ในแวดวงนักขาย นักการตลาดออนไลน์ วันนี้ ชื่อของ “วรรณภาณี ทัศนาญชลี” หรือ “อาจารย์อ๋อม นักขายสายดาต้า” เริ่มเป็นรู้จักหลังจากที่ “คุณอ๋อม” ได้ตัดสินใจนำความรู้ประสบการณ์ด้านการตลาดที่เธอสะสมมาจากการเรียนในต่างประเทศ และการทำงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติหลายแห่ง รวมถึงการเป็นแม่ค้าน้ำปลาหวานที่เคยมียอดขายเดือนละล้านบาท ออกมาถ่ายทอดให้กับเหล่าบรรดาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตั้งแต่พ่อค้า แม่ค้าตลาดสดไปยังเจ้าของกิจการ ผ่านการไลฟ์สดหน้าเพจชื่อว่า “อาจารย์อ๋อม นักขายสายดาต้า” ในทุกวันเสาร์
จากเวทีไลฟ์สด สู่ธุรกิจสตาร์ทอัป
อาจารย์อ๋อม เล่าว่า คนที่ติดตามฟังเรื่องที่ตนเองนำมาบอกเล่าในครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่ ผู้ประกอบการเจ้าของกิจการ แม้แต่พ่อค้าแม่ค้า ในตลาดสดรวมถึงเกษตรกร ต่างให้ความสนใจ และเข้ามาติดตามฟังเรื่องที่ “อ๋อม” นำมาบอกเล่า และทุกคนก็มาร่วมแชร์ประสบการณ์ และเวลามีปัญหาอะไรก็สอบถามกันเข้ามา พอเกิดคำถามเยอะขึ้น ทำให้อ๋อมตัดสินใจว่า ถึงเวลาที่เราไม่ควรจะเป็นแค่ที่ปรึกษา และตอบคำถามแค่ผ่านการไลฟ์สดเท่านั้น เราควรที่จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เหล่านั้นประสบความสำเร็จด้วย
“ที่ผ่านมา สิ่งที่“อ๋อม” เจอเหมือนกันไม่ว่า เราจะทำงานกับเอสเอ็มอีในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราเคยทำงานให้กับแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Amazon เค้าให้เราไปสอนเรื่องเทคนิคการขายให้กับแม่บ้านอเมริกัน หรือ การกลับมาประเทศไทย และได้มีโอกาส ทำงานที่ธนาคารทหารไทย TTB ได้ลงไปช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าธนาคาร เรียกว่าทั่วประเทศ ก่อนที่จะมาทำรายการ “อาจารย์อ๋อม นักขายสายดาต้า” ทำให้ได้เจอเอสเอ็มอีคนไทย ซึ่งเอสเอ็มอีมือใหม่เหล่านี้ จะมีความต้องการเหมือนกัน คือ เขาไม่ชอบอะไรที่มีเทคนิคขั้นตอนเยอะหรือการลงมือทำเอง ส่วนใหญ่จะขอให้ “อ๋อม” มาทำให้หน่อย หรือไม่ก็ขอหุ้นด้วย ทุกคนอยากขายได้ อยากรวย แต่ไม่ชอบขั้นตอนเทคนิคอะไรที่วุ่นวาย ด้วยเหตุนี้เอง “อ๋อม” ตัดสินใจ เปิดบริษัท ที่ชื่อว่า รีเทเลเจอร์ จำกัด (Retailature) รับวางแผนการตลาดแบบครบวงจรให้กับเอสเอ็มอีและองค์กรที่สนใจ”
โดยบริษัท รีเทเลเจอร์ จำกัด มาจากคำว่า รีเทล retail แปลว่าขายปลีก ซึ่งการขายของออนไลน์ส่วนใหญ่คือการขายปลีก โดยเราได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งขึ้นมาที่มาช่วยด้านการตลาดออนไลน์ให้ลูกค้าของเรา ชื่อว่า nextbest การทำงานของ nextbest ต้องการช่วยวางแผนการตลาดให้แบบครบวงจรและถูกต้อง
กว่าจะมาเป็น “อ.อ๋อมนักขายสายดาต้า”
วรรณภาณี (อ.อ๋อม) เล่าว่า กว่าจะเป็น “อาจารย์อ๋อม นักขายสายดาต้า” ในวันนี้ เธอได้ผ่านการทำงานด้านการขายมาทุกรูปแบบ การขายเหมือนอยู่ในสายเลือดของเธอไปแล้ว โดยเธอเริ่มต้นขายของมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ตอนนั้น ครอบครัวของเธอไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งด้วยค่าครองชีพที่นั้นสูง ทำให้เธอเริ่มคิดว่าเธอจะต้องหาเงินใช้จ่ายเองไม่พึ่งครอบครัวตั้งแต่ตอนเรียนไฮสคูล เริ่มขายขนมไปซื้อขนมจากห้างค้าส่งแห่งหนึ่งมาขายที่โรงเรียน ซึ่งที่โรงเรียนไม่ได้อนุญาตให้นำขนม หรืออะไรเข้าไปขาย แต่เธอก็แอบขาย จนเธอสามารถซื้อจักรยานราคาหลักแสนบาทมาขี่ได้
