xs
xsm
sm
md
lg

“เดอะ คอฟฟี่แฟ๊คทอรี่” พัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์นักดื่มยุคโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลิตภัณฑ์กาแฟจากแหล่งปลูกของทางภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย ถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกได้รับความนิยมจากนักดื่มในไทยพอสมควร เช่นเดียวกับ “บริษัท เดอะ คอฟฟี่แฟ๊คทอรี่ จำกัด” ที่เลือกแหล่งปลูกในจังหวัดเชียงราย โดยใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% ปลูกในระดับความสูงกว่า 1,545 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้เมล็ดกาแฟมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นเอกลักษณ์ ออกผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องทำกาแฟดื่มเอง


ปิยะดา คำก้อน ผู้บริหารบริษัท เดอะ คอฟฟี่แฟ๊คทอรี่ จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งบริษัท มาจากก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิเด็กกำพร้า ที่จังหวัดเชียงราย และได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบที่ร้านกาแฟของมูลนิธิสร้างรายได้ให้กับเด็ก

หลังจากที่เริ่มทำไปสักระยะเกิดความสนใจและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจกาแฟ จนได้ก่อตั้งบริษัท เดอะ คอฟฟี่แฟ๊คทอรี่ จำกัด เพื่อทำธุรกิจคั่วและจำหน่ายเมล็ดกาแฟอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งเปิดร้านกาแฟที่ชื่อว่า “เบเชกู่” ขึ้นมาเพื่อรองรับลูกค้าและให้บริการทาทงด้านกาแฟแบบเต็มตัว แต่หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อากาเป” (Agape)

“พอเริ่มทำไปเรื่อยๆ เราก็มีความชอบกินแล้วก็มีใจรักเรื่องกาแฟ แล้วก็เห็นว่ากาแฟส่วนใหญ่คนบนเขาจะเป็นคนทำ เป็นผู้ปลูก และเป็นฝีมือชาวเขา ยิ่งทำให้เราอยากมีอยากช่วยด้วย เนื่องจากว่าชาวเขาผู้ปลูกก็ไม่ได้สามารถจะไปต่อยอดในการทำตลาดได้ เราก็เห็นตรงนี้แล้วก็อยากต่อยอดธุรกิจด้วยจึงเลยเริ่มทำจริงจัง”



ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีที่อยู่ในธุรกิจกาแฟ ทำให้ตระหนักถึงปัญหา จึงเกิดความร่วมมือกับ บริษัท ยู ซี ซี อูเอะชิม่า คอฟฟี่ จำกัด ที่นับว่าเป็นบริษัทกาแฟอันดับหนึ่ง ของประเทศญี่ปุ่น มาช่วยเป็นที่ปรึกษาและร่วมกันพัฒนารูปแบบธุรกิจกาแฟแบบใหม่ได้อย่างครบวงจร โดยบริษัท ได้เลือกใช้เครื่องคั่วกาแฟ Loring ซึ่งเป็นเครื่องครัวระบบปิดที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน โดยเครื่องนี้สามารถรักษากลิ่นและรสชาติของกาแฟได้ดีกว่าเครื่องคั่วทั่วไป และสามารถบันทึกข้อมูลบนคลาวด์ ทั้งยังมีระบบการทำงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกจากการคั่วได้ 70 - 80% เทียบกับเครื่องคั่วทั่วไป

ซึ่งหลักๆ แล้วบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับสังคมเพื่อสังคม ด้วยความเริ่มต้นธุรกิจจากการช่วยเหลือสังคมอยู่แล้ว ทุกอย่างของบริษัทจะเน้นในเรื่องของการมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสามารถเป็นธุรกิจที่ไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ด้วย ด้วยแนวคิดที่ว่าหากบริษัทเติบโต บริษัทก็จะสามารถผลักดันเกษตรกรผู้ปลูก รวมไปถึงบุคลากรในกระบวนการผลิตต่างๆ สามารถเติบโตไปด้วยกันได้


