไรอร่อยๆ กิน แล้วเข้ามาขายให้ถึงหน้าร้านได้เลยในระหว่างที่กำลังยุ่งขายของอยู่จะดีมากๆ เลย ประกอบกับการได้เห็น "รถเข็นเล็ก" ของพระเวลามาบิณทบาตในตลาด ท่านก็จะมีรถเข็นมาด้วยไว้สำหรับใส่ของที่ญาติโยมถวายจนล้นบาตรแล้ว ก็จะใส่รถเข็นเล็กที่นำมาด้วยแทน สามารถเดินเข็นเข้าไปในตลาดได้ทุกซอกซอยที่แม้จะแคบๆ เลยเอาทั้งสองเรื่องนี้มารวมกันจนเกิดเป็นร้าน“ก๋วยเตี๋ยวมินิ”

น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวพลังไฟเตาถ่าน
เหตุผลที่เลือกขาย “ก๋วยเตี๋ยว” ทำไมต้องเป็นก๋วยเตี๋ยว? เจ๊เป็ดบอกว่าเป็นเพราะสามีของตนเองเป็นคนชอบกินก๋วยเตี๋ยวอยู่เป็นทุนเดิม ซึ่งพอตั้งใจว่าจะลองทำร้านรถเข็นเล็กๆ ออกขายของดูบ้าง ตนเองก็เลยเลือกที่จะทำก๋วยเตี๋ยวซึ่งอย่างน้อยก็คิดว่าทำขายไปด้วยและคนในครอบครัวก็ได้กินด้วย เพราะก๋วยเตี๋ยวเป็นเมนูอาหารที่ทานได้ง่ายสะดวกและอิ่มพอๆ กับการทานข้าวในหนึ่งมื้อเช่นกัน และยังคิดถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วยซึ่งเป็นแม่ค้าที่อยู่ในตลาดก็คงอยากจะเปลี่ยนจากข้าว ที่พอนานๆ ไปเริ่มเบื่อและอยากจะกินอะไรที่ง่ายๆ สะดวกและอิ่มแบบอร่อยด้วยในเวลาเดียวกัน คิดดังนั้นแล้วก็เลยเริ่มลองขายดูซึ่งในช่วงแรกๆ จะเดินขายกันสองคนกับลูกสาวคนโตก่อน ก๋วยเตี๋ยวของตนเองจะเป็นสูตร“ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก” ที่เน้นหมูกับตับเป็นหลัก (ไม่มีเนื้อวัว) และน้ำซุปที่เข้มข้นแบบใส่เลือดหมูลงไปต้มรวมอยู่ในหม้อก๋วยเตี๋ยวด้วย ตั้งแต่เริ่มตั้งเตาเพื่อเคี่ยวอุ่นน้ำก๋วยเตี๋ยวไปด้วยขายไปด้วยพร้อมกัน

คนหนึ่งมือเคาะตะกร้าลวกเส้นอีกคนมือปรุงเครื่องใส่ชามเพื่อเสิร์ฟลูกค้า
สำหรับความน่าสนใจเกี่ยวกับ “ก๋วยเตี๋ยวมินิ” ของเจ๊เป็ดที่เจ้าตัวเล่าให้ฟังด้วยคือว่า นอกจากสูตรน้ำซุปของก๋วยเตี๋ยวจะค่อนข้างไม่เหมือนใครแล้ว การต้มเคี่ยวน้ำสต็อกสำหรับทำน้ำซุปของก๋วยเตี๋ยวจะทำไว้ตั้งแต่ในเวลากลางคืนให้เสร็จก่อนจะนำออกขายในตอนเช้า เจ๊เป็ดจะใช้ไฟเตาจากไม้ฟืนเท่านั้นไม่ใช้ไฟจากเตาแก๊สเลย ต้มเคี่ยวน้ำซุปจนได้ที่ดีแล้วก็จึงจะยกลงจากหม้อต้มใหญ่มาพักไว้ให้เย็นก่อน แล้วถึงค่อยเติมใส่ขวดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย ทุกวันจะต้องทำใหม่แบบนี้ แล้วพอเวลาออกขายในตลาดด้วยรถเข็นเล็กหรือก๋วยเตี๋ยวมินิ ภายในรถก็จะมีเตาถ่านที่ตั้งไว้ด้านล่างสุดสำหรับติดเตาตั้งหม้อก๋วยเตี๋ยว (ใช้หม้อเบอร์32) เพื่ออุ่นน้ำซุปไปขายก๋วยเตี๋ยวไปด้วยพร้อมกัน และหากน้ำซุปในหม้อก๋วยเตี๋ยวหมดก็จะมีน้ำสต็อกที่สำรองมาด้วยใช้เติมเข้าไปทำขายต่อเนื่องได้เลย คือเรียกว่าเวลาออกตลาดจะต้องขายได้จนของหมดแบบไม่มีการสะดุดว่าของอันนั้นอันนี้หมดแล้วให้ลูกค้ารอ เจ๊เป็ดบอกว่าไม่มีเด็ดขาด และที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเลือกเส้นก๋วยเตี๋ยวจะใช้เฉพาะ เส้นเล็กกับเส้นหมี่(ขาว) เท่านั้นเลือกจากที่นิยมในการสั่งมากกว่า แล้วข้อสำคัญไม่ทำให้น้ำลวกเส้นที่อยู่ในหม้อก๋วยเตี๋ยวบูดเสียง่ายนั่นเอง

ลูกค้ามาสั่งเองถึงร้านพร้อมปรุงรสตามใจชอบก่อนนำไปทานตามอัธยาศัย
และนอกจากนี้ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกที่จะต้องมีด้วยเสมอก็คือ แคปหมู เรียกว่าของคู่กันจะขาดไม่ได้เลย ซึ่งเจ๊เป็ดเองก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ด้วย แคปหมูที่ใช้แต่ละวันคือมาจากเพียง 2 แหล่งนี้เท่านั้น ถ้าไม่สั่งเจ้าประจำที่เขาทำขายมาจนมีชื่อเสียงในเรื่องความอร่อยที่ลูกค้าให้การยอมรับแล้ว หากวันไหนของเขาขายหมดก่อนตัวเองก็จะต้องมาทำแคปหมูเองสำหรับขายในวันรุ่งขึ้นแทนด้วย คือจะไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ของเจ้าอื่นเพราะเนื่องจากว่าค่อนข้างไม่ไว้ใจเรื่องของความใหม่(ทำใหม่) ของแคปหมูดังนั้นก็เลยเลือกที่จะทำเอง ในวันนั้นๆ ที่ของซื้อมาใช้กันประจำเขาขายหมดไปก่อนแล้ว

ชอบทานรสไหนจัดไปเพราะมีบริการเครื่องปรุงไว้ให้พร้อมสรรพ
ด้วยเหตุนี้เองจากความที่เจ๊เป็ดเป็นคนค่อนข้างใส่ใจ ซึ่งไม่นับรวมกับมือหนัก(ไม่หวงเครื่อง) ก๋วยเตี๋ยวแต่ละชามที่ขายเรียกได้ว่า คนกินกำไรแบบเต็มๆ อิ่มจุใจเกินราคา ทำให้แต่ละวันที่ออกตลาดขาย“ก๋วยเตี๋ยวมินิ” เจ๊เป็ดเล่าว่าจะมีลูกค้ารอทานกันเลยซึ่งบางคนรอกินเป็นมื้อเช้า จะไม่ยอมทานข้าวเพื่อรอกินก๋วยเตี๋ยวของเจ๊เป็ดแทนก็มี บางคนยอมหิ้วท้องรอกินมื้อเที่ยงแต่ว่าบางทีกว่าจะไปถึงได้ทานก๋วยเตี๋ยวอีกทีบ่ายแล้วก็มี ซึ่งลูกค้าที่ทานกันประจำจะรอจริงๆ เพราะจากราคาของก๋วยเตี๋ยวมินิที่ขายอยู่ 30 บาท/ชามจะให้ของแบบเจ็ดเต็มมากโดยเฉพาะ “หมู” ที่ใส่ให้กับลูกค้าเจ๊เป็ดมองว่าใจเขาใจเรา ดังนั้นคนกินต้องอิ่มแบบคุ้มค่าที่สุดและอร่อยด้วย เพื่อเติมพลังให้เขาสำหรับการทำกินต่อไป หรือถ้าหากเป็นเด็กๆ มาซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ๊เป็ดก็ขายให้ในราคาเพียง20 บาท คือได้ครบทุกอย่างเท่ากับราคาปกติของผู้ใหญ่ ทานแล้วยังไม่อิ่มเจ๊เป็ดใจดีแถมลูกชิ้นให้อีกด้วย 5-6 ลูกฟรี! เมื่อเด็กๆ อิ่มแล้วจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ด้วย

หรือยุ่งขายของอยู่ไปไหนไม่ได้ก๋วยเตี๋ยวมินิก็บริการเสิร์ฟให้ถึงที่ด้วยนะ
ปัจจุบันร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมินิ” ของเจ๊เป็ดเปิดบริการไปในหลายพื้นที่เพิ่มเติมอีกเช่น วันจันทร์ จะขายอยู่ตลาดนัดอ่างทองเริ่มตั้งแต่6 โมงเช้าเรื่อยไป แล้วพอเที่ยงไปบ่ายจะขายอยู่ที่ตลาดคลองถม, วันอังคาร เช้าขายอยู่ที่ตลาดนัดวัดนางใน เที่ยงไปขายอยู่ตลาดคลองถม2, วันพุธ ตลาดนัดโพธิ์ทอง, วันพฤหัสบดี ขายอยู่ที่ตลาดคลองถมอ่างทอง, วันศุกร์ เจ๊เป็ดบอกว่าช่วงนี้ขอหยุดพักบ้าง1 วัน, วันเสาร์ ขายอยู่ที่ตลาดโพธิ์ทอง(บ่าย) และส่วน วันอาทิตย์ จะขายอยู่ที่ตลาดนัดเพชรวิเศษ(เที่ยง)

ชามใหญ่ใส่เครื่องให้แน่นๆ เต็มอิ่มจุใจในราคาเพียง 30 บาท
จากอาชีพซึ่งมีความตั้งใจในตอนแรกคือ อยากจะฝึกลูกด้วย มีลูกสาวอยู่สองคนอยากให้รู้จักการทำมาหากินไว้ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะสำหรับตนเองแล้วก่อนจะย้ายครอบครัวมาปักหลักกันอยู่ที่ จ.อ่างทอง ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นลูกจ้างทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ มานานหลายปี ซึ่งพอย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เลยพยายามตั้งต้นชีวิตหางานอาชีพใหม่ทำกินต่อไป ด้วยการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในตลาดและจนกระทั่งจับพลัดจับผลูมาทำร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมินิ” ขึ้นมา จนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากๆ แล้วในชีวิตไม่คิดว่า
จะมาได้ไกลถึงเพียงนี้ กลายเป็นอาชีพหลักและทำช่วยกันได้หมดทั้ง 4 คน(พ่อแม่+ลูกๆ) จนเป็นภาพที่คนในตลาดคุ้นเคยว่าก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้เขาจะมีทีมมาช่วยกันทำงานครบหน้าที่ และถ้าหากว่าวันไหนขาดใครหรือลูกค้าไม่เห็นคนใดคนหนึ่งมา ก็จะต้องถามหาด้วย อย่างตอนนี้ลูกสาวคนโตไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็จะไม่ค่อยได้มาช่วย ก็มีน้องสาวคนเล็กคอยช่วยพ่อแม่เป็นหลักแทน

เจ๊เป็ดชวนชิมก๋วยเตี๋ยวมินิ
เจ๊เป็ดบอกว่า เรื่องรายได้ จากทุกวันก็จะมีการลงทุนค่าวัตถุดิบต่างๆ อยู่ราว1,000 กว่าบาท/วัน ใช้หมูวันละประมาณ 5 กก. ตับ 1 กก. แม้ว่าช่วงนี้หมูจะแพงด้วยแต่ก็ไม่ได้ปรับขึ้นราคาขายและยังไม่ปรับลดปริมาณของหมูที่ใส่ให้กับลูกค้าด้วย
ส่วนหนึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อจากคนในตลาดด้วยกัน (เจ้าของเขียงหมู) ที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในแต่ละทางที่ทำได้อย่างดีมากๆ กรณีนี้ตนเองก็ยังซื้อหมูได้ในราคามิตรภาพอยู่ เลยทำให้ยังคงเดินหน้าขายตามปกติเช่นเดิม ในแต่ละวันก็จะขายได้เฉลี่ยอยู่ 100 ชามเป็นต้นไป หรือราว 3,000 บาท เพียงแค่นี้ครอบครัวก็พอใจมากๆ แล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีจากการที่ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมินิ” เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเพราะมีสื่อต่างๆ ให้ความสนใจมานำเสนอเรื่องราวของการทำอาชีพนี้ จนทำให้ตนเองกับครอบครัวเป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และสิ่งที่ตามมาด้วยอีกก็คือว่า เริ่มมีงานจ้างเพื่อไปทำก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟแขกตามงานต่างๆ ตามแต่ผู้ว่าจ้างจะกำหนดให้มา ก็เป็นอะไรที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนอีกเหมือนกัน กลายเป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับครอบครัวด้วย ตนเองรู้สึกภูมิใจมากๆ

สอบถามเพิ่มเติม โทร.087-366-2479

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น