จากการขนม และมันขายได้เธอก็เริ่มสนุกกับมัน หลังจากนั้นก็ขยับมาขายสินค้าที่แพงขึ้น มาเป็นพีซี ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และซื้อคอมพิวเตอร์มาประกอบขาย ทำงานระหว่างเรียนหนังสือไปด้วยตลอดจนเรียนจบ และได้มาทำงานให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งดูแลด้านการตลาด และ หลังจากแต่งงานและมีลูก ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน แต่ด้วยจิตวิญญาณของการเป็นนักขาย พอเห็นสินค้าแม่และเด็ก ชุดเสื้อผ้าคุณแม่ คุณลูก ก็เลยอยากลองขายบ้าง ตอนแรกทำเพื่อฆ่าเวลา แต่ทำไปทำมาขายดีมาก ก็เลยเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งใช้การออกแบบในต่างประเทศและมาใช้โรงงานในประเทศไทยตัดเย็บให้เพราะจะได้ต้นทุนที่ถูก ขายดีขนาดทางอเมซอนรับเข้าไปเป็นพนักงาน และทำให้ได้ทำงานกับอเมซอน โดยทำหน้าที่คอยอบรมแม่บ้านที่อเมริกา ที่ขายสินค้าบนอเมซอน
หลังจากนั้นได้กลับมาประเทศไทย เพราะในช่วงนั้นที่อเมริกาเกิดสถานการณ์เรียกว่าวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) ในปี 2009 และได้มาทำงานประจำกับบริษัทข้ามชาติ เช่น บริษัทไมเนอร์ฟู้ดส์ จำกัด บริษัท สเวนเซ่นส์ ไทยแลนด์ จำกัด ได้ดูแลด้านการตลาดในภูมิภาคอาเซียน และทำงานกับบริษัทผู้ผลิตยีนส์ลีวาย และทำงานที่ธนาคารทหารไทย TTB ฯลฯ ซึ่งในระหว่างทำงานเป็นพนักงานประจำ ได้มีการทดสอบการเป็นแม่ค้าออนไลน์ของตัวเองไปพร้อมกันด้วย โดยการเปิดขายน้ำปลาหวานแบรนด์หลานหลง เป็นสูตรน้ำปลาของคุณยาย ซึ่งการเป็นนักขายสายดาต้า ช่วยทำให้สามารถทำยอดขายน้ำปลาหวานสูงไปแตะถึงเดือนละหนึ่งล้านบาทมาแล้ว หลังจากนั้นตัดสินใจมาเปิดบริษัทของตัวเอง ตามที่กล่าวมาข้างต้น
โลกออนไลน์ไม่หยุดนิ่ง ทำให้เอสเอ็มอีหลงทาง
“ทั้งนี้เราต้องการจะช่วยเอสเอ็มอีขายออนไลน์ที่แท้จริง ซึ่งขายออนไลน์ที่แท้จริงเริ่มจาก รูปแบบการทำตลาดที่ถูกต้อง โดยมันจะต้องผ่านการคิด คำนวณ ทุกอย่าง ทั้งราคา โปรโมชั่น โปรดักส์อะไรต่างๆ มีองค์ประกอบมากมาย พอโลกออนไลน์ไม่หยุดนิ่งในเวลานี้จริงๆ ทำให้เอสเอ็มอีหลงทาง และเอสเอ็มอีเค้าไม่มีทุนที่จะมาทำรีเสิร์ซ ซึ่งตรงนี้บริษัทของ “อ๋อม” เรามีตรงนี้ให้เอสเอ็มอี เพราะบริษัทของอ๋อมจะทำรีเสิร์ซจากโลกออนไลน์ คือ อ๋อมมีดาต้าของเราเอง เราจะรู้ว่า อะไรขายดี อะไรขายได้ และนำข้อมูลเหล่านั้น มาให้เขาตัดสินใจอีกทีหนึ่งว่า อะไรที่เขาอยากขาย อะไรคือจุดที่ได้กำไรมากสุด สิ่งที่ “อ๋อม” ทำ คือ อ๋อมหาลูกค้ามาให้เขาด้วย หาโปรดักส์ หาลูกค้าให้มาเจอกัน จากสิ่งที่เรามีอยู่นั่น คือ “ดาต้า” ทำให้เราได้ฉายาว่า “อาจารย์อ๋อม นักขายสายดาต้า”
เอสเอ็มอียอมจ่ายมากกว่าองค์กรขนาดใหญ่