อีกทั้งยังต้องการทำให้กาแฟของไทย มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และสามารถยืนอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากแนวโน้มของตลาดกาแฟยังมีโอกาสเติบโตอยู่มาก คนนิยมดื่มกาแฟเป็นจำนวนมาก ตลาดกาแฟถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ในหมวดอาหารที่มียอดซื้อ-ขายมากที่สุด แต่ว่าชาวต่างชาติไม่รู้ว่าประเทศไทยมีแหล่งผลิต แหล่งปลูกกาแฟของไทยจึงไม่ได้โด่งดัง เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่กาแฟจะดังในโซน บราซิลเวียดนาม เอธิโอเปียเป็นต้น

“เป้าหมายที่ต้องการในการทำธุรกิจในส่วนนี้ความจริงต้องการเป็นผู้ผลิตกาแฟไทย ที่สามารถยืนได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกอย่างน้อยเราเป็นคนเชียงรายและอยู่ในแหล่งปลูกเราถือว่าเราเป็นเมืองกาแฟด้วยความที่เราเป็นคนไทยเราก็อยากจะให้กาแฟไทยมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีผลออกมาว่าสินค้าที่สามารถขายได้อันดับต้นๆ ของโลกกาแฟเป็นอันดับ 3 แซงข้าวขึ้นมาแล้ว”



โดยทาง บริษัท เดอะคอฟฟี่แฟ็คทอรี่ จำกัด ได้เข้าร่วมกับทาง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ในกิจกรรมพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเมล็ดกาแฟและวิจัยพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟอะราบิก้า โครงการยกระดับศูนย์กลางการพัฒนาอัตลักษณ์กาแฟอะราบิก้าภาคเหนือ 1.เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟท้องถิ่นให้เป็นเอกลักษณ์สอดคล้องกับมาตรฐานสากล 2.เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันอุตสาหกรรมกาแฟให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย และ 3.เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ด้วยการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและงานวิจัย


ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวจะดำเนินการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเมล็ดกาแฟ การคัดเลือกและทดสอบวิเคราะห์กาแฟชนิดพิเศษ การเพิ่มมูลค่าเกษตรแปรรูปด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จำนวน 10 ราย / 10 ผลิตภัณฑ์ กิจการละ 6 Man-Day ซึ่งจากการดำเนินโครการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกาแฟอะราบิก้า จำนวน 10 ราย มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น คำนวณจากมูลค่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นจำนวน 3,666,000 บาท (สามล้านหกแสนหกหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยคิดเป็นร้อยละ 23.9


“ขณะนี้พฤติกรรมการบริโภคของคนเริ่มเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าคนกินข้าวน้อยลง ดื่มกาแฟมากขึ้น แนวโน้มตลาดกาแฟก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งตอนโควิดก็ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าผู้บริโภคปรับตัวในรูปแบบการดื่ม จากที่เคยเดินทางไปคาเฟ่ พบปะสังสรรค์ เปลี่ยนมาเป็นเวิร์คฟอร์มโฮม ลูกค้าก็สั่งกาแฟไปดื่มที่บ้าน ทางแบรนด์จึงเกิดผลิตภัณฑ์มาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการทำกาแฟดื่มเอง ผลิตภัณฑ์ของอากาเป จึงมีผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น กาแฟคั่วบด, ชุดดริปกาแฟ และแคปซูลกาแฟอีกด้วย”

ในอนาคตตั้งเป้าที่จะพัฒนาสินค้าไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพและสินค้าให้มีมาตรฐานให้รองรับกับผู้บริโภคให้มากที่สุด และยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปกาแฟในรูปแบบสำเร็จรูปหรือสามารถทำดื่มเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีกาแฟเข้มข้นที่สามารถไปชงกาแฟต่อได้มากถึง 8 แก้ว

สนใจติดต่อ 09 5539 9559

* * *คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น