เอกา โกลบอล บุกตลาดอินเดียในปี 2565 ตอกย้ำผู้นำเทรนด์บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ทุ่มงบจัดตั้งโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม พร้อมเดินหน้าลุย “กรีนโปรดักส์” ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ยอดขายแตะ 3,000 ล้านบาท เล็งขึ้น Top 5 ของโลก
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร เผยว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียทั้งปี 2564 จะเติบโตสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 30-35% ต่อปี โดยเฉพาะกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) ที่เห็นการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีผลมาจากวิกฤต โควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคและต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และบราซิล เป็นต้น
ทั้งนี้ในปี 2564 เอกา โกลบอล ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานที่ประเทศไทย นับเป็นไลน์การผลิตลำดับที่ 10 โดยมีกำลังการผลิตกว่า 350 ล้านชิ้นต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นอีก 15% จากกำลังการผลิตเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี มาอยู่ที่ 2,850 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก โดยกำลังการผลิตใหม่ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรพร้อมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมขยายการลงทุนในประเทศอินเดียมากขึ้น โดยในปี 2565 เตรียมตั้งโรงงานใหม่ในอินเดีย 1 แห่ง ในเมือง PUNE ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินทุนประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
“ตลาดอินเดีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในมิติของขนาดตลาดอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก และอินเดียมีจำนวนประชากรสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีทรัพยากรด้านอาหารที่สมบูรณ์ ขณะที่เศรษฐกิจของอินเดียนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรายได้เฉลี่ยของประชากรสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในอินเดียก็เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ประเทศอินเดียจึงเป็นประเทศเป้าหมายในการขยายธุรกิจของ เอกา โกบอล”
นอกจากนี้ เอกา โกลบอล ยังตั้งเป้าเติบโตเท่าตัวภายใน 5 ปี ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท พร้อมเล็งขึ้นแท่นเป็น Top 5 ของบริษัทผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของโลกอีกด้วย ขณะเดียวกัน เอกา โกลบอล ยังมีเป้าหมายสำคัญที่จะมุ่งไปสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร 360 องศา ตามแนว “เศรษฐกิจหมุนเวียน” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เอกา โกบอล อยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “กรีนโปรดักส์” อย่างจริงจัง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 1.บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) ที่ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด และ อ้อย เป็นต้น 2.บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมดและสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และ 3.บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล เป็นต้น
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *