xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวกิโลละหมื่นบาท !! นาข้าวสีชมพู จากแปลงนา..สู่แหล่งท่องเที่ยว จุดเช็คอินใหม่ของเมืองพิษณุโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ที่มาของ “นาข้าวสีชมพู” เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา “ธนกฤต พรอัครกิต” เกษตรกรในวัย33 ปี ผู้ปลูกข้าว อยู่ที่ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก บนพื้นที่ 30 ไร่ เขาเป็นเกษตรกรคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการทำนา เพื่อให้ชาวนาไทยพ้นจากความยากจน โดยเลือกทำนาทางเลือก คือ การเลือกปลูกสายพันธุ์ข้าว ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ไปพร้อมกับการศึกษาสายพันธุ์ข้าวใหม่ๆ เพื่อให้การทำนา ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือทางการตลาดให้กับเหล่าพ่อค้าคนกลาง


ความสำเร็จการทำนาทางเลือก

ธนกฤต เล่าว่า ครอบครัวของตนเองทำนา มาตั้งแต่บรรพบุรุษตกทอดกันมาเรื่อย จนมาถึงรุ่น พ่อกับแม่ของผม ซึ่งหลังจากที่ผมได้เรียนจบไปทำงานบริษัท อยู่ระยะหนึ่ง และออกจากงานประจำ มาทำงานที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ผมจะแบ่งเวลาการทำงานที่ฟาร์ม 4 วัน และมาช่วยพ่อกับแม่ทำนา 3 วัน และหลังจากนั้น ผมตัดสินใจเลิกทำงานที่ฟาร์ม หันมาเป็นเกษตรกรชาวนาอย่างเต็มตัว ซึ่งการทำนาของที่บ้านเราจะแตกต่างจากชาวนาทั่วไป เพราะเราจะคัดเลือกสายพันธุ์ข้าว ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น ทับทิมชุมแพ ข้าวกข.79 และข้าวสายพันธุ์ Jasswell ฯลฯ

อย่างไรก็ดี การปลูกคัดเมล็ดพันธุ์ Jasswell มาปลูกในครั้งนี้เอง จึงได้เป็นที่มาจุดกำเนิดของ “นาข้าวสีชมพู” ที่ “ธนกฤต” มีความภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะช่วยให้เขาขายข้าวได้ในราคาที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เรียกว่านับเมล็ดขายกันเลยทีเดียว และกลายเป็นข้าวที่น่าจะราคาแพงที่สุดในขณะนี้ แต่เป้าหมายของการปลูกข้าวสีชมพูครั้งนี้เพื่อเป็นไม้ประดับ


พัฒนาแปลงนา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว

“ธนกฤต” บอกว่า ไม่ได้ปลูกเพื่อเก็บผลผลิตข้าวเหมือนนาข้าวทั่วๆไป แต่เป็นการปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เพราะแปลงนาข้าวสีชมพูมีความสวยงาม จนหลายคนอยากจะมาชมสักครั้ง เป็นที่มาของแนวคิดที่เราต้องการจะพัฒนาและยกระดับให้แปลงนาข้าวสีชมพู ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก ที่ ผู้คนที่เดินทางมาพิษณุโลกก็ต้องแวะมาชมแปลงนาสีชมพู บนพื้นที่ 1 ไร่ แห่งนี้

ทั้งนี้ หลังจากหลายคนได้เห็นแปลงนาข้าวสีชมพู ของ “คุณธนกฤต” ผ่านสื่อต่างๆ ทำให้มีคนแวะเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเข้ามาชม บ้างก็ต้องการเข้ามาขอความรู้ หรือไม่ก็ต้องการเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไปปลูก จากความแปลก ทำให้นาข้าวธรรมดาเลยกลายเป็นจุดเช็คอิน ของเหล่าสาวกโซเชียลฯทั้งหลายที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ เพื่อที่นำไปลงโพสต์ผ่านทางช่องทางโซเชียลฯ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก Tiktok IG ฯลฯ ทำให้ความตั้งใจ ของ “ธนกฤต” ที่ต้องการจะพัฒนาแปลงนาสีชมพูให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว


ที่มาของ ข้าวพันธุ์สีชมพู (พิงค์เลดี้)

ส่วนที่มาของข้าวพันธุ์สีชมพู ในครั้งนี้ “ธนกฤต” เล่าว่า เมื่อครั้งที่ตนเองได้คัดพันธุ์ข้าวจากแปลงนาที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อมาปลูกที่แปลงนาของตนเอง และครั้งนั้น ได้รู้จักกับข้าวสายพันธุ์ Jasswell พันธุ์ข้าวไรท์เบอรี่ที่มีลำต้นข้าวสีดำสนิทมาปลูก ปรากฏว่า จากต้นข้าวสีดำในแปลงนา ค่อยๆมีต้นข้าวสีอื่นแซมขึ้นมา เริ่มจากสีม่วงและค่อยปรับเป็นสีม่วงแกมชมพูก่อน จนกลายมาเป็นต้นสีชมพู ซึ่งเมื่อได้ไปปรึกษานักวิชาการด้านการพัฒนาพันธุ์ข้าว เขาแนะนำว่าเราจะต้องเก็บและทำลายออกจากแปลงนาให้หมด เพราะเป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดจากความไม่สมบูรณ์ของต้นข้าว และถ้าเก็บเอาไว้มันจะล่ามทำให้ต้นข้าวในแปลงนาของเราอ่อนแอ ดูแลยาก และที่สำคัญคือส่งผลต่อผลผลิตแปลงนาทั้งหมด โดยในอดีตสมัยโบราณ ถ้ามีข้าวแบบนี้เกิดขึ้นในแปลงนาข้าวของใคร เขาก็ต้องรีบเก็บทำลายให้หมด เพื่อไม่ให้มีการขยายพันธุ์ต่อไปอีก ทำให้เราไม่เคยเห็นข้าวสีชมพู หรือสีอื่นๆอีกเลย 

แต่ทาง “ธนกฤต” กลับมองว่า เป็นโอกาสเพราะด้วยกระแสของไม้ด่างที่มาแรงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการเกิดขึ้นของต้นข้าวสีชมพูเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือโครโมโซมหรือยีนต์ด้อยของพืชชนิดนั้น เช่นเดียวกับไม้ด่าง ในอดีตนักวิชาการมองว่าโครโซมหรือยีนต์ด้อยที่เกิดในพืชเป็นสิ่งที่เลวร้าย จะต้องทำลายทิ้งให้หมด แต่เมื่อกระแสไม้ด่าง ซึ่งมาจากยีนต์ด้อยที่เกิดขึ้นในพืชกลับสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกไม้ประดับจำนวนมหาศาล ซึ่ง “ธนกฤต” บอกว่า อยากให้นักวิชาการหันมาส่งเสริมและหาประโยชน์จากพืชโครโมโซมที่เกิดจากยีนต์ด้อยในพืชเหล่านี้ ไม่ใช่การสั่งให้ทำลาย


การที่ต้นข้าวสีชมพูเกิดขึ้นจากความผิดปกติของโครโมโซมยีนต์ด้อยต้นข้าว ทำให้การดูแลยากกว่า ข้าวสายพันธุ์ต้นสีเขียวทั่วๆไป เพราะเขาจะมีความอ่อนแอ เกิดโรคได้ง่าย เราจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ผลผลิตที่ได้ก็จะน้อยมาก ล่าสุด เก็บผลผลิตเมล็ดข้าวได้เพียง 300 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่นาข้าวปกติเก็บผลผลิตได้ไร่ละ 800 กิโลกรัม ถึง 1,000 กิโลกรัม โดยเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวได้ ทั้งหมดได้ถูกนำมาจำหน่ายให้กับผู้สนใจที่ต้องการเมล็ดพันธุ์นำไปเพาะขยายพันธุ์ต่อ และด้วยความที่ความต้องการมีสูง เนื่องจากเป็นลักษณะต้นพืชที่อยู่ในกระแสของกลุ่มไม้ด่าง ทำให้ราคาเมล็ดพันธุ์ข้าวสีชมพู ราคาค่อนข้างสูงกว่า เมล็ดพันธุ์ทั่วไป โดยราคาจำหน่ายจะขายเป็นชุด เริ่มที่ชุดละ 299 บาท น้ำหนัก 9 กรัม ไปจนถึง 1,000 กรัม ราคาอยู่ที่ 9,999 บาท โดยข้าว 100 เมล็ด มีน้ำหนัก 4 กรัม


ชาวนาไทยยุคใหม่ กับแนวทางพ้นกับดักความยากจน

ธนกฤต เล่าว่า สำหรับแปลงนาข้าวสีชมพู นั้นเริ่มให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวปีที่สอง ซึ่งในปีแรกได้มีการขายเมล็ดพันธุ์ ออกไปหลายจังหวัด และได้มีการนำไปทดลองปลูกกันในหลายพื้นที่ แต่ด้วยราคาเมล็ดพันธุ์ที่ราคาค่อนข้างสูง ในช่วงปีแรก เก็บเมล็ดพันธุ์ได้น้อย ส่วนหนึ่งนำมาใช้ในแปลงนาของตนเอง ทำให้มีการจำหน่ายออกไปสู่ตลาดน้อย ก็จะมีแค่บางส่วนที่เราได้ขายเมล็ดพันธุ์ให้ไป การนำไปปลูกส่วนใหญ่จะปลูกกันในกระถางบ้าง ในพื้นที่แปลงเล็กบ้าง และเมื่อเก็บเมล็ดได้ คาดว่า ในอีกไม่กี่ปีนี้ คงจะได้เห็นแปลงนาข้าวสีชมพู ที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ซึ่งคนไทยมีฝีมือในเรื่องของการพัฒนาต้นพันธุ์ ทำให้ในอนาคตเชื่อว่า จะมีนักพัฒนาพันธุ์ต้นไม้ สามารถสร้างต่อยอดข้าวสีชมพูให้ออกมา เป็นสีอื่นๆ หรือให้ผลผลิตได้มากกว่าที่เป็นอยู่ต่อไป


“ท้ายสุดนี้ “ธนกฤต” ยังได้ฝากไปถึงชาวนาไทย ว่า ให้เลิกทำนาแบบเดิม เคยทำกันมาอย่างไรก็ทำแบบนั้น เพราะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยิ่งทำชาวนาก็ยิ่งเป็นหนี้ เนื่องจากคนกำหนดราคาไม่ใช่เกษตรกร แต่เป็นพ่อค้าคนกลาง หรือโรงสี เราควรหันมาทำนา โดยคัดเลือกพันธุ์ ดูความต้องการของผู้บริโภค และขายตรงให้กับคนกินเลย เพราะยังไงคนไทยก็ต้องกินข้าว ถ้าเขาชื่นชอบข้าวของเราก็จะต้องกลับมาซื้อซ้ำ และในปัจจุบันมีช่องทางขายทางออนไลน์ ชาวนาคนรุ่นใหม่ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ก็จะสามารถขายข้าวถึงคนกินได้เลย และชาวนายังสามารถสีข้าวได้เองด้วยเครื่องสีข้าวอัตโนมัติขนาดเล็กไม่ต้องพึ่งพาโรงสี และนอกเหนือจากสิ่งอื่นใด คือ การลดใช้สารเคมี เพราะนอกจากทำให้ชาวนาปลอดภัยแล้วคนบริโภคข้าวก็ปลอดภัยด้วย ซึ่งในปัจจุบัน คนไทยมีกำลังซื้อมากขึ้น หลายคนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อข้าวจากแปลงนาที่ปลอดภัยมาบริโภค เพียงเท่านี้ชาวนาไทยก็จะพ้นกับดักความยากจน”

ติดต่อ FB:นาข้าวสีชมพู


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager



กำลังโหลดความคิดเห็น