สำหรับลูกค้าของบริษัทจะมีทั้งที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี ซึ่งการทำงานกับองค์กรใหญ่ หรือทำกับเอสเอ็มอี ความยากไม่ได้แตกต่างกันเลย การทำกับเอสเอ็มอีมีความยากในมุมของเอสเอ็มอี แต่ถ้าถามถึงรายได้ หรือ การยอมจ่ายเงินของลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอีจะยอมจ่ายมากกว่า องค์กรใหญ่ เอสเอ็มอีบางราย พอแค่ให้สามารถสร้างยอดขายได้ในระดับที่พอใจ แม้ว่าจะต้องจ่ายเป็นหลักล้านก็ยินดี ในขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ จะมีรูปแบบการจ่ายเงินโดยจะตั้งยอดค่าใช้จ่ายเอาไว้ก่อน และเราต้องทำอยู่ในกรอบนั้น องค์กรขนาดใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องของการพัฒนาโปรดักส์ แผนการทำประชาสัมพันธ์ต่างๆ เขาก็เลยไม่ได้มาทุ่มจ่ายให้กับเราเหมือนเอสเอ็มอี ที่ต้องพึ่งพาเราเพียงอย่างเดียว
ในส่วนลูกค้าเอสเอ็มอี เราเปิดรับหมดทุกราย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก หรือ รายใหญ่ จะทำสินค้าประเภทไหน ยกเว้นสินค้าผิดกฎหมาย ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ เดือนละ 1,999 บาท ไปจนถึงเดือนละ 15,000 บาท และล่าสุดนอกจากผลิตภัณฑ์ nextbest เราก็มีแพลตฟอร์มชื่อว่า Luna สำหรับลูกค้าที่ต้องการให้เราช่วยขายของ เพราะบางคนไม่อยากขายใน Shopee Lazada
บิ๊กดาต้า AI ช่วยให้เอสเอ็มอีไม่หลงทาง
วรรณภาณี (อ๋อม) ถ่ายทอดประสบการณ์ สมัยที่เธอทำน้ำปลาหวาน หรือ ทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ที่ชื่อว่า Laurenkiyomi เสื้อผ้าสำหรับเด็กและชุดคลุมท้อง ประสบการณ์การทำน้ำปลาหวานตอนนั้น เธอตัดสินใจซื้อโฆษณาทางหน้าเพจเฟซบุ๊ก วันละ 2,000 บาท ทุกวันต่อเนื่อง จนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย หรือ การทำแบรนด์เสื้อผ้า ตอนนั้นได้อบรมกับอเมซอน สอนให้เราดูข้อมูล ดูกราฟท์ และให้เราลองปรับไปตามข้อมูลที่ได้ เช่น แนะนำว่าลองลดราคาลงมาสัก 28% จะขายได้ ตอนนั้นข้อมูลต่างๆ คือ AI เราก็ปรับไปตาม AI ซึ่งก็ได้ผลจริงยอดขายเพิ่มขึ้นมาก อ๋อมอยู่กับทำบิ๊กดาต้าเมืองนอก รวมถึงการเรียนมาในสายเศรษฐศาสตร์ ด้วย ตั้งแต่อายุ 21 ปี หลังจากเรียนจบ เริ่มเก็บข้อมูลบิ๊กดาต้า เพราะบนโลกการค้าดิจิทัล จะต้องต่อยอดด้วย AI เข้ามาเชื่อมข้อมูลทุกอย่าง ดังนั้น บิ๊กดาต้าบนโลกดิจิทัลมันคือ AI นั่นเอง
ที่ผ่านมา ข้อมูลบิ๊กดาต้า ส่วนหนึ่งได้มาจากการที่เราได้ดิว กับแพลตฟอร์มยูทูป เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ฯลฯ และเราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ มาบอกให้กับเอสเอ็มอีผ่านการไลฟ์สดของ “อ๋อม” ทุกวันเสาร์ และเมื่อลาออกจากงานประจำมาเปิดบริษัทเมื่อ 4 ปีแล้ว “อ๋อม” สร้าง ตัวโปรดักส์ที่ชื่อ nextbest ในแวดวงการตลาดเมืองนอกคำว่า nextbest จะถูกนำมาใช้กันมาก ซึ่งหมายถึง เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าชิ้นนั้นแล้วเขาควรจะต้องซื้ออะไรต่อ โดยAI จะมาช่วยวิเคราะห์ให้ เพราะสิ่งที่เราทำอยู่มันคือ AI ในส่วนของเอสเอ็มอี nextbest ของเรา คือ ก้าวเข้ามาทำ คือ คิดเสร็จแล้วก็ลงมือทำ
โดยเราจะช่วยวางแผนการตลาดให้ ผ่านบิ๊กดาต้าที่เรามี ซึ่งถ้าวางแผนก่อนและเมื่อเกิดการผิดพลาดเราก็จะรู้ว่าผิดพลาดตรงไหนและจะเริ่มใหม่อย่างไร ตัวอ๋อมเองก็เริ่มต้นจากศูนย์ทุกครั้งที่เราทำงาน เราก็รู้ว่าเอสเอ็มอีหลายคนต้องเริ่มมาจากศูนย์ แต่เริ่มแบบมีเครื่องมือหรือ ตัวช่วยโอกาสความผิดพลาดลดน้อยลง และประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน
ติดต่อโทร. 09-9398-3563
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager